ภัยจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นระเบิดปล่อยสารกัมมันตรังสี 3





จาก การรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ

ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการระเบิดของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด ดังนั้นจึงเป็นการระเบิดหรือการลุกไหม้นั้นไม่ได้เกิดที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพราะระบบการทำงานถูกตัดโดยอัตโนมัติ ประชาชนทั่วโลกไม่ควรตำใจเกินเหตุ

แม้ว่าขณะนี้ สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นยกระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาจาก 4 เป็น 5 ก็ตาม







ภัยจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นระเบิดปล่อยสารกัมมันตรังสี 3





ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=NGUIdVkhpDw




ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=iVXkbzGauwo






18 มีนาคม 2554 สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นยกระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาจาก 4 เป็น 5

(ซึ่ง ระดับ 5 หมายความว่าเหตุการณ์นั้นจะมีผลกระทบหรือผลพวงในวงกว้าง ส่วนระดับ 4 หมายถึงเหตุการณ์นั้นมีผลกระทบหรือผลพวงในระดับท้องถิ่น)



เอเอฟพี - รายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวทำให้วิกฤตฟูกูชิมาอยู่ในระดับเดียวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเกาะทรีไมล์ เพนซิลวาเนีย เมื่อปี 2522 ขณะที่ก่อนหน้านี้สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสระบุว่าวิกฤตครั้งนี้มีความรุนแรงอยู่ในระดับ 6 ส่วนอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลอยู่ในระดับ 7 หรือระดับสูงสุดตามมาตรฐานสากล


แต่การรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ


ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการระเบิดของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด ดังนั้นจึงเป็นการระเบิดหรือการลุกไหม้นั้นไม่ได้เกิดที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพราะระบบการทำงานถูกตัดโดยอัตโนมัติ





แจงระดับรับปริมาณรังสี



“ในส่วนของผู้ที่ได้รับรังสี แบบที่มีปริมาณมากในช่วงระยะเวลาสั้นนั้น ก็จะส่งผลกระทบตามปริมาณของรังสีที่ได้รับจะแบ่งเป็น ปริมาณรังสี 0-250 มิลลิซีเวิร์ต จะไม่ปรากฏอาการใดๆทั้งสิ้น 250-500 มิลลิซีเวิร์ต จะทำให้กระดูกสันหลังหยุดการสร้างเมล็ดเลือดขาวลงชั่วคราว 500-1,000 มิลลิซีเวิร์ต เซลล์ไขกระดูกถูกทำลายทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง เกล็ดเลือดลดลง ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย และมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย 2,000 มิลลิซีเวิร์ต ระบบทางเดินอาหารจะเริ่มถูกทำลายทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ในบางรายที่มีอาการรุนแรง และไม่ได้รักษาอย่างถูกต้องรวดเร็ว อาจถึงแก่ชีวิตได้ ปริมาณรังสี 4,000 มิลลิซีเวิร์ต ระบบเม็ดเลือดขาวจะถูกทำลายจนหมด ระบบทางเดินอาหารจะถูกทำลายอย่างหนัก ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตได้ 6,000 มิลลิซีเวิร์ต ไขกระดูกจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายในเวลา 10วัน ปริมาณรังสี 10,000 มิลลิซีเวิร์ตขึ้นไป ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 1-2 วัน”




ยันอาหารปลาดิบปลอดภัย


ดร.วีระชัย กล่าวต่อว่า ปส.เริ่มสุ่มตัวอย่างอาหารมาตรวจตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งต่อมาด้วยความที่ทางสำนักงานปรมาณูฯมีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ จึงได้ทำงานร่วมกับทางองค์การอาหารและยา(อย.) ซึ่งทางอย.ส่งตัวอย่างอาหารสดที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นให้ตรวจหาสารปนเปื้อน เป็นปลา 5 ชนิดและสตอร์เบอรรี่ มันฝรั่ง พลับแห้ง ซึ่งก็ไม่พบสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ ว่าอาหารที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นเวลานี้ แม้จะเป็นอาหารสดก็สามารถรับประทานได้ ไม่มีสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนแน่นอน




ชี้ผู้คนตื่นกลัวก็เพราะข่าว


ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ฯ จัดเสวนาวิชาการ “เคลียร์ นิวส์( Clear News) นิวเคลียร์” เผยทุกมิติสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ปรีชา การสุทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ในประเทศไทย และอดีตนายกสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย ดร.บุรินทร์ อัศวพิภพ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ฯ และรองศาสตราจารย์ นพ.ธวัชชัย ชัยวัฒนรัตน์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬา ฯ ร่วมเสวนา โดยศาสตราจารย์ปรีชา กล่าวว่า


