กำลังแสดงผล 1 ถึง 1 จากทั้งหมด 1

หัวข้อ: สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอนที่ 5 การเดิมพันกับความลับ

  1. #1
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30

    ดวงดาว The Star สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอนที่ 5 การเดิมพันกับความลับ

    รั่วซีโกรธมากกับถ้อยคำดังกล่าวสะบัดแขนจะให้หลุดจากมืออีกฝ่าย แต่ไม่หลุด องค์ชายสี่พูดว่า อยากนั่งบนพื้นหิมะหรอกหรือ ? แล้วก็ปล่อยมือแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวจนรั่วซีเสียหลักล้มลงนั่งกับพื้นหิมะทันที รั่วซีโมโหจนถึงระดับเกินจะรับไหว ไม่สนใจแล้วว่าคนตรงหน้าคือว่าที่ยงเจิ้ง มหาราชที่โหดร้าย คว้าหิมะมากำปาใส่เต็มแรงไปสองที แต่องค์ชายสี่เบี่ยงตัวหลบได้สบายๆ แล้วพูดแดกดันต่อว่า ทีเมื่อกี้เห็นนอนกับพื้นหิมะนิ่งไม่ขยับได้ ตอนนี้ก็แค่ให้นั่งบนพื้นหิมะครู่เดียวเอง จะโมโหอะไรกันนักหนา รั่วซีถลึงตาใส่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ องค์ชายสี่แค่นยิ้มเย็นชา บอกดูสารรูปเจ้าตอนนี้สิ ดูไม่ได้เลย แล้วยังจะหวังให้ใครเขามาสงสารอีกอย่างนั้นรึ ?

    สิบสามกลับมาถึงตอนนี้พอดี เห็นรั่วซีนั่งอยู่กับพื้นก็งง ถามว่าทำไมถึงมานั่งกับพื้นแบบนี้ล่ะ ? แล้วมองหน้าพี่ชาย องค์ชายสี่วางหน้าเฉยไม่พูดอะไร เมื่อขันทีสองคนพยุงรั่วซีขึ้นนั่งบนเก้าอี้หาม และพาเดินจากไป ตอนเดินผ่านองค์ชายสี่ รั่วซีเอาหิมะที่แอบกำไว้ในมือปาใส่ชายเสื้ออีกฝ่ายเต็มแรงทันทีกะไม่ให้หลบได้ ความจริงอยากปาใส่หน้ามากกว่า แต่ไม่กล้าหาญชาญชัยขนาดนั้น และปาถูกชายเสื้อก็ยังดี ค่อยหายโมโหหน่อย

    พี่สี่ไปทำอะไรให้นางโกรธ สิบสามพูดพลางมองชายเสื้อพี่ชายที่เปื้อนหิมะแล้วหัวเราะก๊าก องค์ชายสี่ก็เลิกชายเสื้อตัวเองขึ้นมาดูยิ้มๆ ก่อนจะลอบมองเจ้าของร่างไปจนลับตา


    เนื่องจากขาแพลง รั่วซีจึงลางาน ขณะเดียวกันก็ได้รู้ข่าวว่าองค์ชายแปดล้มป่วย ไม่ได้มาเข้าเฝ้าคังซี รั่วซีจึงนั่งเหม่ออยู่ในห้องว่าองค์ชายแปดล้มป่วยเพราะยืนตากหิมะในวันนั้นหรือเปล่า ระหว่างที่นั่งเหม่อ ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออกโดยแรง สิบสี่เดินหน้าถมึงทึงเข้ามา คว้าแขนรั่วซีมาบีบแรงมาก ถามว่า เกิดอะไรขึ้น เพราะอะไรกัน ? รั่วซีมองหน้าสิบสี่ด้วยสายตาเรียบเฉย บอกให้ปล่อยมือ สิบสี่ยิ้มหยันว่าช่างเฉยสนิทดีจังนะ ไม่รู้จักปวดใจบ้างเลยหรือไง ? แล้วเพิ่มแรงบีบจนรั่วซีร้องว่าเจ็บ สิบสี่ตะคอกต่อว่า อ้อ รู้จักเจ็บเป็นเหมือนกันหรือ ? ทำแบบนี้แล้วจะได้รู้ซึ้งขึ้นบ้างไหมว่าคนอื่นเขารู้สึกเจ็บมากแค่ไหน ? ถ้าต้องได้รับมาแล้วเสียไป สู้ไม่ต้องได้รับเสียตั้งแต่แรกจะดีกว่า ถ้าคิดจะปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้วมารับปากกันเขาทำไม ? เจ้าจงใจจะปั่นหัวใครงั้นรึ ? ใจร้ายสิ้นดี !



    รั่วซีร้องไห้ พลางตะโกนให้สิบสี่ปล่อยมือ บอกว่าเรื่องของนาง เขาไม่มีสิทธิ์มายุ่ง สิบสี่ก็ตวาดว่า มาดูกันว่าเขามีสิทธิ์ยุ่งหรือไม่มีสิทธิ์

    ระหว่างที่ทั้งสองตะคอกใส่กัน เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นว่า “น้องสิบสี่ !” ทั้งสองมองไป ก็เห็นสิบสามมีสีหน้าตกใจ กับองค์ชายสี่ที่สีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ สิบสามแกล้งพูดแซวว่าดูเหมือนพวกเขาจะมาผิดเวลาซะแล้ว สิบสี่กำลังแสดงงิ้วบทไหนอยู่หรือไง ? แล้วเดินเข้ามาใกล้


    สิบสี่คลายแรงที่บีบแขนลง แต่ไม่ยอมปล่อย สิบสามก็ยิ้มตอบสีหน้าเย็นชาของน้องชาย ตามองมือสิบสี่ที่จับแขนรั่วซีอยู่ แล้วเบนมามองหน้าสิบสี่อีกครั้งด้วยสายตามีเลศนัย

    องค์ชายสี่ก้าวเข้ามาช้าๆ พูดเนิบๆ ว่าเขากับสิบสามเพิ่งไปเยี่ยมท่านแม่มา ถ้าสิบสี่ว่างก็แวะไปเยี่ยมท่านแม่เสียบ้าง สิบสี่จึงค่อยปล่อยมือจากแขนรั่วซี เขารู้ว่าพี่ชายเขากับสิบสามเข้าใจผิดเรื่องเขากับรั่วซี จึงจงใจแกล้งก้มหน้าลงมาจนชิดหน้ารั่วซี พูดกลั้วหัวเราะว่า เอาไว้วันหลังว่างๆ เขาค่อยมาหาใหม่ จบคำก็ถวายบังคมให้สิบสามกับองค์ชายสี่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินจากไป

    สิบสามถามว่านี่เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาเล่นงิ้วบทนี้กับสิบสี่ได้เนี่ย รั่วซีก็ก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูด สิบสามจึงบอก เอาเถอะๆ ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ถ้าสิบสี่มาหาเรื่องอีกก็บอกเขาได้ เขาพอจะช่วยจัดการให้ได้ หรือถ้าไงก็ไปฟ้องพี่เขยเจ้าได้ เพราะสิบสี่เชื่อฟังองค์ชายแปดมาก รั่วซีได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่กล้าบอกว่าสิบสี่มาโวยแทนองค์ชายแปดนั่นแหละ และบอกแค่ว่าช่างเถอะ ผ่านไปสักพักเดี๋ยวสิบสี่ก็เลิกใส่ใจเรื่องนี้ไปเอง จากนั้นบอกขอบคุณสิบสามที่แวะมาเยี่ยมและที่ช่วยพามาส่งครั้งก่อน องค์ชายสี่ถามว่าขาดีขึ้นบ้างไหม รั่วซีบอก หมอหลวงพักรักษาตัวสักพักก็จะหายดีได้ องค์ชายสี่ก็พยักหน้า พูดกับสิบสามว่า ไปกันเถอะ


    รั่วซีนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน จึงรีบเรียกสิบสามเอาไว้ พอสิบสามหันมามองหน้าเป็นเชิงถาม รั่วซีก็ลังเล องค์ชายสี่เข้าใจว่าต้องการพูดกันตามลำพัง จึงบอกขอตัว สิบสามรีบคว้าแขนพี่ชาย บอกรั่วซีว่าเขาไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังพี่สี่หรอกนะ รั่วซีก็บอก เรื่องที่จะพูดไม่ใช่ว่าให้องค์ชายสี่ได้ยินไม่ได้ เพียงแต่กำลังนึกเรียบเรียงว่าจะพูดอะไรดี จากนั้นเชิญทั้งสิบสามกับองค์ชายสี่นั่งลงก่อน ก่อนจะเกริ่นว่า ไปมองโกลครั้งนี้ นางได้เจอองค์หญิงหมินหมิ่นด้วย สิบสามทำหน้าตกใจทันที เมื่อรั่วซีพูดต่อว่า สิบสามคิดยังไงกับหมินหมิ่น สิบสามก็ลุกพรวดขึ้นยืน ทำท่าจะขอตัว องค์ชายสี่มองหน้ารั่วซี แล้วหันมามองหน้าสิบสามยิ้มๆ ก่อนจะคว้าแขนสิบสามไว้ไม่ให้หนี พูดกลั้วหัวเราะว่าจะรีบไปไหนกัน ฟังให้จบก่อนก็ได้ สิบสามแทบเต้นผาง ว่าทำไมงิ้วมันเปลี่ยนบทเร็วอย่างนี้ เมื่อกี้ยังเป็นเรื่องของรั่วซีกับสิบสี่อยู่เลย ไหงแป๊บเดียวกลายมาเป็นเรื่องของเขากับหมินหมิ่นซะแล้ว

    รั่วซีหัวเราะ ถามตรงๆ ว่าสิบสามคิดยังไงกับหมินหมิ่น ? ส่วนหมินหมิ่นน่ะชอบสิบสาม เจ้าตัวบอกมาเอง สิบสามจึงบอกออกไปตามตรงว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับหมินหมิ่น ถ้าไม่โดนบังคับนี่เขาไม่มีทางแต่งด้วยแน่นอน รั่วซีฟังแล้วได้แต่ถอนใจ นึกสงสารหมินหมิ่นอยู่ในใจ

    ย่างเข้าปีใหม่ ในวันที่องค์ชายแปดจะส่งจดหมายมาให้เป็นประจำทุกปี รั่วซีเอาจดหมายที่องค์ชายแปดให้มาก่อนหน้านี้ทั้งสามฉบับห่อผ้าเอาไว้รวมกัน จากนั้นเขียนจดหมายถึงองค์ชายสี่ เนื้อหาบอกว่าขอคืนของ ชาตินี้นางไม่อยากแต่งงานกับใคร อยากทำงานจนเกษียณ แล้วกลับบ้านไปทำตัวเป็นลูกกตัญญูอยู่ปรนนิบัติพ่อจนแก่ตายมากกว่า จากนั้นเอาใส่ซองพร้อมกับจี้ห้อยคอที่องค์ชายสี่ให้มา แล้วนั่งรอคนขององค์ชายทั้งสองมาเยือน

    คนขององค์ชายแปดมาถึงก่อน พร้อมด้วยจดหมายฉบับใหม่ รั่วซีแก้ห่อผ้า เอาจดหมายฉบับใหม่ใส่รวมลงไปโดยไม่เปิดอ่าน แล้ววานคนส่งของเอากลับไปให้องค์ชายแปด จากนั้นเมื่อคนขององค์ชายสี่เอาของมาให้ คือปิ่นหยกในกล่อง รั่วซีก็เอาปิ่นหยกออกมาใส่รวมลงในซองที่ใส่จดหมายกับจี้ห้อยคอ ปิดซองเรียบร้อย แล้ววานคนส่งของเอากลับไปให้องค์ชายสี่ เป็นอันสะบั้นสัมพันธ์กับองค์ชายทั้งสอง



    คังซีจะเสด็จประพาสภูเขาอู่ถายซาน พวกองค์ชายทั้งหลายที่รั่วซีสนิทด้วยไปกันครบครัน รั่วซีจึงกะอ้างเรื่องขายังไม่หายจึงไม่ขอตามเสด็จด้วยคังซีก็ทรงอนุญาติ
    หลังกลับมาจากเที่ยวอู่ถายซาน แววตาขององค์ชายแปดเวลาสบตารั่วซีดูสงบลงมาก เหมือนเริ่มจะทำใจได้แล้ว

    วันหนึ่ง ระหว่างที่เดินอยู่ รั่วซีหันมาเห็นองค์ชายแปด แล้วหลบไม่ทัน จึงได้แต่ถวายบังคม องค์ชายแปดถามว่า ชื่อที่วันก่อนรั่วซีเคยบอกให้ระวังนั่น หมายความว่ายังไง เพราะบางคนเขาไม่รู้จัก พร้อมกับยกตัวอย่างชื่อที่เขาไม่รู้จัก รั่วซีฟังแล้วงง ถามว่าในคนสนิทขององค์ชายสี่มีคนขาเป๋ข้างหนึ่งไหม ? องค์ชายแปดบอก ไม่มี แล้วก็มีคนหนึ่ง รั่วซีบอกว่าชื่อเถียนจิ้งเหวิน แต่เขารู้จักแต่เถียนเหวินจิ้ง

    ความคิดแรกของรั่วซีคือ เธอถูกละครทีวีเรื่อง “ยงเจิ้งหวางแว” หลอกเข้าให้แล้ว แถมยังดันจำชื่อตัวละครผิดด้วย เลยกลบเกลื่อนไปว่า เออๆ เอาเท่าที่รู้จักนั่นแหละ ระวังๆ ไปเหอะ จากนั้นรีบขอตัว แล้วมานึกด่าทั้งละครทีวีและความจำตัวเองยกใหญ่ที่ดันจำชื่อคนผิด

    เวลาผ่านไปถึงฤดูร้อน รั่วซีมาเดินเที่ยวที่ริมสระบัวเล่น แล้วเจอองค์ชายสี่ใส่ชุดเขียวโผล่มาจากใต้ต้นหลิว (ต้นหลิวใบจะทิ้งตัวลงเป็นเส้นเหมือนม่านสายฝนสีเขียวปกคลุมพื้น ใครที่ยืนนิ่งๆ ใต้ต้น แล้วยังใส่ชุดเขียว จึงมองออกยากมากหากไม่เพ่งสังเกตดูดีๆ) รั่วซีรีบคุกเข่าลงถวายบังคม ออกจะเกร็งๆ อยู่ เพราะตั้งแต่คืนของไปให้ ก็ไม่ได้อยู่ตามลำพังกับหรือพูดคุยกับองค์ชายสี่เลย เพิ่งจะครั้งนี้ครั้งแรก องค์ชายสี่บอกให้ลุกขึ้นได้ แล้วเดินเข้ามาแถวๆ ใต้สะพานโค้งข้ามสระ รั่วซีขออนุญาตขอตัว แต่องค์ชายสี่ทำเหมือนไม่ได้ยิน(ก็คือไม่อนุญาตให้ขอตัวหนีไปนั่นแหละ) แล้วเอาเรือออกมาจากใต้สะพาน

    รั่วซีถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะว่าใต้สะพานมีเรือ องค์ชายสี่บอก ตอนเขาอายุสิบสี่ เสด็จพ่อสั่งให้ทำเรือลำนี้เอาไว้พายเล่นในสระนี่ พูดจบก็ขึ้นไปนั่ง แล้วทำมือสั่งให้รั่วซีลงมานั่งในเรือด้วย รั่วซีถามว่าแน่ใจนะว่าเรือมันยังใช้งานได้อยู่ องค์ชายสี่ไม่ตอบ รอให้รั่วซีขึ้นมานั่งด้วยอยู่เงียบๆ รั่วซีอยากเดินหนีไปซะ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง เลยยืนลังเลว่าเอาไงดี องค์ชายสี่ก็ทิ้งตัวลงนอนในเรือบอก ตัดสินใจขึ้นมานั่งได้เมื่อไหร่ก็เรียกปลุกด้วยแล้วกัน รั่วซีหมดทางเลือก ได้แต่ยอมลงไปนั่งในเรือด้วย



    องค์ชายสี่พายเรือฝ่าดงใบบัวออกไปอยู่กลางสระ แล้วทิ้งตัวลงนอนใต้ร่มใบบัว (ใบบัวของจีนจะชูโผล่ขึ้นพ้นน้ำสูงประมาณ 1 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางของใบเกือบ 1 เมตร) ทีแรกรั่วซีเกร็งมาก แต่พอเห็นอีกฝ่ายนอนเหมือนหลับไปแล้ว ส่วนตัวนางก็ไม่มีอะไรทำ เลยเด็ดใบบัวมาแปะหน้าหนึ่งใบแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกปลายหนึ่งของเรือ ให้หัวอยู่ใต้ร่มใบบัวบ้าง



