พระเจ้าพิมพิสาร เป็นกษัตริย์ครองเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ สืบต่อจากพระราชบิดา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชแล้วได้เสด็จไปประทับอยู่ที่ปัณฑวบรรพต แคว้นมคธ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ข่าวจึงเสด็จไปนมัสการ และชักชวนให้สละเพศบรรพชิตมาครองราชย์ด้วยกัน เมื่อได้รับคำปฏิเสธ จึงขอคำปฏิญญาว่า หากทรงค้นพบสิ่งที่แสวงหาเมื่อใด ขอให้มาสอนพระองค์เป็นคนแรก

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าเมื่อโปรดปัญจวัคคีย์ โปรดพระยสะและสหาย มีพระอรหันต์ จำนวน ๖๐ องค์ ทรงส่งไปประกาศพระศาสนายังแคว้นต่าง ๆ แล้วพระองค์จึงเสด็จมุ่งตรงไปยังเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อเปลื้องคำปฏิญญาที่ประทานให้กับพระเจ้าพิมพิสารนั้นเอง

พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า พระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้นำแคว้นใหญ่ ถ้าพระเจ้าพิมพิสารทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ประชาชนคนอื่น ๆ ก็จะดำเนินรอยตาม ทรงดำริเช่นนี้จึงเสด็จไปยังเมืองราชคฤห์

สมัยนั้น พระเจ้าพิมพิสารและชาวเมือง ทรงเคารพนับถือชฏิลสามพี่น้องอยู่ พระองค์จึงต้องไปโปรดสามพี่น้องก่อน

เมื่อพระพุทธองค์ ทรงแสดงธรรมโปรดชฎิลสามพี่น้อง สละลัทธิความเชื่อดังเดิมนั้น มาเป็นสาวกของพระองค์หมดแล้ว ก็พาสาวกใหม่จำนวนพันรูป ไปพักยังสวนตาลหนุ่มใกล้เมืองราชคฤห์

เมื่อพระเจ้าพิมพิสาร ได้สดับข่าวนี้ จึงเสด็จพร้อมประชาชนจำนวนมาก ไปยังสวนตาลหนุ่ม ได้เห็นอาจารย์ของตนนั่งคุกเข่าคองอัญชลีต่อพระพุทธเจ้า ประกาศเหตุผลที่สละลัทธิความเชื่อถือเดิมหันมานับถือพระพุทธศาสนา ก็หายสงสัย ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วนับถือพระรัตนตรัย และถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้า พร้อมภิกษุสงฆ์ที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น

หลังจากนั้น ไม่กี่วันก็ถวายสวนไผ่นอกเมืองให้เป็น วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา เรียกว่า วัดเวฬุวัน เวฬุวันนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กัลปทนิวาปสถาน คือ สถานที่ให้เหยื่อแก่กระแต

พระเจ้าพิมพิสารเป็นคนแรก ที่ทำพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากถวายวัดเวฬุวันแล้วคืนนั้น พระเจ้าพิมพิสารทรงฝันร้าย เห็นพวกเปรตมาร่ำร้องอยู่ต่อหน้า น่าเกลียดน่ากลัวมาก รุ่งเช้าขึ้นมาพระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อทรงทราบว่าเปรตเหล่านั้นเคยเป็นพระญาติของพระองค์มาขอส่วนบุญ และได้รับคำแนะนำให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขา

วันต่อมา พระเจ้าพิมพิสารจึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้า พร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวยภัตตาหารในพระราชวัง แล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่พวกเปรตเหล่านั้น ตกดึกคืนนั้นพวกเปรตมาปรากกฎโฉมอีก แต่คราวนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ขอบคุณที่แบ่งส่วนบุณให้ แล้วก็อันตรธานหายวับไป

เมื่อหันมานับถือพระพุทธศาสนาแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงนำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง จนแว่นแคว้นของพระองค์ มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วว่าเป็นดินแดนแห่งพระธรรม

พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน มีพระอัครมเหสีพระนามว่า โกศลเทวี หรือ เวเทหิ เป็นพระกนิษฐาของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้พระกนิษฐาของพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระมเหสีเช่นกัน พระเจ้าพิมพิสารมีพระโอรสนามว่า อชาตศัตรู (ผู้เกิดมาไม่เป็นศัตรู) ในช่วงตั้งครรภ์พระนางเวเทหิทรงแพ้พระครรภ์ ใคร่เสวยพระโลหิตของพระสวามี โหราจารย์ทำนายว่า พระโอรสองค์นี้จะทำปิตุฆาต แต่พระเจ้าพิมพิสารก็มิทรงแยแสต่อคำทำนาย

เมื่อพระโอรสประสูติแล้ว ทรงให้การศึกษาอบรมเป็นอย่างดี เจ้าชายน้อยก็อยู่ในพระโอวาทเป็นอย่างดี แต่พอเจ้าชายน้อยได้รู้จักพระเทวทัต ถูกพระเทวทัตล้างสมองให้เห็นผิดเป็นชอบ จนจับพระเจ้าพิมพิสารขังคุกให้อดพระกระยาหารจนสิ้นพระชนม์

พระเจ้าพิมพิสาร ได้เสด็จเดินจงกรมยังชีพอยู่ในคุก ได้ด้วยพุทธานุสสติคือ มองลอดช่องหน้าต่างทอดพระเนตรดูพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นลงเขาคิชฌกูฏพร้อมภิกษุสงฆ์ทุกวัน

เมื่อรู้ว่าเสด็จพ่อยังเดินอยู่ได้ กษัตริย์อกตัญญูก็สั่งให้เอามีดโกนเฉือนพระบาทเอาเกลือทา ย่างด้วยถ่านไฟร้อน พระเจ้าพิมพิสารทนทุกขเวทนาไม่ไหวก็สิ้นพระชนม์ ณ ที่คุมขังนั้นแล

พระเจ้าพิมพิสารเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ทำให้พระพุทธศาสนาหยั่งรากลงในแคว้นมคธ และเจริญแพร่หลายชั่วระยะเวลาอันรวดเร็ว ชาวพุทธจึงควรระลึกถึงพระคุณของพระองค์ในข้อนี้


http://www.dhammathai.org/indexthai.php