หากฝึกใหม่ท่านย่อมต้องการสถานที่มันสงบ นั่งในท่าที่มันสบาย ไม่ต้องไปกังวลกับท่างนั่งปล่อยใจให้สบาย กำหนดรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เอาสติมากำหนดรู้ลมหายใจ หายใจเข้าให้กำหนดรู้ หายใจออกก็รู้ หรืออาจจะหายใจเข้าให้บริกรรมพุทธ หายใจออกโธ หรืออาจบริกรรมคำอื่นก็ได้แล้วแต่จริต ของแต่ละท่าน ถึงตอนนี้ให้กำหนดรู้ เราไม่มีอดีต เราไม่มีอนาคต เราอยู่กับปัจจุบัน แล้วเฝ้าดูอารมณ์ของเรา ดูเวทนา ดูอารมณ์ หากใจเราไม่สงบก็จงดูความไม่สงบในใจเรานั้นละ ดูว่ามันคิดอะไร มีหลายคนที่คิดว่านั่งสมาธิแล้วยากให้สงบ ยากเห็นนั้นเห็นนี้ จงตัดความอยากออกหมด ให้รู้เฉพาะลมเราดูมันไปอย่างนั้น จงทำเหมือนจะไม่ได้อะไรแล้วเราจะพบกับความสงบที่เกิดกับใจเราเอง ท่านเคยถามตนเองบ้างหรือเปล่าชีวิตเราเกิดมาทำไม
คำตอบหลายคนคนอาจตอบเกิดมาเพื่อ.......เมื่อถึงจุดนั้นแล้วทำไงต่อ!!!!!!!? ชีวิตมันก็เป็นวัตถจักรมันหาความสิ้นสุดไม่เพราะความไม่รู้ คำถามอาจตามมาเพราะความไม่รู้อะไร................. ตอบรู้ตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริงอย่างไร รู้ว่าร่างกายของเราอันประกอบไปด้วยนามกับรูป เมือเรามีการสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อนั้นย่อมเกิดการปรุงแต่งชอบ ไม่ชอบ ดี ไม่ดี เมื่อใจเรายึดติดกับสิ่้เห็งเหล่านี้ทำให้เกิด ภพ
ชาติ ชรา มรณะ มีคำถามตามมาว่าแล้วทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องมี ภพ ชาติ ชรา มรณะ ตำตอบที่น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดคือ.....................เราต้องอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับพุทธ โธ ทุกลมหายใจ ใจเราจะไม่ไปปรุงแต่ง เมื่อใจเราไม่ปรุงแต่งเมื่อนั้นละเรียกว่าสมาธิ กล่าวโดยสรุปจงกำหนดรู้ปัจจุบัน เมื่อนั้นใจเราจะไม่ยึดติด แล้วท่านจะพบกับคำว่าปล่อยวาง นี้ละที่เรียกว่ารูเห็นตามความเป็นจริงที่ไม่มีการปรุงแต่ง