..กลางทุ่งนา แดดเปรี้ยงๆ ราวๆเดือนเมษา ว่างเว้นจากหน้าเก็บเกี่ยว
ชาวบ้านจะปลูกพืช ผัก นอกฤดูกาล ซึ่งแถวๆบ้านของสาวกาน
เป็นเขตชลประทานลำปาว น้ำท่า จึ่งบ่ค่อยขาดแคลน
ชาวบ้านส่วนมากจะทำนาปรัง แต่แถวนาของสาวกาน
เป็นที่สูงและอยู่ปลายคลอง น้ำคลองจึงไม่ค่อยจะสม่ำเสมอนัก
พืชที่ชาวบ้านเลือกปลูกในช่วงหน้าแล้ง จึงเป็นพวกถั่วลิสง
ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำไม่มากนัก
สาวกานเป็นสาวน้อยบ้านนา หน้าตาไม่ถึงกับสวยสะดุดตา
แต่ไม่ขี้เหร่จนไม่มีชายคนไหนมองสะทีเดียว
เธอเป็นลูกสาวคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน
ตาเพ็ง ยายมะระ ผู้เป็นพ่อแม่หมายมั่นจะให้เธอแต่งงานมีครอบครัว
เพือจะได้มีลูกเขยมาช่วยงานไร่งานนา เหมือนครอบครัวอื่นๆ
สาวกานเรียนจบแค่ชั้นป6. ตามระเบียบบังคับของรัฐบาลในสมัยนั้น
แล้วก็ออกมาทำไร่ ทำนาช่วยพ่อแม่ และดูแลน้องๆ ซึ่งบางคนก็อยู่
ในวัยเรียน บางคนก็อยู่ในช่วงวัยรุ่น หลังจากที่หันหลังให้ชุดนักเรียน
สิ่งที่สาวกานคุ้นเคยมากที่สุด คงจะเป็นวัวฝูงเล็ก ประมาณ3-4 ตัว
ที่ครอบครัวของเธอเลี้ยงไว้เป็นอาชีพเสริม และราคาซื้อ-ขาย ก็ถือว่า
แพงพอสมควร
เช้าวันนั้น สาวกานจูงวัวออกจากบ้านแต่เช้าเหมือนที่เคย มุ่งหน้าไล่ต้อนวัวไปที่นา
ของเธอ ที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. เธอจึงต้องห่อข้าวไปกินด้วย
และชีวิตในแต่ละวันของเธอส่วนมากก็จะหมดไปกับการเอาวัวไปเลี้ยงที่นานั่นเอง
นาของสาวกานยังปลูกพืชไร่ในหน้าแล้งเหมือนที่อื่นๆ
แต่ช่วงนี้ถั่วลิสงของเธอเป็นช่วงที่กำลังโต ต้องการแค่การใส่ปุ๋ย และถอนหญ้า
สมาชิกในครอบครัวเธอจึงไม่ค่อยมีใครมาที่นามากหนัก ยกเว้นนานๆทีตาเพ็ง
ผู้เป็นพ่อจะออกมาให้อาหารไก่ และแวะดูทีไร่ที่นา ซึ่งเอาแน่ไม่ได้
สาววัย18 ย่าง 19 ย่างสาวกานดูเธอมีความสุขกับชีวิตที่พอเพียงกับที่ไร่ที่นา
ที่เป็นสมบัติของครอบครัวเธอทีมีอยุ่ และเธอยังไม่ได้มีใจให้กับชายหนุ่มใด
ในหมุ่บ้าน
"กานเอางัวมาล่ามตะเช้าแท้ " เสียงทักทายเป็นกันเองจากทิดแดง
หนุ่มน้อย นาใกล้กัน ที่พึ่งจะลาสิกขาออกมาไม่ถึง3เดือน
สาวกานไม่รุ้ตัวหรอกว่า ทิดแดง แอบมองเธอมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ
จนสาวกานเป็นสาวเต็มวัย วันนี้เป็นโอกาสดี ที่สองหนุ่มสาวจะได้
ทักทาย ปราศัยกัน
