ประเพณีสรงน้ำพระ
ในเทศกาลสงกรานต์ นอกจากการทำบุญข้าวแช่ แห่สงกรานต์ ปล่อยนกปล่อยปลาแล้ว
คนมอญยังมีประเพณีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายอย่างพิธีสรงน้ำพระ เป็นพิธีส่วนหนึ่งที่ เกี่ยว
เนื่องกับเทศกาลสงกรานต์ หลังจากทำบุญวันสงกรานต์แล้ว
พิธีสรงน้ำพระ จะถูกกำหนดขึ้นในโอกาสต่อมา ซึ่งชาวมอญบางกระดี่ได้กำหนดวันที่
16,17 และ 18 เมษายน ของทุกๆปี ซึ่งพิธีจะแตกต่างจากคนไทยมาก คือ คนมอญทุกแห่ง
จะต้องจัดเตรียมสถานที่สรงน้ำพระที่มีลักษณะรูปแบบเหมือนกันหมด มีรางน้ำยาว ประมาณ
6 วา ยื่นจากห้องน้ำและมีการตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นรางน้ำ สำหรับให้ ชาวบ้านเทน้ำลง
ในรางไหลเข้าสู่ห้องน้ำ บางวัดจะมีถังไม้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับน้ำไว้ และมีท่อจากถึงปล่อยน้ำ
ให้ไหลออก เพื่อให้พระได้สรงน้ำภายในห้องน้ำได้สะดวกขึ้น การที่คนมอญต้องทำห้องน้ำ
และรางน้ำสำหรับการสรงน้ำพระ เนื่องจากเหตุผลดังนี้
1. เพื่อให้พระภิกษุสามเณรที่สรงน้ำนั้นดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะการสรงน้ำพระ พระ
ท่านต้องผลัดเปลี่ยนสบง รวมทั้งการครองจีวรหลังสรงน้ำก็ทำได้อย่างเรียบร้อยเช่นกันไม่เป็นการผิดวินัยแต่อย่างใด
2. เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้สรงอย่างสะดวกในห้องน้ำ
3.เพื่อให้ชาวบ้านโดยเฉพาะสตรีได้สรงน้ำเฉพาะในสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้ เนื่องจากพระสงฆ์มอญเคร่งครัดมาก
พิธีเริ่มจากการอัญเชิญพระพุทธรูปและทำพิธีบูชาพระรัตนตรัย จากนั้น ให้ชาวบ้าน
ได้สรงน้ำพระพุทธรูปเป็นอันดับแรกและตามด้วยพระสงฒ์การสรงน้ำ ชาวบ้านที่เป็นชาย และหญิงจะแยกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่เป็นหญิงจะถือขันน้ำรออยู่ใกล้ๆ รางน้ำ กลุ่มที่เป็น
ชายจะมีขันน้ำ น้ำอบและน้ำหอมผู้ชายจะไปนั่งรออยู่ที่ตรงทางเดินจาก ห้องสรงน้ำเป็นแนว
ตลอดสองฟากของการเดินจนหถึงศาลาการเปรียญ
วิธีสรงน้ำพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์สามเณรนั้นจะมีคนให้สัญญาณด้วยการตบที่ฝา
ห้องน้ำ เมื่อได้ยินสมญาดังกล่าว ผู้ที่เป็นสตรีจะเทน้ำลงในรางน้ำจะไหลไปตามทางจนถึงที่
พระ พุทธรูปหรือพระสงฆ์ เมื่อพระเสร็จพิธีการในห้องสรงน้ำแล้ว พระสงฆ์เดินขึ้นไปบน
ศาลาการเปรียญ ไปตามทางเดินที่มีชาวบ้านที่เป็นชายนั่งรออยู่สองข้าง เมื่ออัญเชิญพระ
พุทธรูป หรือพระสงฆ์สามเณรเดินตามทางดังกล่าว ชาวบ้านที่เป็นชายเหล่านั้นจะนำน้ำใน
ขันเทรดที่เท้าพระ พร้อมกับพรมน้ำอบ น้ำหอมที่ฝ่ามือและที่เท้าพระ ถ้าเป็นพระ พุทธรูป ก็จะประพรมน้ำหอมที่พระพุทธรูปนั้นก่อนแล้วตามด้วยพระสงฆ์สามเณรตามลำดับ
ข้อสังเกตที่เกี่ยวกับประเพณีการสรงน้ำพระของมอญ นอกจากจะมีรูปแบบของพิธีที่
ได้กล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว ในการสรงน้ำพระนี้ คนมอญ ยังมีข้อห้ามมิให้สาดน้ำกันในวัด การ