ทุกวันนี้ทั่วโลกหวั่นไหวกับข่าวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น ข่าวที่ออกมาจึงต้องชัดเจน และเป็นจริง บางครั้งข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษก็อาจให้ข้อมูลที่ผิดหลักวิชาการได้ ทั้งนี้ควรอ้างอิงการรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ซึ่งยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการระเบิดของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด ซึ่งทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและตื่นตระหนักถึงการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีเป็นจำนวนมาก แต่แท้จริงการระเบิดหรือการลุกไหม้นั้นไม่ได้เกิดที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพราะระบบการทำงานถูกตัดโดยอัตโนมัติ






ญี่ปุ่นเตรียมขอให้สหรัฐช่วยในการแก้ไขวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ด้านวิศวกรญี่ปุ่นยอมรับว่าการใช้ทรายและคอนกรีตปิดโรงงานนิวเคลียร์อาจเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี


โดยที่ วิศวกรชาวญี่ปุ่นก็ยอมรับเป็นครั้งแรกในวันนี้ว่าการฝังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีปัญหาด้วยทรายและคอนกรีตอาจเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่ร้ายแรง โดยเป็นวิธีเดียวกับที่เคยใช้เมื่อครั้งเกิดหายนะภัยที่เชอร์โนบิล แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำขณะนี้ก็คือการพยายามทำให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เย็นลงให้ได้ก่อน




ล่าสุด ทางการญี่ปุ่นมีแผนฟื้นฟูระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์


ขณะนี้ทางการญี่ปุ่นมีแผนฟื้นฟูระบบเครื่องหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ ด้วยการลากสายไฟจากภายนอกเข้าไปจ่ายให้กับระบบ แต่คาดเดาไม่ได้ว่าระบบจะทำงานหรือไม่...



โดยสถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว รายงานผ่านทวิตเตอร์ @rtetokyo เมื่อเวลา 07.24 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันที่ 19 มี.ค.2554



อ้างการรายงานของสำนักข่าวอาซาฮี ระบุว่า ทางการญี่ปุ่นมีแผนฟื้นฟูระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมา ไดอิจิ โดยมีแผนการที่จะดึงสายไฟจากข้างนอกเข้าไปเพื่อจ่ายไฟให้้กับระบบหล่อเย็น อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่อาจคาดได้ว่า เมื่อเชื่อมต่อจ่ายไฟเข้าไปแล้ว ระบบจะสามารถทำงานได้ตามปกติหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่เกิดควันสีขาวออกมาจากเตาปฏิกรณ์ที่ 4 เป็นผลมาจากแท่งเชื้อเพลิงของปฏิกรณ์ที่ใช้แล้ว ที่เก็บแช่อยู่ในน้ำรวม 783 แท่ง เกิดปริมาณน้ำลดลงจึงทำให้แท่งเชื่อเพลิงมีอุณหภูมิสูงจนเกิดควันสีขาวออกมาจากเตา






ชาวญี่ปุ่นโชคดีมากที่มีนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง


นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น ให้คำมั่นกับประชาชน จะร่วมสร้าง 'ญี่ปุ่น' ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจากเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ ...



วันที่ 18 มี.ค. 2554

นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น กล่าวให้คำมั่นกับประชาชนว่า ประเทศญี่ปุ่นจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปได้ และจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้คำมั่นว่า จะควบคุมวิกฤตโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ จ.ฟุกุชิมา รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดหายนะจากสารกัมมันตภาพรังสี และจะร่วมกันสร้างญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่กว่าขึ้นมาอีกครั้ง




ส่วนแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย 16,893 คน


สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น รายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2554 เพิ่มขึ้นเป็น 6,539 ศพแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าเหตุแผ่นดินไหวเมืองโกเบเมื่อเดือนม.ค.2538 วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.2 ริคเตอร์ มีผู้เสียชีวิต 6,434 ศพ ส่วนตัวเลขผู้สูญหาย เป็น 10,354 คนแล้ว เมื่อรวมทั้งผู้เสียชีวิตและสูญหายเท่ากับ 16,893 คน บาดเจ็บอีก 2,513 คน





อ่านข่าวแล้วชื่นใจมากมายเลยค่ะ
ชื่นใจแทนประชาชนชาวญี่ปุ่น
ที่มีนายกรัฐมนตรีที่พร้อมรับผิดชอบ
และอยู่เคียงข้างประชาชน













ขอบคุณ


กรุงเทพธุรกิจ
เดลินิวส์
ไทยรัฐ
เอเอฟพี







...............................................