"กะมาแต่เช้าทุกมื้อ เดะหละ อ้ายทิดแดงบ่ออกมานาน่อ เลยบ่เห็น"
สาวกานตอบออกไปอย่างปกติ
"เห็นอยู่ บ่มีโอกาสสิได่ถามข่าวกันสื่อๆ"
ทิดแดงอมยิ้ม หลังจากที่ได้มีโอกาสคุยกันแบบ สองต่อสอง กับสาวกาน
เป็นครั้งแรก
หลังจากที่ผูกวัวแม่-ลูก ไว้ที่กลางทุ่งนา หญ้าเขียวขจี สาวกานก็ปฎิบัติภาระกิจ
ที่เธอเคยทำเป็นประจำคือ ไปถอนหญ้าถั่วลิสงที่กำลังงาม
"มีคนส่อยถอนหญ้า บ่หละกาน ให้อ้ายส่อยได้บ่ " ทิดแดงถามแบบหยั่งเชิง
"บ่ย้านฮ้อนกะบ่ ว่าดอก อยากได้คือกันหละผู้ส่อย แตหายากขนาด"
สาวกานพูดทีเล่นที่จริง เธอหาได้มีความรังเกียจทิดแดง แม้แต่น้อย
ทิดแดงเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวของ ตามั่น ยายน้อย
แต่อยุ่คนละหมุ่บ้านกับสาวกาน
ครอบครัวของทิดแดง เป็นครอบครัวที่ญาติพี่น้องส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ
น้องสาว2คนของทิดแดงกำลังเรียนพยาบาลอยู่คนหนึ่ง และอีกคนกำลังเรียนชั้นมัธยม
ทิดแดงจึงเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่พ่อ-แม่ของเขา
ตั้งใจจะหาลูกสะใภ้ มาอยุ่กับครอบครัวของเขา เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระงานบ้าน
งานครัว และเป็นคุ่ชีวิตช่วยทำไร่ ทำนา ดูแลพ่อ-แม่ ยามแก่เฒ่าตามวิถีชิวิต
ของชาวบ้านทั่วๆไป
"อ้ายทิดบ่ได้ไปทางได่ติมื้อนิ คือได่ออกมานา พ่อใหญ่ไปไสหละอ้าย"
เสียงสนทนา ของสาวกานถามขึ้น หลังจากที่ทั้งสองต่างก้มหน้า ก้มตา ถอนหญ้า
ในแปลถั่วลิสง
"ตั้งแต่สิกมาอ้ายไปส่อย หลวงพ่อเพิ่นขดหนองยุวัด หัวตะสิแล้ว
จั่งได้ออกมาเบิ่งนาให้อิพ่อหละกาน " ทิดแดงเริ่มสนทนาสร้างความสนิทสนม
คุ้นเคยกับสาวกานมากขึ้น
" แดดแฮงแล้ว ไปเอางัวกินน้ำก่อนเด้ออ้าย " สาวกานเริ่มบอกกล่าวเมื่อรู้สึกว่าจะได้ยินเสียงพระที่วัดตีกลองเพล
" อ้ายไปจูงส่อยเด้อ " ทิดแดง เริ่มขันอาสา
วันนั้นทั้งวัน สาวกานและทิดแดง
สร้างความสินทสนมคุ้นเคยให้กันและกันเพิ่มมากขึ้น
เป็นอย่างมาก หลังจากที่ตกเย็น เธอต้อนฝูงวัวกลับบ้าน
เธอเริ่มมีความรู้สึก อยากให้ถึงตอนเช้าเร็วๆ
เพื่อที่เธอจะได้ พาฝูงวัวของเธอออกมาเลี้ยงที่นา
และเป้าหมายที่สำคัญ เธอเริ่มรู้สึกมาความสุข
กับไมตรีที่ทิดแดงหยิบยื่นให้เธอ
สาวน้อยนอนอมยิ้มนึกวาดฝันถึงวันพรุ่งนี้ และเธอก็นึกในใจ
ว่าทิดแดง จะออกมาดุที่นาของเขา เหมือนเมื่อวานหรือไม่
Bookmarks