กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: ## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

  1. #1
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ พ่อใหญ่คำแสง
    วันที่สมัคร
    Feb 2011
    ที่อยู่
    เฮือนบ้าง เถียงนาบ้าง
    กระทู้
    240

    ## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

    ## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

    [RADIO]http://dc359.google.co.th/img/612110076/acd401ca/dlink__2Fdownload_2Fg_5FGrLOCa_3Ftsid_3D20110528-141410-3720aa7a/preview.swf[/RADIO]

    สาวฝั่งโขง - สมัย อ่อนวงศ์

    ## ความหลังที่ฝั่งโขง ##


    แม่น้ำโขงยามเย็น ยังคงสวยงาม มีมนต์ดลใจให้ใครที่พบเห็น อยากกลับไปชมอีก


    ## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

    รูปนี้กลางแม่น้ำโขง เวลาหน้าแล้งหาดูง่ายครับ จะเป็นเกาะหินเป็นหลุมเป็นบ่อสวยงามมาก

    ปี2543ผมไปบวชและจำพรรษาอยู่วัดป่าที่ บ้านนาคำ อ.ธาตุพนม จ. นครพนมครับ ชื่อวัดเวินอยู่ติดกับแม่น้ำโขง
    ก็ได้มีโอกาสเห็นความเป็นอยู่ ของพี่น้องสองฝั่งโขงผมประทับใจมาก ผู้คนที่นั่นดีมากๆ
    เขาจะไปมาหาสู่กัน สมกับเป็นบ้านพี่เมืองน้องจริงๆ บางคนอยู่ฝั่งลาวแต่มาได้เมียอยู่ฝั่งไทย
    บางคนปู่ย่าตายายพื้นเพอยู่ฝั่งโน้น แต่แยกมาอยู่ฝั่งไทยนานหลายปี เขาก็จะติดต่อกันอยู่ตลอด
    ยิ่งเวลามีงานบุญต่างๆ พี่น้องจากฝั่งลาวก็ข้ามฝั่งมาทำบุญที่วัดไทยด้วยเช่นกัน
    ผมยังเคยรับกิจนิมนต์ไปสวดที่ฝั่งโน้นเลย เวลามีงานครับพระไม่พอ ฝั่งโน้นมานิมนต์พระฝั่งนี้ไปเสริม
    ผมได้มีโอกาสข้ามไปจำวัดที่ฝั่งโน้นบ่อยมาก ได้เห็นแม่น้ำโขงทุกช่วงฤดูกาล
    หน้าแล้ง น้ำแห้งชาวบ้านก็จะปลูกผักเลี้ยงวัวเลี่ยงเป็ดริมน้ำโขง ดินดีมากครับปลูกผักอะไรก็งามขายได้ราคา
    พอถึงหน้าฝน น้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวมาก น้ำจะไหลมาเกือบถึงในวัด
    เชื่อไหมครับหน้าน้ำหน้าฝน มีไม้ที่ไหลมากับน้ำเยอะมากๆ เป็นไม้ท่อนใหญ่ๆขนาดหลายคนโอบก็มี
    ถ้าท่อนไม่ใหญ่มากชาวบ้านจะเอาเรือออกไปหา
    แล้วเอาเชื่อมัดลากมาผูกไว้ พอน้ำแห้งก็นำไม้เหล่านั้นมาทำบ้านบ้างขายบ้าง
    ช่วงที่ผมข้ามไปฝั่งโน้นบ่อยๆ ก็จะเป็นช่วงหน้าแล้ง ฝั่งโน้นมีงานบุญบ่อย
    พาหะนะที่ใช้ข้าม ก็คือเรือหางยาว ค่าเหมาเที่ยวละ 50 บาทเป็นเรือของชาวบ้านแถวนั้นแหล่ะ
    มันเหมือนเรือรับจ้างที่คอยรับส่งคนข้ามฝั่ง ใครมีธุระจะไปก็เดินไปบอกที่บ้านเจ้าของเรือ
    แม่น้ำโขงถ้าเรามองไกลๆดูเหมือนมันจะสงบนิ่งนะ แต่พอเรือแล่นไปถึงช่วงกลางๆแม่น้ำ โอ้โหคุณครับ
    มันน่ากลัวมากน้ำไหลเชี่ยวแรงจริงๆ ครั้งแรกที่ผมเห็น ก็นึกในใจว่าถ้าเรือเกิดล่มลงตรงนี้ตายแน่ๆ
    แต่คนขับเรือเขาคงชำนาญเพราะขับมานาน เขาก็หัวเราะแล้วถามผมว่า " ย้านบ่ครับยาครู "
    แถวนั้นเขาเรียกพระว่ายาครู ผมก็ไว้เชิงพระไปงั้นแหล่ะครับ ที่จริงในใจกลัวมาก ไปถึงวัดเกาะฝั่งลาวครั้งแรก
    ก็ยังแปลกใจกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน มันเหมือนบ้านเราราวๆ 20 ปีที่แล้วครับ
    และภาษาพูดก็อ่อนหวานน่าฟัง ไม่พูดลาวสำเนียงกระโชกเหมือนบ้านเรา
    อีกทั่งหมู่บ้านคนก็อยู่ไกลกัน และห่างกันมากแต่ละหลังคาเรือน
