ระวังการขายตรงของ 18 มงกุฏ
การทำกิจการค้าแบ่งประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท
- การผลิต
- การบริการ
การผลิต
การผลิต คือการทำให้เกิดมีสินค้าขึ้นมาขาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรม
การบริการ
การบริการ เป็นการทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการผลิต เช่น ร้านขายของ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ขนส่ง'สิ้นค้า ฯลฯ แต่กิจการบางอย่างก็แบ่งยาก เช่น ร้านอาหาร มีทั้งการผลิตสินค้า(อาหาร)และการบริการอยู่ในตัว
กิจการฟิตเนส จัดเป็นกิจการประเภทบริการ ให้บริการสถานที่ออกกำลังกาย ตลอดจนเครื่องออกกำลังกาย ส่วนจะมีบริการเพิ่มเติม เช่น ห้องอบซาวด์น่า ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่
กิจการฟิตเนสส่วนใหญ่แล้วประกอบการแบบตรงไปตรงมา ให้บริการทั้งลูกค้าจร และลูกค้าประจำ โดยลูกค้าจรจะเก็บเงินค่าบริการทุกครั้งที่เข้าใช้บริการ ส่วนลูกค้าประจำจะเป็นการสมัครเป็นสมาชิก แน่นอนว่าค่าบริการต่อครั้งของลูกค้าจรย่อมแพงกว่าลูกค้าประจำหรือสมาชิก
ซึ่งส่วนใหญ่ก็แล้วแต่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการแบบไหน ซึ่งผู้ประกอบการจะมีหลายๆรูปแบบให้เลือก ว่าที่จริงแล้วจัดอยู่ในประเภทกิจการฟุ่มเฟือย สำหรับคนที่เงินเหลือใช้และมีเวลา การใช้บริการประเภทนี้จัดเป็นการผ่อนคลายได้อย่างหนึ่ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการพยายามขยายฐานลูกค้ามาสู่คนชั้นกลางระดับล่าง คนที่ไม่พร้อมจะจ่ายเงินซื้อบริการ โดยมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มคนที่ใช้บัตรเครดิต
ที่เป็นปัญหา ก็มาจากวิธีการหาลูกค้าประเภทสมาชิก
การมีสมาชิกจำนวนมากหมายถึงการมีรายได้ประจำจาก "ค่าสมาชิก" แต่การเปิดกิจการแล้วรอให้คนมาสมัครสมาชิกเองแบบผู้ประกอบการทั่วไป ต้องใช้เวลา "สร้างแบรนด์เนม" จึงใช้วิธี "ขายตรง" ซึ่งให้ผลเร็วกว่า
การ "ขายตรง" โดยใช้เซลล์ที่รายได้หลักมาจากค่าคอมมิชชั่น ได้ก่อให้เกิดการโกหก หลอกลวง ซึ่งทำให้การปกปิดความจริง หรือการพูดความจริงไม่หมดกลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลย
ตัวอย่าง
คุณนิติกานต์ หลงเข้าไปเป็นเหยื่อ โดยเซลล์ ขอบบริษัท.....
ซึ่งเซลล์ ได้แจ้งว่าได้รับบัตรใช้บริการฟรี 1 เดือนและนัดหมายให้เข้าไปที่สาขา
แต่พอไม่ไปก็โทร.ตามตลอดจนรำคาญ จึงได้เข้าไป….
คุณนิติกานต์ มีบัตรเครดิต ธนาคาร.... เซลล์ที่โทร.มาบอกว่าได้เบอร์จากเพื่อนแนะนำมา แต่คุณนิติกานต์ไม่มีเพื่อนที่เป็นสมาชิกของฟิตเนสแห่งนี้ ดังนั้นคำตอบถึงวิธีการได้เบอร์โทร.จึงเป็นการ "โกหก" และน่าจะได้เบอร์มาจากธนาคาร……
เมื่อเข้าไปกลับไม่ได้รับการทดลองใช้บริการฟรีตามที่โทร.เชิญ หากแต่ถูกรุมประกบด้วยเซลล์ให้สมัครสมาชิกในราคามากกว่า 30,000 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงเกินกว่าพนักงานกินเงินเดือนประจำอย่างคุณนิติกานต์จะชำระได้
เขาได้เสนอให้ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตแบบไม่เสียดอกเบี้ย พร้อมนำเอกสารต่างๆให้คุณนิติกานต์ เซ็นต์โดยไม่ให้โอกาสอ่านก่อน
แต่ในเอกสารที่ให้เซ็นต์เหล่านั้นมีเอกสารที่ระบุว่า คุณนิติกานต์ได้รับทราบเงื่อนไขต่างๆของเขาและยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นด้วย (นอกเหนือจากข้อสัญญาที่ระบุว่า คุณนิติกานต์ไม่มีสิทธิยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด) นี่เป็นเล่ห์กลที่คาดไม่ถึงมาก่อน
และในวันรุ่งขึ้น คุณนิติกานต์ได้กลับเข้าไปอีกครั้งพร้อมยื่นเอกสารขอเลิกสัญญา
คุณนิติกานต์ คิดว่าวิธีการนี้จะเป็นการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตที่ว่า จะเป็นการทยอยเรียกเก็บเงินทุกเดือน จึงได้ส่งหนังสือยืนยันการบอกเลิกสัญญา พร้อมกับส่งหนังสือถึงธนาคาร....แจ้งให้ระงับการจ่ายเงิน
ตอนหลังถึงได้รู้ว่า ไม่ใช่ โดยรายการรูดบัตรของกิจการฟิตเนสที่ทำกับคุณนิติกานต์ ในวันนั้น เป็นการรูดบัตรในเงื่อนไขโดยให้ธนาคาร จ่ายเงินทั้งหมดให้บริษัทฟิตเนสแห่งนั้น แล้วธนาคาร....ถึงทยอยเรียกเก็บเงินจากคุณนิติกานต์เป็นรายเดือน โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ยจากคุณนิติกานต์
ธุรกิจธนาคาร..... ไม่ใช่การกุศล รูปแบบการรูดบัตรเครดิตแบบนี้จึงต้องมีข้อตกลงระหว่าง ธนาคาร....กับ บริษัทฟิตเนส....
โดยให้บริษัทฟิตเนส จ่ายค่าดอกเบี้ยแทนตามระยะเวลาการผ่อนชำระ โดยธนาคาร ....จะหักดอกเบี้ยออกจากจำนวนเงินที่จ่ายให้บริษัทฟิตเนสแห่งนั้น
พอทราบถึงวิธีการเรียกเก็บเงินผ่านบัตรเครดิตแบบนี้
คุณนิติกานต์ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และร้องเรียนสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ในส่วนสคบ.ได้เรียกไปไกล่เกลี่ย แต่บริษัทฟิตเนส....ยืนกรานตามข้อสัญญา
แต่ที่ตลกร้ายกว่านั้นจนหัวเราะไม่ออกยิ่งกว่า คุณนิติกานต์ได้ฟ้องไปทาง "ศาลแพ่ง" โดยยื่นฟ้องเป็น "คดีผู้บริโภค" ต่อศาลแพ่ง ฟ้องทั้ง ธนาคาร..... และบริษัทฟิตเนสแห่งนั้น ให้คืนวงเงินบัตรเครดิต ให้กับคุณนิติกานต์
แต่ ศาลแพ่ง ได้สั่งยกฟ้องตั้งแต่ชั้นยื่นฟ้อง ให้เหตุผลว่า ยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิ
เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้ประกอบการธุรกิจประเภทนี้ อาจจะมีการหาข้อมูลอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วโทร.มาหลอกว่า ได้สิทธิใช้บริการฟรี 1 เดือน เพื่อให้เข้าไปถูกเชือดด้วยการต้อนให้สมัครสมาชิก ซึ่งจะไม่แตกต่างอะไรกับธุรกิจ 18 มงกุฏ ที่ใช้วิธีส่งจดหมายบอกว่า ได้รับของฟรี เพื่อล่อให้เข้าไปแล้วหลอกให้ซื้อของคุณภาพต่ำในราคาแพง(มโหฬาร)
วิธีการนี้จะทำให้ เหยื่อกลายเป็นลูกหนี้ธนาคาร...แทน ไม่เป็นปัญหาบริษัทฟิตเนส....อีก ส่วนธนาคาร... หากชำระไม่ตรงกำหนดก็คิดดอกเบี้ยอีกรอบ (ทั้งที่ได้ดอกเบี้ยไปแล้ว)
เรื่องนี้ผ่านมาสองปีมาแล้ว….
และในปัจจุบัน พวก 18 มงกุฎ พวกนี้กำลังจะเริ่มอาละวาดอีกครั้ง และอาจพัฒนารูปแบบอย่างอื่นก็ได้ คนที่มีบัตรเครดิต พึงหาทางรับมือกับกลุ่มคนพวกนี้
วิธีการรับมือกับโทร.พวกนี้ที่ดีที่สุด คือ การบอกปัดตั้งแต่แรกเลยว่า ไม่เล่นฟิตเนส ไม่สนใจอบซาวด์น่า หรืออะไรอย่างอื่นที่เขาเสนอ พูดว่า ไม่ ไม่ ไม่ คำเดียวเท่านั้น "คำเดียวสั้นๆแต่ทำให้รอด"
...................................
[/B]
Bookmarks