กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: ดร.บรรจง โซ๊ะมณี

  1. #1
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    3,644
    บล็อก
    63

    ดร.บรรจง โซ๊ะมณี

    ดร.บรรจง โซ๊ะมณี
    ประธานมูลนิธิเพื่อคุณธรรม ดร.บรรจง โซ๊ะมณี 'รู้จักพอ รู้จักอิ่ม และจะรู้จักให้' วันอาทิตย์ ที่ 04 กันยายน 2554 เวลา 0:00 น .เนื้อหาข่าว จากอดีตกุลีท่าเรือ คนสวน ปัจจุบันมาเป็นเจ้าของรายการวิทยุอิสลาม 24 ชั่วโมง ตลอดจนทีวีมุสลิมไทยแลนด์ 24 ชั่วโมง และ ประธานมูลนิธิเพื่อคุณธรรม เรื่องราวของ “ดร.บรรจง โซ๊ะมณี” คนนี้ น่าสนใจทีเดียว... ดร.บรรจง โซ๊ะมณี ปัจจุบันอายุ 62 ปี เป็นชาวฉะเชิงเทราโดยกำเนิด เกิดในครอบครัวที่ยากจน เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวน 10 คน เมื่ออายุประมาณ 40 ปี จบการศึกษานอกโรงเรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จากนั้นก็ศึกษาปริญญาตรี จบศิลปศาสตรบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เรียนต่อปริญญาโท MPA. สำหรับนักบริหาร ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม แล้วเข้าเรียนที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปรอ.4111) ได้ประกาศนียบัตรชั้นสูง สถาบันพระปกเกล้า (ปปร.6) ปริญญาเอกหลักสูตร PH.D. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และยังเข้าศึกษาปริญญาเอกหลักสูตร DPA. President II ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีอีกด้วย เจ้าของวิถีชีวิตรายนี้ เล่าให้ฟังว่า เมื่ออายุได้ 12 ขวบ คุณพ่อก็เสียชีวิต พอจบชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 จึงมีโอกาสเข้ามาเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาที่กรุงเทพฯ เมื่อเห็นเพื่อน ๆ มีกางเกงขายาวสวย ๆ ใส่ ก็อยากมีบ้าง ในวันเสาร์-อาทิตย์จึงไปรับจ้างแบกปูน จนจบชั้น ม.ศ.3 ก็ไปเป็นลูกจ้างกุลี 2 เดือน จากนั้นก็ไปเป็นคนสวน 2 ปี ในขณะที่ทำงานอยู่ก็รู้สึกว่าอยากเรียนหนังสือ จึงขออนุญาตเจ้าของบ้านไปเรียนพิมพ์ดีด จนปี พ.ศ.2511 ทางกรมการค้าภายในต้องการลูกจ้างประจำ จึงไปสมัคร ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 ก็ได้ไปสมัครเป็นผู้ประกาศ ร.ด. “ในช่วงที่เป็นผู้ประกาศ ทุกเช้าจะมีพระมาเทศน์ให้เป็นคนดี ผมก็มานั่งคิดว่าอะไรทำให้คนเป็นคนดีได้บ้าง ตัวผมเป็นอิสลามก็ต้องชวนแบบอิสลาม คือคิดอยากจะนำหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามมาเผยแพร่ให้ชาวมุสลิมได้เข้าใจอย่างแท้จริง โดยแรกเริ่มก็ไปช่วยองค์กรอิสลามทำรายการวิทยุก่อน หลังจากนั้นก็เช่าสถานีทำรายการเองควบคู่ไปกับการรับราชการ ระหว่างนั้นก็คิดขึ้นมาว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่ให้อิสระในเรื่องของการนับถือศาสนา ก็คิดว่าเราน่าจะหาทางตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ผมจึงใช้หลักธรรมการเชื่อถือศรัทธาของมุสลิมไปใช้สอน และวิธีที่ทำได้เร็ว และครอบคลุมไปได้ทั่วถึงก็คือการใช้สื่อ จากนั้นเริ่มนำรายการเข้าสู่วงการโทรทัศน์ กระแสตอบรับดีมาก และผมก็ใช้สื่อวิทยุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เรื่อยมา” ดร.