บริษัทสำรวจทะเลของสหรัฐฯ ค้นพบซากเรือลำหนึ่งพร้อมกับ "เครื่องเงิน" ซึ่งมีน้ำหนักรวม 200 ตัน จมอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งถือเป็นการค้นพบวัตถุมีค่าจำนวนที่มากที่สุด เท่าที่เคยมีการค้นพบในทะเล

ซากเรือ SS Gairsoppa ซึ่งเป็นเรือขนส่งไอน้ำของอังกฤษ ที่ถูกโจมตีจากเรือ U-Boat ของเยอรมนี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกพบในมหาสมุทรแอตแลนแลนติก นอกชายฝั่งทางตะวันตกของไอร์แลนด์ราว 300 ไมล์ โดยเจ้าหน้าที่โบราณคดี และเจ้าหน้าที่กู้ซากเรือจากบริษัทโอดีสซี มารีน เอ็กซ์พลอเรชั่น

โดยบริษัทสำรวจจากสหรัฐฯ ได้ดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกราว 4,700 เมตร โดยใช้เรือดำน้ำแบบควบคุมระยะไกล และหวังว่าจะสามารถนำสิ่งของมีค่าขึ้นมาสู่ผิวน้ำได้ทั้งหมด

ด้านนายแอนดรูว์ เคร็ก ผู้จัดการโครงการสำรวจครั้งนี้เปิดเผยว่า เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถกอบกู้เครื่องเงินที่มีน้ำหนักถึง 200 ตัน ซึ่งมีมูลค่าในสมัยปี 1941 มากกว่า 600,000 ปอนด์ ได้สำเร็จ ทั้งนี้ จากการประเมินค่าในปัจจุบัน เชื่อว่าเงินดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,200 ล้านบาท)

ทั้งนี้ บริษัทโอดีสซี มารีน เอ็กซ์พลอเรชั่น จะเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินที่มีมูลค่าราว 80% ของทั้งหมดที่กู้ขึ้นมาได้ ภายใต้เงื่อนไขสัญญาที่ได้ตกลงร่วมกับกระทรวงคมนาคม

เรือ SS Gairsoppa เป็นเรือที่มีขนาดความยาว 123.6 เมตร ถูกสร้างขึ้นในปี 1919 สำหรับบริษัท British India Steam Navigation เพื่อใช้เป็นเรือขนส่งสินค้าที่วิ่งระหว่างภูมิภาคตะวันออกไกล แอฟริกาตะวันออก และออสเตรเลีย และเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น มันถูกใช้เป็นเรือขนส่งให้กับกองทัพเรืออังกฤษ

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 1941 เรือ SS Gairsoppa ซึ่งวิ่งระหว่างเมืองกัลกัตตาของอินเดีย และเมืองลิเวอร์พูล พร้อมกับบรรทุกเงิน ชา และโลหะที่ยังไม่ได้นำไปหลอม ซึ่งมีน้ำหนักราว 7,000 ตัน ได้วิ่งหลุดออกจากขบวนเรือขนส่ง อันเนื่องมาจากสภาพอากาศเลวร้าย

ลูกเรือพยายามนำเรือ ซึ่งน้ำมันกำลังจะหมด เข้าเทียบท่ายังเมืองท่ากัลเวย์ของไอร์แลนด์ ก่อนที่จะถูกยิงด้วยตอร์ปิโดของเรือ U-Boat ของเยอรมนี

เชื่อว่า มีลูกเรือราว 30 คน จากทั้งสิ้น 85 คน สามารถขึ้นเรือช่วยชีวิตได้สำเร็จ แต่มีเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่สามารถมีชีวิตรอดไปจนถึงชายฝั่งเมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ หลังลอยคว้างกลางทะเลนานกว่า 13 วัน


ขอบคุณ มติชนออนไลน์