    ผมจำวัดที่ฝั่งโน้นหลายคืน มีวันหนึ่งนึกอยากฉันน้ำขวด เลยบอกหลวงพ่อ
    หลวงพ่อบอกว่าเลยจุดที่เราบิณฑบาตไปหน่อยมีร้านค้า
    รถจักรที่วัดก็มีถีบไปเลย ว่างั้น ฮะฮ่า....รถจักรคือ รถจักรยานครับ
    พระที่ฝั่งโน้นถีบจักรยานได้ และสิ่งที่ผมไปพบไปเห็นที่โน้นที่จำติดตาผมทุกวันนี้อีกอย่างคือ
    ป่าไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์มากๆ ชนิดที่ผมเกิดมาไม่เคนเห็น
    วันนั้นหลวงพ่อชวนผมไปตัดหวายในป่า เผื่อเอามาไว้ซ่อมเก้าอี้ที่วัด ผมก็ไปด้วย
    ผมนึกว่าคงไกล้ๆแถวนี้ ที่ไหนได้ เดินเข้าป่าหลังวัดเกือบ 10 กิโลแหน่ะ เล่นเอาหอบเลย
    เชื่อไหมครับต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาด 4 คน 5 คน ถึงขนาด 10 คนโอบยังมีเหลือให้เห็นเยอะมาก จนผมงง
    ผมเลยถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับ นี่เป็นที่ดินของใคร ถ้าตัดไม้ขายรวยเลยนะนี่
    หลวงพ่อตอบว่า ที่ของชาวบ้านที่นี่เอง แต่เขาไม่สนใจหรอกที่ดินคนแถวนี้เขามีเยอะ
    แต่ละบ้านอย่างไม่มี ก็มีที่ดินบ้านละ 3 หลัก 5 หลัก 10 หลัก คำว่าหลักคืออะไรนะหรือครับ " มันคือกิโลครับ "
    ชาวบ้านที่นี่มีที่ดินบ้านละ 3 กิโล 5 กิโล ถึง 10 กิโล โอ้โหคุณพระช่วย แต่เขาอยู่อย่างพอเพียงครับไม่อะไรมากมาย
    ต้นไม้ใหญ่ๆในที่เขามี แต่ถ้าจะตัดมาทำบ้าน ก็ไม่มีเงินจ้างคนมาเลื่อย และต้องจ้างรถขนออกมาอีก
    เขาบอกว่าไม่ไหวหรอก สู้หาไม้ไผ่มาสานทำเป็นฝาบ้านอยู่ดีกว่า ประหยัดดี
    วันนั้นผมยังเจอกับอะไร ที่เห็นแล้วผมตื่นเต้นมากๆอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นเหมือนลานหินขนาดใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลครับ
    อยู่เชิงเขา มีธารน้ำขนาดใหญ่ไหล แต่น้ำไม่ลึกสามารถเดินข้ามได้ ผมมองตรงลานหินเห็นเป็นหลุมเป็นบ่อ
    เต็มไปหมดมีน้ำขังด้วย หลุมใหญ่บ้างเล็กบ้าง มากมายเต็มลานหิน
    ผมเลยถามหลวงพ่อว่า " แม่นหยังครับนี่ " หลวงพ่อตอบว่าอ๋อ... เป็นรอยเท้าไดโนเสาร์
    ไม่เชื่อในสายตาเลยครับ ที่ผมเห็นมันไม่ใช่น้อยๆนะครับ เป็นร้อยๆเห็นเป็นแถวยาว เหมือนวิ่งมาทั้งฝูง
    คล้ายๆกับพากัน วิ่งหนีตายตอนภูเขาไฟระเบิดประมาณนั้น และก้อนลานหินก็น่าจะเป็นลาวาจากภูเขาไฟ(อันนี้เดานะ)
    บางรอยเหมือนรอยตีนไก่ แต่ใหญ่ขนาดเท่าโต๊ะ นึกภาพออกไหมครับ เวลาไก่หลายๆตัวมันวิ่งแล้วทิ้งรอยไว้
    แหมถ้าบ้านเรามีแบบนั้นรวยกันอื้อเลย พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้สบาย เผลอๆขุดลงไปข้างล่าง เจอซากไดโนเสาร์อีกเพียบ
    แต่เขาไม่สนใจหรอกนะครับ หลวงพ่อยังบอกว่าเขายังไม่คิดถึงจุดนั้นหรอก แค่เรื่องปากท้องเขาก็หนักแล้ว
    สิ่งที่ไปพบเห็นแล้วประทับใจอีกอย่างก็คือ พี่น้องทางฝั่งลาวตอนเช้าๆ จะใส่บาตรแทบทุกหลังคาเรือนครับ
    เวลาใส่บาตร เขาจะเอาข้าวหนียว และก็ธนบัตร(เงินกีบ) ใส่บาตรด้วยนะครับ
    ผมได้เงินกีบเช้าละ 200 - 300 กีบทุกวัน แต่ขอโทษถึงวัดแล้วมานั่งแกะเอาเงินออกจากข้าวยากมาก
    เดินบิณฑบาตตอนเช้าๆ ก็จะเห็นเขาเอาปลาจากแม่นำโขงมาขาย เห็นแล้วสะออนครับ ตัวใหญ่เท่าหมูน้อยก็มีนะปลาที่เขาขายกัน
    ก็หยิบยกเอามาเล่าสู่กันฟังให้อ่านเล่นๆประกอบกระทู้เพลงครับ กับความอุดมสมบูรณ์ในน้ำโขง และวิถีชีวิตพี่น้องสองฝั่งที่ผมไปพบเห็นมา

