อ่านพ้อ บทความนี่แล้วรู้สึกดีใจหลายๆจ้า อยากให้พี่น้องบ้านมหาเฮาได้มาอ่านเบิ่งนำกัน และก็ซอยกันสนับสนุนและทำกันหลายๆน้อจ้า ศักยภาพของคนอิสานมาเฮาในเรื่องแบบนี้ เป็นหนึ่งบ่มีสองอยู่แล้วน้อจ้า รับรองถ้าทำได้และได้รับแรงสนับสนุนดีๆแบบนี้จากคนที่รู้จริงในเรื่องแบบนี้ อิสานบ้านเฮาจะเป็นทำเลทองแห่งอู่ข้าวอู่ข้าวของโลกในอนาคตได้แน่นอนน้อจ้า มาๆมาซ่อยกันสนับสนุนและประชาสัมพันธ์จ้า อ่านข่าวนี้แล้วชื่นใจ.. อยากให้บ้านเฮาทำกันหลายๆอ่านข่าวนี้แล้วชื่นใจ.. อยากให้บ้านเฮาทำกันหลายๆ


"สินค้าเกษตรปลอดสารพิษขายดีในโลก"

เสาร์พรุ่งนี้ ทางช่อง 3 เวลา 06.00-06.30 น. นิติภูมิกับลูกสาวชวนท่านทั้งหลายไปชมห้างบอมเบย์สโตร์ ซึ่งซื้อสินค้าโอทอปไทยไปขายในอินเดีย รายการวันพรุ่งนี้ ผมยังรับใช้ถึงการสร้างหนังรัสเซียในไทย ซึ่งใช้ งบประมาณไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้การท่องเที่ยวในจันทบุรี ระยอง และกาญจนบุรี บูมตูมตาม หลังจากที่จะแพร่ภาพในโทรทัศน์ ช่อง 1 กรุงมอสโก ซึ่งเป็นช่องที่มีคนดูมากที่สุดของรัสเซีย บริษัทบาลานซ์ฯ ของนิติภูมิไม่เคยเกี่ยวดองหนองยุ่งกับภาพยนตร์ใหญ่ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เชิญท่านชมได้ในเช้าวันเสาร์ มาดูว่าพวกผมทำหนังรัสเซียกันยังไงครับ

แม้ว่าสถานการณ์โลกจะมีการประท้วงกันวุ่นวายขายปลาช่อน ทว่าประเทศไทยของเรายังพอไปได้บ้างจากการท่องเที่ยว ทั้งที่มีผลกระทบจากสถานการณ์ทางภาคใต้ของไทย จากการเล่นกีฬาสีระหว่างสีเหลือง แดง เขียว น้ำเงิน จากสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ฯลฯ ก็ตาม

แนวโน้มการท่องเที่ยวโลกเปลี่ยนไปไวมาก ประเทศที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต อาจจะไม่ใช่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน หรือในอนาคต เราจึงต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา แม้แต่การสร้างภาพลักษณ์ด้านอาหารการกินที่มีสุขอนามัยให้ประเทศนี่ เราก็ต้องเร่งทำ


ผมพบพื้นที่ในฝันด้านพืชผักปลอดสารพิษในประเทศไทยอยู่แห่งหนึ่ง อยู่ที่อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ชาวบ้านอาศัยพื้นที่ริมสระปลูกผักปลอดสารพิษ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้สารเคมีกันจริงๆ ผมไปเยือนแล้วก็ปลื้มใจ ยามเช้าชาวบ้านปั่นจักรยานไปรดน้ำผัก เก็บผักไปขาย บางรายก็เอาเมล็ดผักใหม่ลงหลุม

ประธานสภา อบจ.ศรีสะเกษ คือ คุณวิสุทธิ์ชาติ ปัญญาทรงรุจิ เอาอิฐบล็อกไปแบ่งเป็นแปลงๆ และก็ให้ชาวบ้านจับสลากแบ่งแปลงกัน อันนี้เป็นอะไรที่เราสามารถเอาตัวอย่างไปทำได้ทั้งประเทศ ผู้อ่านท่านที่ไปดูงานยุหร่งยุโรปอะไร ไม่ต้องไปหรอกครับ ตัวอย่างที่ดีที่สุดอยู่ที่อำเภอไพรบึง ผมปวารณาตัวว่าจะไปเยือนแปลงผักปลอดสารพิษของชาวบ้านอำเภอไพรบึงอีก นอกจากนั้น ก็ยังขอเชิญชวนให้ท่านซื้อผักปลอดสารพิษพวกนี้จากชาวบ้านไปบริโภค หรือซื้อไปจำหน่ายจ่ายแจก

ภัตตาคารร้านใดที่รับผักของลุงอู๋ ลุงชู ลุงผัน ตามั่น ยายมี ฯลฯ ไปประกอบอาหาร นิติภูมิจะทำโฆษณาให้ท่านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งโฆษณาออนไลน์ ป้ายโฆษณา หนังสือโฆษณาเล่มเล็กๆ ลงในรายการโทรทัศน์ ฯลฯ ทำอะไรยังไงก็ได้ ที่จะให้เกษตรกรหันมาสนใจในการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ สบายใจทั้งคนไทยที่บริโภค สุขใจทั้งชาวต่างประเทศที่ซื้อสินค้าเกษตรของไทย วิธีการง่ายๆก็คือ ท่านติดต่อไปที่ประธานสภา อบจ.ศรีสะเกษ ผมยินดีที่จะเป็นหนึ่งในหัวขบวนเกษตรอินทรีย์ในอำเภอนี้ หรือแม้แต่ตำบลใด หมู่บ้านไหน จะรวมใจร่วมมือกันผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ผมก็ยินดีขึ้นไปรับใช้ และจะพยายามเอาสินค้าอินทรีย์ไม่มีสารเคมีของท่านแปลเป็นภาษาต่างๆ เพื่อลงโฆษณาในตลาดที่ต้องการสินค้าพวกนี้ ซึ่งมีอยู่ทั่วโลก


งานพวกนี้ทำคนเดียวไม่ได้ดอกครับ ท่านที่สำคัญจริงๆที่ต้องเข้ามาร่วมก็คือ หน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกษตร สหกรณ์ อบจ. อบต. เทศบาล ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ฯลฯ ถ้าท่านสนใจในเกษตรอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดสารพิษ ปลอดสารเคมี มาร่วมมือรณรงค์กันให้มันเป็นเรื่องจริง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยอันดับ 1 ของโลก ทำทั้งประเทศไม่ไหว ก็เริ่มกันไปทีละหมู่บ้าน ทีละตำบล คนเขตอื่นเห็นว่าสินค้าอินทรีย์ขายได้ ก็จะทำตามกัน

ผู้อ่านท่านที่เคารพ เดิมคนศรีลังกากินหอมแดงอินเดีย ต่อมามีการเอาหอมแดงจาก อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ไปให้คนศรีลังกาลองทานดู ปรากฏว่าติดใจกันใหญ่ เพราะหอมแดงของอำเภอยางชุมน้อยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ อร่อย ใหญ่ แห้ง แดง มัน คอเล็ก และ "ปลอดสารพิษ" ชื่อเสียงเรียงนามของหอมแดงยางชุมน้อยของไทยกระจายขยายไปไกลถึงอินโดนีเซียและบรูไนโน่น


พ.ศ.2553 หอมแดงยางชุมน้อยส่งไปขายในอินโดนีเซียได้ 7 พันตัน ตอนนี้ผู้คนทั้งศรีสะเกษปลูกหอมแดงกันมากถึง 15,000 ราย เฉพาะผู้คนจากเขตเทศบาลตำบลยางชุมน้อยปลูกกันทั้งสิ้น 1,200 ราย

สถิติ พ.ศ.2553 จาก 1,200 รายของผู้คนในเขตเทศบาลตำบลยางชุมน้อย พวกที่มีรายได้จากหอมแดงเกิน 3 ล้านบาทต่อปี มี 14 ครัวเรือน เกิน 2 ล้านบาท มี 47 ครัวเรือน เกิน 1 ล้านบาท มี 140 ครัว นอกนั้นได้กันประมาณ 5 แสน

นิติภูมิประกาศตัวหนุนคุณกันตนา ทองอินทร์ นิติศาสตรบัณฑิตจากรามคำแหง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลยางชุมน้อย ที่ประกาศว่า ใน พ.ศ.2558 ผู้ที่ปลูกหอมแดงในยางชุมน้อยจะต้องมีรายได้ต่อปีครอบครัวละ 1 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ ผมมั่นใจว่าเป็นไปได้ หากท่านมุ่งมั่นผลิตหอมแดงปลอดสารพิษอยู่อย่างนี้ ตลาดใหญ่ที่สุดของหอมแดงอยู่ที่ประเทศต่างๆ ทางตะวันออกกลางนั่นเองครับ

ผมมีตัวอย่างผู้ผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษที่ส่งของไปขายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดยุโรปอยู่มากมายหลายราย รัฐบาลท่านก็รู้ว่านี่คือทางรอดของประเทศไทย แต่เงินหนุนพรรคและนักการเมืองจากบริษัทผลิตภัณฑ์ สารเคมีทางเกษตรนี่มันมากขนาดขี้เปรอะเขรอะตา

ขี้เปรอะตาท่านมากซะจน ท่านมองไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของประชาชน.



นิติภูมิ นวรัตน์ เปิดฟ้าส่องโลก