บรรจง กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการวิทยุและโทรทัศน์ ก่อนจะเล่าต่อไปว่า เนื้อหาของรายการที่ทำ เป็นการนำเสนอเรื่องราวของศาสนาอิสลามทั้งหมด ซึ่งจะเน้นในเรื่องแก่นศาสนาอย่างแท้จริงและถูกต้อง โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ... ต้องการให้พี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามได้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง โดยนำมาจากอัลกุรอานและแบบฉบับของท่านรอซู้ลฯ อีกทั้งต้องการให้พี่น้องชาวไทยที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามได้เข้าใจวิถีชีวิตมุสลิมมากยิ่งขึ้น อันจะนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และต้องการให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า ประเทศไทยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ส่งเสริมสนับสนุนการอุปถัมภ์ศาสนาทุกศาสนา ใครใคร่สร้างวัด สร้าง ใครใคร่สร้างโบสถ์ สร้าง ใครใคร่สร้างมัสยิด สร้าง ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยของเรามี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา สำหรับ มูลนิธิเพื่อคุณธรรม ที่ ดร.บรรจงเป็นประธานมูลนิธิ เขาบอกถึงต้นตอที่มาว่า เพราะมีความเชื่อในการสื่อสารไร้พรมแดน มีทั้งความดีและความเลว คิดว่าถ้าเราขอสักส่วนหนึ่งในการที่จะบอกว่าธรรม คุณธรรม ทำให้ครอบครัวรอด ทำให้สังคมรอด ทำให้ประเทศชาติรอดได้ ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่นับถือศาสนาอิสลามจึงอาสาที่จะทำให้คนที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นคนดีของพระเจ้า เป็นคนดีของสังคม และเป็นพสกนิกรที่ดีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เลยทำเรื่องนี้มาโดยตลอด เรียกร้องให้คนเป็นคนดี แล้วต้องรู้จักพอด้วย เมื่อคนดีแล้วรู้จักพอ รู้จักอิ่ม แล้วจะรู้จักให้ “จากนั้นก็มาดูว่าใครจะมาช่วยเหลือเด็กกำพร้าหรือคนชราเร่ร่อนบ้าง ปรากฏว่าก็มีคนมาช่วย แต่งานของมูลนิธิเพื่อคุณธรรมเป็นงานที่ต้องมีคนสืบสานเจตนารมณ์ จึงคิดโครงการสร้างเด็กดี เด็กเก่ง เด็กกล้า เพื่อรับใช้พระบัญชาของพระองค์ โดยการคัดเกรดเฉลี่ยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งจะต้องเป็นนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป อาจเป็นเด็กที่พ่อหรือแม่เสียชีวิต หรือทั้งพ่อและแม่มีชีวิตอยู่แต่ไม่สามารถส่งลูกเรียนต่อได้ ทางมูลนิธิเปิดรับสมัครทั่วประเทศ ปีละ 12 คน ซึ่งระยะโครงการคือ 5 ปี มีที่อยู่และอาหารฟรี มีเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอาหรับในมูลนิธิ ในวันเสาร์และวันอาทิตย์จะมีการทำกิจกรรมและมีการเรียนศาสนาด้วย นี่คือสิ่งที่ตั้งใจ ให้เด็กเหล่านี้ได้เรียนถึงปริญญาเอกเฉกเช่นเดียวกับคนที่เคยด้อยโอกาสที่ชื่อ บรรจง โซ๊ะมณี ซึ่งเคยไม่มีโอกาสได้เรียนสูง จนถึงอายุ 40 ปี แต่เด็กเหล่านี้มีโอกาสเรียนจบก่อนอายุ 40 ปี คือเขาเรียนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดโอกาสเหมือนอย่างคนที่ดูแลเขา เขาจบมาเขาก็จะมีงานที่ทำคือรับมรดกมูลนิธิเพื่อคุณธรรมเพื่อสืบสานและรับใช้พระองค์ต่อไป ส่วนการที่เราให้เด็กเหล่านี้ได้อยู่ดีกินดี เพราะว่าเราอยากจะเติมเต็มในส่วนที่เคยไม่ได้รับ รวมถึงเป็นการชดเชยและเติมให้เต็มในสิ่งที่บกพร่องในชีวิตของเขาด้วย และทุกวันนี้ผมก็ยังทำหน้าที่เลี้ยงดูผู้ชราควบคู่ไปด้วย รายรับที่นำมาใช้จ่าย ก็ได้จากการขายสมุนไพรและทำทีวี” ทั้งนี้ ดร.บรรจงพูดถึงการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ว่า ปัญหาของประเทศไทย หรือจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะยึดวัฒนธรรมประเพณีเป็นศาสนา ไม่ได้เอาแก่นศาสนาเป็นวิถีชีวิต ซึ่งศาสนาอิสลามไม่มีวัฒนธรรม ไม่มีประเพณี ไม่มีบันเทิง ศาสนาอิสลามมีอยู่ 2 สิ่งเท่านั้น คือสิ่งที่มาจากคัมภีร์อัลกุรอาน และวิถีชีวิตของท่านศาสดา ในหลักคัมภีร์ของศาสนาอิสลามบอกว่า ศาสนาท่านคือศาสนาท่าน ศาสนาเราคือศาสนาเรา ซึ่ง ดร.บรรจง โซ๊ะมณี ชี้ว่า... “ทางออกของเรื่องนี้ บอกได้เลยว่า จะต้องใช้อิสลามแก้ปัญหามุสลิม”. ................................... เสียเวลากับการเมือง 32 ปี ?? นอกจากจะเชี่ยวชาญทางด้านศาสนาอิสลามแล้ว ดร.บรรจง โซ๊ะมณี ยังเคยผ่านชีวิตด้านการเมืองมา อย่างโชกโชน เคยเป็นทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “ตอนนั้นผมทำงานควบกับเรียน ไปด้วย ประมาณปี 2528 ผมไปช่วยคุณจำลองหาเสียง ตอนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ปรากฏว่าผมถูกคุณสมัครฟ้องว่าเป็นข้าราชการไปช่วยนักการเมืองหาเสียง ผมจึงตัดสินใจลาออก มาอ่านข่าว วิเคราะห์ข่าวเรื่อยมา และช่วยคุณจำลองทำงาน วิถีชีวิตการทำงานข้าราชการของผมก็จบลงที่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานพาณิชย์ 5 เป็นข้าราชการคนเดียวในกรมการค้าภายในที่จบแค่ ม.ศ.3 แต่ก้าวขึ้นมาทำงานในตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นข้าราชการชั้นเอก จากนั้นผมก็หันเข้าทำงานการเมืองเต็มตัว เป็นสมาชิกสภากรุงเทพฯในปี 2534 ก็ถูกคนในสภากรุงเทพมหานครด้วยกันพูดว่าผมเป็นคนเก่ง แต่ไม่มีภูมิปัญญา ไม่มีปริญญาบัตรเหมือนคนอื่น ๆ” ดร.บรรจง บอกว่า เวลานั้นโกรธมาก มีคนแนะนำให้ไปเรียน กศน. ขณะนั้นอายุ 40 ปี ใช้เวลาเรียน 1 ปี จบ ม.6 แล้วก็เรียนต่อเรื่อยมา จากนั้น เป็นมุสลิมคนเดียวที่มีโอกาสได้เรียนที่ สถาบันป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมกับเอกชน รุ่น 4111 เรียนเป็นเวลา 1 ปี เวลานั้นไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการอะไร แต่ทุกคนรู้จักกันว่าเป็นประธาน มูลนิธิเพื่อคุณธรรม ก็เริ่มจะมีคนสงสัยว่า มูลนิธิเพื่อคุณธรรมคืออะไร พลโทณรงค์ แสงชนะศึก ราชองครักษ์ ได้มาดูกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิ “และคนนี้เองที่เป็นคนเชื่อมโยงทุกอย่างให้กับคนในรุ่น ได้รู้จักมูลนิธิเพื่อคุณธรรมมากขึ้น ซึ่งในเวลานั้นผมก็ยังทำงานอยู่ใน กทม. จนต่อมามีปัญหากับคุณจำลองในเรื่องของนโยบาย เลยตัดสินใจลาออก” ดร.บรรจงเล่า ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “พระเจ้าบอกช้าไปว่าผมไม่เหมาะกับการเมือง ผมเสียเวลากับการเมือง 32 ปี ห้วงเวลาเหล่านั้นถ้าทำประโยชน์เพื่อสังคม คงจะทำอะไรได้มากมาย”. เชาวลี ซุมขำ/ชนิกานต์ วงศ์สุธารส อนุสรา แสงเงิน : เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ[/IMG]

  2. #2
    Banned

    วันที่สมัคร
    Oct 2010
    กระทู้
    757
    บล็อก
    4
    เรื่องอะไรหนอลุงใหญ่ไมเยอะจัง
    ตัวหนังสือก้เล็กไม่เป๊กเลย
    อ่านลำบากมากเลยนั่งมองเฉย
    ฉันก็เลยไม่รู้เรื่องเปลืองสายตา อิอิ

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •