บ้านเราแสนสุขใจ 7 - ความซนเป็นเหตุ
บางทีชีวิตก็ผ่านเรื่องราวมากมาย แต่วันเวลาไรที่ไปทำงานแล้วผ่านท้องทุ่งกุลาแล้ว มีความสุขสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เวลานี้ท้องทุ่งเขียวขจีไปด้วยทุ่งข้าวสุดลูกหูลูกตา จากพื้นดินตรงหน้าไปจรดขอบฟ้าไกล
วันนี้ฟ้าพราวไสวด้วยสายฝนโปรยปราย ต้นหญ้าเอนลู่หมุนคว้างตามสายฝน มองแล้วก็ได้สัจธรรมที่บอกว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ....
แต่ในตอนนี้ทำให้นึกขึ้นได้ว่า...คนขยันก็ต้องได้สิ่งตอบแทนที่ดี เป็นความเชื่อของข้าพเจ้าเองเช่นนี้ เพราะอะไรหรือ...ก็เพราะว่าท้องทุ่งกุลา ที่เห็นเขียวพรายมาจากหยาดเหงื่อ แรงงาน ความมานะฝ่าฟันของคนท้องทุ่ง ที่เปลี่ยนความแห้งแล้งของทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นทุ่งทอง อย่างแท้จริง
ข้าวที่ชูช่อไสว อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเปลี่ยนเป็นทุ่งแห่งทองคำ นักสู้ที่ทรหดของชาวทุ่งกุลาที่ไม่ท้อแท้ เปลี่ยนความแห้งแล้ง เปลี่ยนดินแดนที่คล้ายทะเลทรายครั้งอดีต ให้กลายเป็นท้องนาได้อย่างองอาจ
เส้นทางสายปัทมานนท์ ตรงจุดที่เชื่อมระหว่างสุรินทร์ไปถึงร้อยเอ็ด บัดนี้ริมถนนได้มีโรงสีข้าวที่รับซื้อข้าวเป็นระยะ ตลอดเส้นทาง มีสหกรณ์การเกษตรเกิดขึ้น มีปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ และกลาง เกิดขึ้น ตลอดเส้นทางสายเปลี่ยวนี้ ทำให้เส้นทางที่เคยร้างผู้คนไม่ร้างผู้คนอีกต่อไป
ในหน้าน้ำหลากเช่นนี้ ข้าพเจ้าจำได้ดีมากอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของกระถินริมรั้วนี่แหละค่ะ ทางสุรินทร์เรื่องกระถินริมรั้ว ว่าผักกระเชด อ้าวจริงนะ...มีเรื่องราวเกิดขึ้นด้วยละ...
จำได้ว่า น้าน้อย น้องสาวแม่มาเยี่ยมพวกเรา เอาขนมมามากมายก็หวานหมูเราเลย นั่งกินขนมวนเวียนอยู่กับพี่นุช ลูกสาวน้าน้อยอยู่นั่นแหละ เพราะเป็นพี่สาวใจดีเอาเสื้อผ้ามาให้ เป็นอะไรที่เป็นขวัญใจเราเลยละ เพราะทั้งสวยและใจดี ข้าพเจ้าก็ติดเป็นตังเมเลยแกะกันไม่ออกเลยคู่นี้ แม่เราว่า
ที่บ้านมีจักรยานอยู่หนึ่งคัน ช่วงนี้พี่นุชจะยึดไว้ไปไหนจะถีบจักรยานสีแดงไปด้วย ว้าว... ข้าพเจ้าหรือเจ้าตัวเล็กคนนี้ก็ตามติดไปด้วยทุกที่เลยค่ะ ก็ถือโอกาสซ้อนท้ายไปด้วยแบบไม่พลาดเลย...โอ..ลัลล้า...
วันหนึ่งแม่ทำน้ำพริกปลาทู(ตำป่นปลาทู) แม่บอกให้ข้าพเจ้าไปเก็บผักกระเชด มาจิ้มกับน้ำพริกด้วย ข้าพเจ้าจะวิ่งไปเก็บ พี่นุชก็อาสาเอง พี่นุชอยู่ลพบุรีไม่เข้าใจคำว่าผักกระเชดของทางสุรินทร์ หมายถึงกระถินข้างรั้ว ค่ะ เลยขี่จักรยานโดยมีตัวซนลิงกังน้อย(่ข้าพเจ้าเอง) ซ้อนท้ายไปด้วย ข้าพเจ้าถามพี่นุชว่าจะพาไปเก็บที่ไหน พี่นุชบอกว่าที่หัวอ่างเก็บน้ำ ชลประทานที่หัวนานั่นไง ความเป็นเด็กน้อยก็คงงง แต่การได้ขี่ซ้อนท้ายจักรยานสีแดง อะไรจะวิเศษไปกว่านั้น ก็เลยไม่ทักท้วงอะไร
พอไปถึงชลประทาน มีผักกระเชดน้ำจริงๆ ลอยเป็นแพอยู่ในอ่างชลประทานเต็มไปหมดเลยค่ะ ก็ทักท้วงพี่นุชไปว่า แม่ไม่ได้ให้มาเก็บผักชนิดนี้นี่นา พี่นุชบอกว่าใช่ๆ ข้าพเจ้าเลยไม่เถียง (เพราะเด็กน้อยไม่เถียงอยู่แล้ว) ...
พี่นุชก็เอาไม้เขี่ยผักกระเชดน้ำให้มาที่ริมฝั่งอ่างเก็บน้ำ ข้าพเจ้าได้แต่นั่งมอง อะอะ...ทำไมค่อยเขี่ยแบบนั้น...ลิงกังน้อยแบบข้าพเจ้าหรือไม่ทันใจน่ะซิ เอาละ ... ต้องทำอย่างไรสักอย่างหนึ่ง เพราะแบบนี้ไม่ไวแน่ วันนี้จะได้กินผักไหมนะ...เอ
ตูม...โดดตุ๋มลงไปเลย...แฮ่ะๆๆ ลืมไปว่าว่ายน้ำไม่เป็น...อิอิ น้ำมันลึกด้วย เอาละสิ...ตาเหลีือกลาน ตัวค่อยๆ จมลงไป ได้ยินแต่เสียงพี่นุชตะโกนลั่นไปหมด หูเริ่มอู้ ค่อยๆ จมลง ดิ้นเฮือกสุดท้าย ...
รู้ตัวอีกทีมานอนริมฝั่ง อ่างเก็บน้ำชลประทาน มีลุงที่หาปลากับพี่นุชนั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงว่า ฟื้นแล้วๆ เสียงไอแคร๊กๆ ออกมา มีน้ำออกมาทางจมูกด้วย
พี่นุชเล่าให้ฟังว่า ตัวน้อยจอมซนกระโดดป๊าบลงไป ได้ยินเสียงตุ๋มๆ แล้วจมลงไป เห็นแต่มือชูขึ้นมา พี่เลยร้องเรียกให้ลุงทิดสี ที่หาปลาอยู่ตรงนั้นให้มาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นไม่เป็น khonsurin อยู่ถึงวันนี้ดอกจ้า
จากวันนั้นเป็นต้นมา ....ก็ลดความซ่าส์ของลิงกังตัวนี้ได้ ชนิดไม่กล้าเข้าใกล้น้ำอีกเลย ...
กลับมาถึงบ้านแม่รู้เรื่องเข้าตกใจหมด จะเอาไม้มาตีโทษฐานซนจนเกือบตาย ดีว่าน้าสาวอยู่ได้ห้ามไว้ ไม่งั้น ได้ของแถมก้นลายอีก....
Bookmarks