    ตอนกำลังเคลิ้มจะหลับ เรือก็ไหวเอนจนรั่วซีตกใจ เอาใบบัวออกลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าองค์ชายสี่เปลี่ยนตำแหน่งมานั่งอยู่ข้างขานาง อยู่ชิดจนถ้านางลุกขึ้นนั่ง หน้าของสองคนจะอยู่กันใกล้มาก รั่วซีจึงไม่กล้าลุก แล้วองค์ชายสี่ก็หันมามองหน้ารั่วซีด้วยสายตาอ่อนโยนมาก จ้องจน จนรั่วซีตีหน้าไม่ถูก เอาใบบัวปิดหน้า ร้องว่าห้ามมามองหน้ากันด้วยสายตาแบบนั้นนะ องค์ชายสี่ยื่นมือมาจะเอาใบบัวออก รั่วซีปัดมือ ก็โดนคว้ามือไว้ รั่วซีบอกให้ปล่อยมือ องค์ชายสี่บอก งั้นก็เอาใบบัวออก รั่วซีบอกรับปากก่อนสิว่าถ้าเอาใบบัวออกแล้วจะไม่มองหน้านางด้วยสายตาแบบนั้น ก็ได้ องค์ชายสี่บอกดวงตาคู่นั้นแฝงแววผิดหวัง รั่วซีถึงค่อยยอมเอาใบบัวออกจากหน้า องค์ชายสี่ก็พายเรือกลับเข้าฝั่ง
    รั่วซีถามว่าท่านมาที่นี่บ่อยๆ หรือ ? องค์ชายสี่บอก นานๆ ครั้ง และมาตรวจสอบอยู่ทุกปีว่าเรือยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า รั่วซีถามว่าถ้าชอบที่นี่แล้วทำไมไม่มาบ่อยๆ ล่ะ ? องค์ชายสี่บอก ทิวทัศน์สงบแบบนี้ มานานๆ ครั้งจะช่วยให้ใจสงบ มาบ่อยเกินไปจะหลงใหลมันจนกัดกร่อนปณิธานหมด ! รั่วซีก็ถอนใจว่าคนคนนี้คือยงเจิ้งจริงๆ


    เวียนมาบรรจบครบอีกปี คังซีจะเสด็จประพาสมองโกลอีกแล้ว ปีนี้รั่วซีอายุ 19 องค์ชายที่ตามเสด็จไปในครั้งนี้ก็มีรัชทายาท องค์ชายสี่ แปด เก้า สิบสาม และสิบสี่ รั่วซีเห็นรายชื่อองค์ชายแล้วนึกไม่อยากไปทันที แต่โดนหัวหน้าขันทีดักคอว่าไปอู่ถายซานหนก่อน รั่วซีโดดไปทีแล้ว หนนี้อย่าหวังเลยว่าจะโดดได้ รั่วซีจึงจำใจต้องเก็บเสื้อผ้าเตรียมตามเสด็จอย่างหมดทางเลือก

    หนนี้ หมินหมิ่นก็มาด้วย รั่วซีจึงไปดักคุยกับสิบสี่ ปรึกษาว่าถ้าเจอหมินหมิ่นแล้วจะพูดแก้ตัวเรื่องปีก่อนกันยังไงดี สิบสี่บอกก็บอกไปตามตรงสิ ไม่ก็แต่งเรื่องโกหกซ้อนซะ รั่วซีถนัดอยู่แล้วนี่ รั่วซีกังวลใจมาก เพราะสิบสี่ไม่รู้เรื่องที่หมินหมิ่นชอบสิบสาม ก็พูดได้น่ะสิ แล้วไม่ใช่เรื่องที่รั่วซีจะโพทะนาเรื่องนี้กับสิบสี่ด้วย


    เมื่อหมินหมิ่นเจอตัวรั่วซี ก็จับมาถามถึงคำตอบของสิบสาม เมื่อรู้ว่าสิบสามบอกว่าไม่ชอบตน หมินหมิ่นก็เสียใจมาก คว้าม้าขี่ไปหาสิบสามเพื่อจะถามทันทีว่าทำไมถึงไม่ชอบนาง รั่วซีตกใจ รีบขี่ม้าตามไป แล้วเมื่อเห็นสิบสามเดินอยู่กับสิบสี่ก็ยิ่งหน้าซีด ระหว่างที่หมินหมิ่นถาม ก็หันไปเห็นคนที่สิบสามเรียกว่า “น้องสิบสี่” และตาค้าง จำได้ว่าคือคนที่รั่วซีบอกว่าเป็นคนรักเมื่อปีก่อน จึงถามรั่วซีต่อหน้าสององค์ชายว่า สิบสี่คือคนรักของรั่วซีหรือเปล่า ? รั่วซีส่ายหน้า หมินหมิ่นก็ร้องทันทีว่า เจ้าโกหกข้า ! จากนั้นชี้มาที่รั่วซี ถามสิบสามว่า สิบสามสนิทกับรั่วซีมากใช่ไหม ? สิบสามพยักหน้า หมินหมิ่นถามต่อว่า แล้วสิบสามรู้ไหมว่ารั่วซีมาหลอกนางเพื่อขอให้ช่วยซ่อนตัวสิบสี่เอาไว้ ? สิบสามมองหน้าสิบสี่ แล้วบอกว่า เขาไม่รู้ หมินหมิ่นฟังแล้วได้ข้อสรุปทันทีว่า รั่วซีโกหกทั้งสิบสามและนางที่ต่างก็เป็นเพื่อนของรั่วซี รั่วซีขอร้องให้หมินหมิ่นยกโทษให้ หมินหมิ่นไม่ยอม บอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮ่องเต้



    สิบสี่รีบก้าวออกมาพูดว่า มีเรื่องอะไรให้มาลงที่เขาสิ เขาเป็นคนผิด เขาจะรับผิดชอบเอง สิบสามก็ก้าวออกไปขวางหมินหมิ่น พูดว่า มีเรื่องใหญ่โตอะไรหรือถึงกับต้องไปบอกเสด็จพ่อเขา หมินหมิ่นชี้มาที่รั่วซี บอกว่ารั่วซีหลอกใช้นางช่วยองค์ชายสิบสี่ทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ที่เปิดเผยไม่ได้ สิบสามมองหน้าสิบสี่กับรั่วซี แล้วบอกว่า เขารู้จักรั่วซีดี รั่วซีไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่



    หมินหมิ่นฟังแล้วโมโหมาก เล่าเรื่องเมื่อปีก่อนให้สิบสามฟังแทบหายใจหายคอแทบไม่ทัน สิบสามฟังจบก็หันมามองหน้าสิบสี่ แล้วบอกว่า รั่วซีกับสิบสี่ก็เล่นกันมาด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาจะปลอมตัวมาหารั่วซีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หมินหมิ่นยิ่งโมโหสุดขีด บอกว่าทำไมสิบสามถึงปกป้องรั่วซีขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นนางล่ะ สิบสามจะพูดปกป้องแบบนี้ไหม ? สิบสามมองหน้ารั่วซี รั่วซีรีบร้องห้ามว่า “องค์ชายสิบสาม !” แต่ช้าไป สิบสามพูดออกเสียก่อนว่า เขาคบกับรั่วซีมาหลายปีแล้ว รั่วซีเป็นคนแบบไหน ตัวเขารู้ดี !

    เท่านั้นแหละ หมินหมิ่นแค่นหัวเราะเสียงเย็น ขึ้นขี่ม้าควบตรงเข้าไปหาคังซีทันที สิบสาม สิบสี่ กับรั่วซีรีบขึ้นขี่ม้าควบตามไป สิบสี่บอกรั่วซีว่าอีกเดี๋ยวให้โยนความผิดทั้งหมดมาที่เขา เขาเป็นองค์ชาย ต่อให้ถูกลงโทษยังไงก็ไม่ถึงตายอยู่แล้ว แต่รั่วซีเงียบ ไม่พูดอะไร

    สิบสามรีบร้องขอให้หมินหมิ่นยั้งมือไว้ไมตรี เขาจะขอบคุณอย่างมาก หมินหมิ่นหันมามอง สิบสามก็มองมาด้วยสายตาขอร้อง ก็นิ่งตะลึง จากที่คิดจะฟ้อง ก็เปลี่ยนเป็นขออนุญาตคังซีแข่งขี่ม้ากับรั่วซี แล้วบอกว่านางจะให้โอกาสก็แล้วกัน ถ้ารั่วซีชนะ นางจะไม่บอกเรื่องนี้กับคังซี รั่วซีตกลง ส่วนสิบสี่แดกดันหมินหมิ่นว่าถ้าให้โอกาสจริง ทำไมไม่มาขี่ม้าแข่งกับเขาล่ะ ไปแข่งกับรั่วซีที่เพิ่งหัดขี่ม้าได้แค่ไม่นานทำไม แต่หมินหมิ่นไม่สนใจ


    การแข่งม้าเริ่มขึ้น แน่นอนว่าหมินหมิ่นควบม้าได้เร็วกว่าอยู่แล้ว รั่วซีตัดสินใจทิ้งแส้ม้า ดึงปิ่นปักผมออกมาแทงใส่ก้นม้าทันที ม้าร้องด้วยความเจ็บ แล้ววิ่งตะบึงแซงม้าของหมินหมิ่นไปจนชนะขาดลอย แต่ดันวิ่งเลยเส้นชัยไปแล้วไม่ยอมหยุด จนสิบสี่ต้องขี่ม้านำทหารองครักษ์ไปช่วย ขณะที่รั่วซีในตอนนี้ขี่ม้าเก่งกว่าเมื่อก่อนแล้ว จึงจับบังเหียนแน่น พยายามพยุงตัวไม่ให้ตกลงจากหลังม้า รู้ว่าเดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วย จึงไม่มีความรู้สึกกลัว มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นสุดขีดเหมือนนั่งรถไฟเหาะ

    ตอนที่ทหารองครักษ์ช่วยกันหยุดม้าไว้ได้ และสิบสี่ช่วยอุ้มรั่วซีลงมา รั่วซีก็ตาลายเห็นหน้าสิบสี่เป็นสามหน้าเรียงกัน จึงหัวเราะลั่น หูอื้อไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น พูดจาครึ่งๆ ไม่รู้เรื่อง จนสิบสี่ต้องพาอุ้มนั่งข้างหน้าควบกลับแบบช้าๆ อยู่พักใหญ่กว่าตาจะหายลาย สิบสามกับหมินหมิ่นที่ชักม้าขี่ตามมาติดๆ ร้องโล่งอกกันทั้งคู่

    หลังจากหายตาลาย รั่วซีก็ขอลงจากม้า และพอเห็นม้าที่ตัวเองขี่แข่งมีเลือดหยดติ๋งลงมาถึงขา ก็หน้าซีด ทหารองครักษ์เอาปิ่นที่เช็ดสะอาดแล้วมาให้ รั่วซีบอกไม่เอาปิ่นนี้แล้ว ทิ้งๆ ไปเถอะ สิบสี่เลยรับปิ่นมา แล้วไล่ทหารไป ถามรั่วซีว่ายังขี่ม้าไหวไหม ? พอรั่วซีบอกว่าไหว สิบสี่ก็ให้รั่วซีขี่ม้าเขากลับ ส่วนเขาจะขี่ม้าตัวที่เจ็บนี่กลับไปเอง

    กลับไปถึงกระโจม คังซีก็ถามถึงสาเหตุที่พนันแข่งม้ากัน ท่านพ่อของหมินหมิ่นรู้ว่าลูกสาวหลงรักสิบสามรีบขอคุยกับคังซีเป็นการส่วนตัวเพื่ออธิบายเรื่องนี้ รั่วซีจึงรอดตัวไป และเพื่อเป็นการสลายพิษหึงของหมินหมิ่น สิบสามจึงเข้าไปเล่าและอธิบายให้หมินหมิ่นฟังว่าเขาเจอและคบกับรั่วซีแบบไหน จนหมินหมิ่นเข้าใจ



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=UK-d4rkQQaQ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน; 08-12-2011 at 21:18.

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •