ย้อนรอยอดีต คำปราศรัยของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์




คำปราศรัยของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เกี่ยวกับคดีปราสาทพระ




ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า
ข้าพเจ้ามาพูดกับท่าน ด้วยน้ำตา
แต่น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย
ของเลือด ของความคั่งแค้น
และการผูกใจเจ็บไปชั่วชีวิต
ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
พี่น้องชาวไทยที่รัก
ในวันหนึ่งข้างหน้า
เราจะต้องเอาปราสาทพระวิหาร
กลับคืนมาเป็นของชาติไทย ให้จงได้"



เทปบันทึกเสียง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มีการเผยแพร่ เป็นเพียงไฮไลท์ของคำปราศรัย หากได้ฟังหรืออ่านคำปราศรัยฉบับเต็มๆ



จะพบว่ามีข้อเท็จจริงและนัยระหว่างบรรทัดอีกมากมาย อันเป็นหลักฐานง่ายๆ ทางประวัติหลายประการ อาทิ "รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริง ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ และในหลักความยุติธรรม"



คำปราศรัยของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร ทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕


พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย


ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า "ศาลโลก" ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ให้ปราสาทพระวิหารตกไปเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบมาโดยลำดับแล้วนั้น โดยที่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโดยเฉพาะตัวข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียอย่างสำคัญของชาติ เป็นเรื่องของผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้อุตสาห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา จึงสมควรที่เราทุกคนจะได้เอาใจใส่ และสนใจร่วมรู้ร่วมเห็นก่อนที่จะมีการดำเนินงานใด ๆ ลงไปเกี่ยวกับผืนแผ่นดินนี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและของตัวข้าพเจ้าเองที่จะต้องชี้แจงให้พี่น้องร่วมชาติที่รักทั้งหลาย ได้ทราบถึงการที่รัฐบาลนี้จะต้องตัดสินใจในกรณีปราสาทพระวิหารต่อไป


แต่เนื่องจากในคำปราศรัยนี้ เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลายอยู่มาก ข้าพเจ้าจึงจำต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด การแสดงออกของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกในสัปดาห์ที่แล้วมา เป็นสิ่งที่เห็นกันอย่างแน่ชัดอยู่แล้ว แต่ก็จะทำอย่างไรได้ เราต้องถือว่าเป็นคราวเคราะห์ร้ายของเราที่ต้องมาประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ เราจะไม่โทษใครเป็นอันขาด เพราะการไปโทษผู้ที่พ้นจากหน้าที่ไปนั้น ย่อมเป็นการไม่สมควร แต่ทั้งนี้ก็มิใช่ว่าเราจะพากันนิ่งเฉยท้อแท้ใจ ชาติไทยจะยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอณานิคมมาแล้วหลายครั้ง ถ้าบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป ส่วนเราจะต่อสู้อย่างไร นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะในการต่อสู้ในกรณีเช่นนี้ เราอาจจะทำได้หลายวิธี และแต่ละวิธีก็มีผลดีผลเสียแตกต่างกัน เราจะต้องได้พิจารณาให้สุขุมรอบคอบ ต้องใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ และด้วยสายตามองการณ์ไกล แล้วเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุด ละเมียดละไมและให้คุณประโยชน์มากที่สุด ทั้งในเวลานี้และในอนาคต ชาติเราจึงจะสามารถธำรงเอกราชและอธิปไตยอยู่ได้ และอยู่ในฐานะที่กล่าวได้ว่า "เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ" ขอให้พี่น้องผู้รักชาติทั้งหลายโปรดอย่าได้ใช้อารมณ์หุนหันพลันแล่นหรือคิดมุทะลุ จะหักหาญกันด้วยกำลังแต่เพียงอย่างเดียว สำหรับตัวข้าพเจ้า ในฐานะที่มีชีวิตเป็นทหารมาแต่เล็กแต่น้อย และได้เคยผ่านสงครามทำการสู้รบมาแล้วหลายครั้ง ข้าพเจ้าจึงมิได้มีความเกรงกลัวการสู้รบแต่ประการใดเลย แต่ตามพันธกรณีที่มีอยู่ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะต้องรบกัน


สำหรับกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริง ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ และในหลักความยุติธรรม ตามเหตุผลที่รัฐบาลได้แถลงไปแล้ว แต่เราก็ตระหนักดีว่า คำพิพากษาของศาลเป็นอันเสร็จเด็ดขาด ไม่มีทางจะอุทธรณ์ได้ ยิ่งกว่านั้น กฎบัตรของสหประชาชาติ มาตรา ๙๔ บ่งไว้ว่า "ข้อ ๑ สมาชิกแต่ละประเทศของสหประชาชาติรับที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีใด ๆ ที่ตนตกเป็นผู้แพ้ ข้อ ๒ ถ้าผู้แพ้ในคดีใด ไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันซึ่งตตกอยู่แก่ตนตามคำวินิจฉัยของศาล อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งถ้าเห็นเป็นการจำเป็น ก็อาจทำคำแนะนำ หรือวินิจฉัยมาตรการที่จะดำเนิน เพื่อยังผลให้เกิดแก่คำพิพากษานั้นได้"


เมื่อเป็นดังนี้ แม้ว่ารัฐบาลและประชาชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและข่มขืนเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฏบัติสหประชาชาติ กล่าวคือ จำต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือพระวิหารนั้น ตามพันธกรณีแห่งกฎบัติสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งข้อประท้วง และขอสงวนสิทธิอันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายหน้า ให้ได้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันควร


พี่น้องชาวไทยที่รัก ข้าพเจ้าเองก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับพี่น้องทั้งหลาย และถ้าพูดถึงความรักชาติบ้านเมือง ข้าพเจ้าก็เชื่อเหลือเกินว่า ข้าพเจ้ามีความรักชาติไม่น้อยไปกว่าพี่น้องคนไทยทั้งหลาย แต่ที่รัฐบาลจำต้องโอนอ่อนปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ ก็โดยคำนึงถึงเกียรติภูมิของประเทศไทย ที่เราได้สร้างสมไว้เป็นเวลานับร้อยๆ ปี ยิ่งกว่าปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ มิใช่เกิดจากความกลัวหรือความขี้ขลาดแต่ประการใดเลย แต่พี่น้องชาวไทยทั้งหลายจะต้องมองการณ์ไกล เวลานี้เราอยู่ในสังคมของโลก สมัยนี้ไม่มีชาติใดที่จะอยู่โดยโดดเดี่ยวได้ ประเทศไทยของเราได้รับความนิยมนับถือจากสังคมนานาชาติเพียงใด พี่น้องทั้งหลายคงจะทราบดีอยู่แล้ว ถ้าชาติของเราจะต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากซากปราสาทพระวิหารคราวนี้แล้ว อีกกี่สิบกี่ร้อยปี เราจึงจะสามารถสร้างเกียรติภูมิที่สูญเสียไปคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบดีว่า การสูญเสียปราสาทพระวิหารคราวนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้น แม้ว่ากัมพูชาจะได้ปราสาทพระวิหารนี้ไป ก็คงได้ไปแต่ซากสลักหักพังและแผ่นดินเฉพาะที่รองรับพระวิหารนี้เท่านั้น แต่วิญญาณของปราสาทพระวิหารคงยังอยู่กับไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเท่ห์เล่ห์กลของคนที่ไม่รักเกียรติและไม่รักความชอบธรรม เมื่อประเทศไทยประพฤติตนดีในสังคมของโลก เป็นประเทศที่มีศีลมีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทพระวิหารจะต้องกลับคืนมาอยู่ในดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติของประเทศไทยตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติครั้งนี้ คงจะทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเห็นอกเห็นใจเรายิ่งขึ้น เหตุการณ์เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารครั้งนี้ จะสลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และจะเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยตลอดไป เสมือนหนึ่งแผลเป็นที่หัวใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าก็ยังหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุดธรรมะ ย่อมชนะอธรรม การหัวเราะทีหลังย่อมหัวเราดังและนานกว่า


อนึ่ง ในเรื่องนี้รัฐบาลรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย ที่ได้พระราชทานคติและพระบรมราโชวาทแก่รัฐบาลด้วยความที่ทรงห่วงใย ในสวัสดิภาพของชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง


ขอให้พี่น้องร่วมชาติทุกท่านได้โปรดวางใจเถิดว่า รัฐบาลที่ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก ก้าวไปสู่อนาคตอันสุกใสได้ในที่สุด และข้าพเจ้าขอรับรองต่อท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติเข้าที่คับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องชาวไทยเอาเลือดทาแผ่นดินไว้ โดยไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองก็มีความเจ็บช้ำน้ำใจมิได้น้อยไปกว่าเพื่อนร่วมชาติที่รักทั้งหลายเลย การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ในวันนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านด้วยน้ำตา แต่น้ำตาของข้าพเจ้าเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคั่งแค้นและการผูกใจเจ็บไปชั่วชีวิต ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฎิญาญด้วยสัจวาจานี้ไว้ พี่น้องที่รัก น้ำตาไม่ได้ช่วยให้คนฉลาดขึ้นและได้อะไรคืนมา นอกจากความพยายาม ความสามัคคี ความสุขุมรอบคอบ ความอดกลั้นที่กล้าเผชิญกับความสูญเสีย พร้อมทั้งรวมกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด เพื่อให้ชาติที่รักของเรา แข็งแกร่งมั่นคงถาวรยิ่งขึ้น ในขั้นสุดท้ายชาติไทยต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ ต้องยิ้มรับต่อภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบวรพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ด้วยความเป็นธรรมตลอดมา ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่าชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นแต่เพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งมีความสำคัญมากกว่านี้มากนัก ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาตามวิถีทางที่ดีอยู่แล้วทุกทาง เหตุนี้ไม่ใช่เหตุของความอับจน เราจงหวังและทำในเรื่องของชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้ามั่นใจเหลือเกินว่า ชาติไทยของเราจะมีอนาคตอันแจ่มใสและรุ่งโรจน์ประเทศหนึ่งอย่างแม่นมั่นในอนาคตอันใกล้นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป


พี่น้องชาวไทยที่รัก ในวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องเอาปราสาทพระวิหาร กลับคืนมาเป็นของชาติไทย ให้จงได้

สวัสดี.




คำปราศรัยของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ประกาศทวงคืนพระวิหาร หลังถูกศาลโลกตัดสินยกให้เขมร



1

ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=oLML8lpDBks



2

ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=kGKwH0LBP-Y



3

ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=BT2th8XD4MA






ที่มา
พิมพ์จากสำเนาต้นฉบับคำปราศรัยของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (จากภาคผนวกในสมุดปกขาวกระทรวงการต่างประเทศ กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก, มิถุนายน 2551)








...............................................................................