    ให้เสียงภาษาไทยปนลาวโดย "พ่อใหญ่คำแสง แดงจ่ายหว่าย "

  2. #2
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ ลุนนี ศรีเกษ
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    ศรีสะเกษ กรุงเทพ จอมเทียนชลบุรี
    กระทู้
    789
    บล็อก
    1
    ฮ่วยยยย พ่อใหญ่คำแสงบรรยายได้ดีแฮงๆจ้า เอาใหม่เขียนเป็นเรื่องเลยจ้า ขึ้นกระทู้ใหม่นอจ้า เอามาเซื่องไว้หลังแผ่นเสียงแนวนี้ คนบ่อซอกแซกบ่อได้อ่านดอกจ้า เนาะๆๆๆ เอาไปขึ้นกระทู้สา
    " บ้านพี่เมืองน้องในสายตาพ่อใหญ่คำแสง"

  3. #3
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ พ่อใหญ่คำแสง
    วันที่สมัคร
    Feb 2011
    ที่อยู่
    เฮือนบ้าง เถียงนาบ้าง
    กระทู้
    240
    โอ้ย....มือใหม่หัดเขียนดอกครับ ป้าแดง
    เขียนกะขาดๆตกๆหล่นๆ อายเขาครับ ลงซำนี่หล่ะเน๊าะ

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •