ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กับ เสรีภาพของชนชั้น
ความหวังแห่งเสรีภาพของชนผิวสี
"....ผมฝันว่าสักวันหนึ่ง มนุษย์จะไม่ตัดสินว่า ใครเป็นอย่างไร เพียงด้วยสีของผิวแต่ตัดสินด้วยเนื้อหาของความเป็นคนของเขา..."
นี่คือคำพูดของผม ...
คำพูด ณ.ลานบันไดอนุสาวรีย์อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น กรุงวอชิงตัน ในวันที่ 8 สิงหาคม 1963
ท่างกลางผู้คนที่มาประท้วงครั้งสำคัญ ที่มากกว่า 200,000 คน ในระหว่างการประท้วงครั้งสำคัญที่เรียกขานกันว่า คือ
"การยาตราสู่วอชิงตันเพื่อเรียกร้องงานและเสรีภาพ" (Marching On Washington For Jobs & Freedom )
ผู้ร่วมฟังสุนทรพจน์ของผม ที่มีทั้ง ทั้งผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง มากกว่า 2 แสนคน น้ำตาไหลอาบหน้า ซาบซึ้งในสุนทรพจน์นี้ และหวังว่า สักวันความเท่าเทียมกันในสังคมจะได้บังเกิดขึ้น
จากคำพูดที่ว่า
"....ผมฝันว่าสักวันหนึ่ง มนุษย์จะไม่ตัดสินว่า ใครเป็นอย่างไร เพียงด้วยสีของผิวแต่ตัดสินด้วยเนื้อหาของความเป็นคนของเขา..."
คือมนตราแห่งความหวัง สำหรับคนผิวสี ที่ได้รับความขมขื่นและโหดร้าย มาตลอดชีวิต
ผมขอถามว่า...เขาผิดหรือที่เกิดมาเป็นคนผิวสี....
ความโหดร้ายที่คนสีผิวได้รับการเหยียดหยาม ที่พวกเขาถูกมองเหมือนเป็นอีกกลุ่มชนชั้นหนึ่งที่ไม่อาจร่วมสังคมได้
ชนผิวดำที่ถูกแบ่งแยกออกมา ไม่อาจเรียนร่วมกันได้กับคนผิวขาว มันเป็นความทุกข์ทรมานมาก
“ขอโทษ...กรุณาลงจากรถไฟ ขบวนนี้ด้วย เนื่องมาจากรถไฟขบวนนี้รับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้น”
“เราไม่อาจให้บุตรของคุณ เรียนที่นี่ได้ เพราะคุณเป็นคนผิวสี”
“ขอโทษด้วยนะ ห้องอาหารแห่งนี้รับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้น”
“คุณทำงานที่นี่ได้นะ แต่ห้ามออกไปหน้าร้านเป็นอันขาด”
“โรงภาพยนตร์ที่นี่ต้อนรับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้น”
“วิทยาลัยแห่งนี้ ไม่ต้องการอาจารย์ที่มีสีผิว”
สิ่งเหล่านี้ คือกริยาและคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม เหมือนพวกเขาทั้งหลาย พวกคนผิวสีไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่ร่วมกันอย่างศานติ และพวกเขาเหมือนกับพลเมืองชั้นสองของประเทศ
คนทั่วไปที่มีอิสรเสรี ในประเทศที่ไม่มีการเหยียดสีผิด นับว่าโชคดีมาก ส่วนผมหรือครับ ผมโชคร้ายที่เกิดมาในประเทศที่รังเกียจและแบ่งแยกชนชั้น
ความ ยุติธรรม ความเป็นเสรีชน ความเป็นประชาธิปไตย ความหวังและความรัก คือสิ่งที่ทุกคนตระหนัก คือสิ่งที่ผมหวังที่จะทำลายกำแพงแห่งการเหยียดชนผิวสี
จากสุนทรพจน์ของผม
มีความตอนหนึ่งว่า
"....ผมฝันว่าสักวันหนึ่ง มนุษย์จะไม่ตัดสินว่า ใครเป็นอย่างไร เพียงด้วยสีของผิวแต่ตัดสินด้วยเนื้อหาของความเป็นคนของเขา..."
ซึ่งมันเป็นความสั่งสมที่บอกถึงความต้องการความมสิทธิเสมอภาคของชนผิวสี และผมนะหรือครับ
ผมก็คือ....
ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Dr. Martin Luther king Jr. X)
ผู้นำจิตวิญญาณชาวผิวดำของอเมริกันชน ที่ได้รับการขนานนามนั่นเอง
แม้ผมจะคือบุคคล ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ในการเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่าง ชาวอเมริกัน ก็ตาม
แต่ความภาคภูมิใจของผม ก็คือการที่ได้ทุ่มเทแรงกายทั้งหมดในการเคลื่อนไหวต่อเนื่องนานนับสิบปี เพื่อสิทธิของชนผิวสี
ต่อมาอีก 5 ปี ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ก็ถูกลอบสังหารที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี
และนับตั้งแต่วันนั้น ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติจวบจนถึงปัจจุบันนี้
นั่นคือความหวังที่จะทลายกำแพงแห่งการเหยียดผิวเริ่มสั่นคลอนลงไป
วันนี้ ความหวังอันยาวนานถึง 48 ปี ได้เริ่มประจักษ์ขึ้นมา เมื่อ
อเมริกา ประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้ต้อนรับ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสีคนแรก
บารัค โอบามา ในปี 2008 ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นถล่มทะลาย 333 ต่อ155
ดอกไม้ที่ ดอกไม้แห่งเสรีเริ่มผลิกลีบแย้มบานอย่างงดงามเป็นรูปธรรมในระดับหนึ่งแล้วนั่นเอง
และในงานฉลองตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่ Lincoln Memorial , Washington D.C.
บทเพลงหนึ่งก็ถูกขับขานขึ้นที่นี่มันเป็นบทเพลงในดวงใจของบารัค โอบามาตั้งแต่ยังเด็กและเขายังหยิบยืมคำคำหนึ่ง นั่นคือ " Change "
จากบทเพลงนี้ในการรนณรงค์หาเสียงตลอดมาจนได้รับชัยชนะ ของ บารัค โอบามา กับคำว่า " Change "
ที่นำมาจากบทเพลง A Change Is Gonna Come นั่นเอง
จากเสียงของ Sam Cooke ยอดนักร้องเพลง Soul Pop อเมริกัน
โดยที่ Sam Cooke เป็นผู้แต่งและบันทึกเสียงไว้ราวปลายปี1963
ด้วยแรงบันดาลใจจากเพลง Blowing in the wind
และพลังจากสุนทรพจน์อันลือลั่นนั้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1963 (พ.ศ.2506)
แต่กว่าจะตัดออกมาเป็นซิงเกิ้ลก็ปลายปี1964
หลังจาก Sam Cooke เสียชีวิตไปแล้ว20 วัน
ไม่ได้อยู่รับรู้ว่ามันกลายเป็นบทเพลงประวัติศาสตร์ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในบทเพลงอมตะตลอดกาล
เป็นบทเพลงแห่งความหวังของผองผู้ต่ำต้อยและเป็นเกียรติยศล้ำค่า ที่ประดับแด่ Sam Cooke ผู้ล่วงลับไปแล้วตลอดกาล
นี่คือบทเพลงที่งดงามพร้อมพรั่งทั้งท่วงทำนอง เสียงร้อง ดนตรี และความหมาย
was born by the river in a little tent
Oh and just like the river I've been running ever since
It's been a long, a long time coming
But I know a change gonna come, oh yes it will
It's been too hard living but I'm afraid to die
Cause I don't know what's up there beyond the sky
It's been a long, a long time coming
But I know a change gonna come, oh yes it will
I go to the movie and I go downtown somebody keep telling me don't hang around
It's been a long, a long time coming
But I know a change gonna come, oh yes it will
Then I go to my brother
And I say brother help me please
But he winds up knockin' me
Back down on my knees
Ohhhhhhhhh.....
There been times that I thought I couldn't last for long
But now I think I'm able to carry on
It's been a long, a long time coming
But I know a change gonna come, oh yes it will
.................................
Bookmarks