ที่ห้ามมิให้สาดน้ำกันในวัดนั้น เกี่ยวกับความเคารพเทิดทูนพระพุทธศาสนา และป้องกันบาป
มิให้เกิดขึ้นแก่ผู้ที่กระทำไม่ถูกต้อง
อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ)ที่มา http://web.radompon.com/saowalak602/sog.html
ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษก(สรงน้ำพระ) จะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง
เรื่องเล่าอานิสงส์ในสมัยพุทธกาล
ใน กาลครั้งนั้นองค์สมเด็จพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร พร้อมภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พระเจ้าปัสเสนทิโกศล พร้อมด้วยมหาอำมาตย์ทั้งหลาย ได้นำ เครื่องสักการะทั้งหลาย เข้าไปสู่พระเชตะวันมหาวิหาร ถวายอภิวาท แด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามว่า ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคลใดกระทำสักการะบูชาสรงเถราภิเษก แก่สงฆ์ ด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา จะได้ผลอานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เจ้าจึงตรัสว่า ดูกรมหาราช บุคคลใด มีความเชื่อในคุณพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการในเมื่อปรารถนาอันใด ก็จะสม ความมุ่งมาตรปรารถนา ทุกประการ การทำเถราภิเษกนี้ได้ทำกันสืบ ๆ มาในครั้งพุทธเจ้าก่อน ๆ
แล้ว พระองค์ทรงแสดงสืบต่อไปว่า ในกาลครั้งนั้นเป็นสมัยครั้งศาสนาของพุทธเจ้าเมธังกร ยังมี พระยาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าวิชัยยะ ได้เสวยสมบัติ ในเมืองสารนครประกอบไปด้วยทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ มีเถระองค์หนึ่งชื่อว่าอุสสา เป็นอันเตวาสิกแห่งพุทธเจ้าเมธังกร พระยาวิชัยยะ ได้ทอดพระเนตรเห็น พระมหาเถระเข้ามาในเมือง พระยาวิชัยยะก็มีใจศรัทธาเลื่อมใส ในอิริยาบถ ของพระมหาเถระเจ้าเสร็จไปต้อนรับนิมนต์ให้ไปสู่ปราสาทของพระองค์ แล้วก็จัดแจง สรงเถราภิเษกด้วยน้ำหอม เสร็จแล้วถวายภัตตาหาร ตั้งความปรารถนาว่า ปวงชนทั้งหลายที่อยู่ใน ขอบเขตขัณฑเสมา ขอจงตั้งอยู่ใน โอวาทคำสอน ของพระองค์ ทุกเมื่อ และขอให้ข้าพระองค์ได้พ้นจากทุกข์ภัยเวร ข้าศึกศัตรูทั้งหลายด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ในอนาคตกาลโน้นเทอญ พระมหาเถระเจ้า ก็ได้อนุโมทนา แห่งพระยาวิชัยยะ แล้วถวายพระพรทิพย์ ๑๐ ประการ ลากลับไปสู่ สำนักแห่งพระมหาเถระเจ้า พระยาวิชัยยะได้รับพร แห่งพระมหาเถระ แล้วมีจิตยินดีรื่นเริงบันเทิงใจ ต่อบุญกุศลของพระองค์ที่ทรงกระทำไว้ ครั้นจุติจากโลกแล้วก็ไปอุบัติ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตพิภพ มีวิมานทองสูง ๒๒ โยชน์ มีนางเทพอัปสรแสนหนึ่งเป็นบริวาร ครั้นสิ้นชีพเทวบุตรแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเจ้าพระสิริตะ เสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้นไป ได้มาเกิดเป็น องค์พระตถาคต เดี๋ยวนี้แล
เรื่องเล่าจากสมัยพุทธกาล จาก www.84000.org
Bookmarks