กำลังแสดงผล 1 ถึง 1 จากทั้งหมด 1

หัวข้อ: สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอน 9 จอมใจย่งเจิ้ง

  1. #1
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30

    ดวงดาว The Star สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอน 9 จอมใจย่งเจิ้ง

    ตั้งแต่หนสุดท้ายที่เจอองค์ชายสิบตอนที่มาอาละวาด และรั่วซีเล่าเรื่องเปรียบเทียบระหว่างปิงถางหูหลุกับขนมเม็ดบัวไปแล้ว องค์ชายสิบก็พยายามหลบหน้ารั่วซีตลอด ส่วนรั่วซีก็พยายามหลบหน้าองค์ชายแปด แต่ไม่ใช่เพราะแค้นอีกฝ่าย เพราะเมื่อมาลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว องค์ชายแปดระแวงนาง แล้วนางล่ะ ไม่ได้เปิดใจให้เขาเต็มที่ ไม่ได้ระแวงเขาว่าเห็นนางเป็นแค่ตัวแทนของพี่สาวเหมือนกันหรอกหรือ ? อย่าว่าแต่ตอนที่คบกับองค์ชายแปด นางแน่ใจหรือว่าในใจของนางไม่ได้มีองค์ชายสี่อยู่เลยจริงๆ ? ในเมื่อตัวนางเองก็ระแวงเขา ดังนั้นจะไปโกรธที่เขาระแวงนางได้อย่างไร เรื่องนี้จึงถือว่าแล้วๆกันไป

    เมื่อนึกถึงองค์ชายสี่ รั่วซีก็อดยิ้มไม่ได้ รู้สึกว่าในวังหลวงแห่งนี้ นางไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป องค์ชายสี่ยอมฟังนางระบายเรื่องกลุ้มใจอย่างอดทนและแนะนำวิธีแก้ไขทุกครั้ง (ในเรื่อง ในบรรดาองค์ชายทุกคนที่รั่วซีคบและสนิทด้วย มีแต่องค์ชายสี่คนเดียวที่อายุมากกว่าจางเสี่ยวเหวิน) ยินดีคบหาด้วยอย่างจริงใจ พูดกันแต่ความจริง นางไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี และเมื่อนึกถึงที่องค์ชายสี่ชอบพูดแกล้งให้นางหน้าแตกหรือตีหน้าไม่ถูกอยู่บ่อยๆ จนเวลาอยู่ต่อหน้าเขา นางที่ฝีปากเป็นเลิศมีแต่ตกเป็นฝ่ายแพ้ทุกที รั่วซีก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากแก้แค้นเอาคืนขึ้นมาทุกที



    วันรุ่งขึ้น รั่วซีทำพุดดิ้งเป็นของหวานทานกับน้ำชา เนื่องจากนางเพิ่งเคยทำพุดดิ้งให้คังซีทานเป็นครั้งแรก และคังซีก็เพิ่งจะเคยได้ทานพุดดิ้งเป็นครั้งแรก สั่งให้ยกมาให้พวกองค์ชายทุกคนด้วย รั่วซีก็ยกมาให้ ตอนยกขนมเสิร์ฟให้องค์ชายสี่ ก็แอบยิ้มสมน้ำหน้าให้เขา แต่องค์ชายสี่ทำหน้าเฉยเหมือนมองไม่เห็น ตอนเอาจานขนมไปเสิร์ฟให้องค์ชายแปด องค์ชายแปดหันไปมององค์ชายสี่ยิ้มๆ


    หลังเสิร์ฟเสร็จ รั่วซีก็ออกไปจากห้อง แล้วแอบมองอาการขององค์ชายสี่ตอนที่พุดดิ้งเข้าปาก พอเห็นองค์ชายสี่ชะงักไปนิด ก่อนจะกินต่อทีละคำเล็กๆ
    ด้วยสีหน้าปกติ(แต่ตาลุกวาว) รั่วซีก็หลบไปหัวเราะแทบบ้าอยู่คนเดียว หลังจากกินพุดดิ้งเสร็จ คังซีก็ถามว่ารสชาติเป็นไง ? องค์ชายทุกคนตอบพร้อมกันว่าอร่อยเหมือนที่เสด็จพ่อบอกไว้ไม่มีผิด มีแต่องค์ชายสี่คนเดียวที่ไม่ได้พูดอะไร คังซีจึงถามองค์ชายสี่ว่ารสชาติเป็นไง ? องค์ชายสี่นิ่งไปนิด แล้วตอบว่า ลูกก็คิดว่ารสชาติดีมากเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ จึงมัวแต่หวนนึกถึงรสชาติของมันอยู่จนไม่ทันได้ตอบ รั่วซีฟังแล้วหัวเราะจนน้ำตาไหล แทบจะท้องแข็งตาย หลังจากนั้นองค์ชายสี่ก็ดื่มน้ำชามากเป็นพิเศษจนหลังเลิกประชุมแยกย้ายกัน นางกำนัลคนอื่นถึงกับออกปากทักว่าวันนี้องค์ชายสี่ทานน้ำชาหลายถ้วยจัง รั่วซีฟังแล้วหัวเราะอีกหน


    เสร็จจากงาน รั่วซีออกมาเดินนอกตำหนัก เจอสิบสามยืนอยู่ ก็เข้าไปร้องทักว่าองค์ชายสี่ล่ะ สิบสามบอกไปเปลี่ยนเสื้อ(เข้าห้องน้ำ) รั่วซีก็หัวเราะเพราะกินน้ำเข้าไปตั้งเยอะขนาดนั้นก็สมควรอยู่หรอก สิบสามถามยิ้มๆ ว่าอารมณ์ดีเชียว หัวเราะอะไรหรือ ? รั่วซีเลยบอกให้ฟังว่าขนมที่เอาไปเสิร์ฟวันนี้น่ะ ขององค์ชายสี่ นางใส่ของบางอย่างที่ขนมชิ้นอื่นไม่ได้ใส่ลงไปด้วย สิบสามถามว่าอะไรรึ ? รั่วซีตอบว่า เกลือ !
    สิบสามนิ่งตะลึงอ้าปากค้างไปอึดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยคน บอก มิน่าล่ะเขาถึงว่าวันนี้พี่สี่กินน้ำชาซดเอาๆ ยังกับกรอกน้ำ ตอนนั้นเองรั่วซีกับสิบสามก็เห็นองค์ชายสี่เดินมาแต่ไกล รั่วซีรีบบอกว่าขอตัวก่อนล่ะนะ แล้วทำท่าจะวิ่งหนี สิบสามมือไวรีบดึงเอาไว้ พูดกลั้วหัวเราะว่า กล้าทำก็ต้องกล้าเผชิญหน้าสิ รั่วซีทำหน้าละห้อย ขอร้องว่าตอนนี้ปล่อยให้นางหลบไปก่อนน่า...นะ เพราะสงสัยว่าตอนนี้องค์ชายสี่กำลังโกรธจัดอยู่แหงๆ สิบสามชักสงสาร จึงปล่อยมือให้รั่วซีหนีไป แต่รั่วซีเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว องค์ชายสี่ก็ตะโกนสั่งเสียงเย็นว่า “กลับมา !”

    รั่วซีตัวแข็งก้าวไม่ออก ได้แต่เดินคอตกกลับไปรอรับโทษด้วยสีหน้าจ๋อยๆ รั่วซีแอบมองสีหน้าองค์ชายสี่ที่ยืนอยู่กับสิบสาม สีหน้าองค์ชายสี่เรียบเฉยเหมือนทุกทีจนเดาอารมณ์ไม่ออก ส่วนสิบสามมองรั่วซีด้วยสีหน้าเป็นห่วง องค์ชายสี่สั่งให้สิบสามล่วงหน้าไปก่อน รั่วซีมองหน้าเพื่อนตาละห้อย สิบสามยิ้มแห้งๆ ทำสีหน้าว่าจนปัญญาจะช่วยได้


    หลังสิบสามปลีกตัวไปแล้ว องค์ชายสี่ก็สั่งให้รั่วซียื่นมือออกมา รั่วซีนึกว่าจะโดนตีมือทำโทษ แต่องค์ชายสี่กลับจูงมือนางเดินไปที่หลังต้นไม้ใหญ่มุมลับตาคน แล้วถามว่า ตอนนี้ไม่กลัวข้าแล้วหรือไง ? รั่วซีตอบว่า ข้าเคยกลัวท่านด้วยหรือ ? องค์ชายสี่ก็บีบมือนางแรงจนเจ็บ รั่วซีรีบบอกว่า เมื่อก่อนเคยกลัวนิดหน่อย องค์ชายสี่แค่นเสียงว่า นิดหน่อยรึ ? รั่วซีรีบทำมือบอก เพิ่มให้อีกนิดหน่อย ! องค์ชายสี่บอก ดูท่าให้เจ้ากลัวสักหน่อยน่าจะดีกว่า รั่วซีจึงแอบมองว่าเขาจะทำให้นางกลัวยังไง แต่องค์ชายสี่นิ่งเงียบไปไม่พูดอะไร แล้วอยู่ๆ ก็เดินหนีไปเลยจนรั่วซีตกใจและร้อนใจมาก รีบเดินตามไปง้อ บอกว่าต่อไปนางจะไม่แกล้งเขาแล้ว องค์ชายสี่ค่อยบอกแบบอ่อนใจว่าเขาไม่ได้โกรธ เขาแค่หิวน้ำมาก จะไปหาน้ำดื่ม รั่วซีฟังแล้วหัวเราะออกมาอีกหน รีบกวักมือเรียกขันทีให้วิ่งไปเอาน้ำชามาให้



    ในวันเทศกาลฉลองใหญ่ไหว้พระจันทร์ ทั้งคังซี บรรดาพระสนม องค์หญิงองค์ชาย พระชายาต่างมาร่วมกันแน่นขนัด รั่วซีถือกล่องอาหารปลีกตัวไปนั่งกินตามลำพังที่สระบัว ปรากฏว่าไปเจอสิบสามยืนเป่าขลุ่ยอยู่ก่อนแล้ว จึงร้องทัก แล้วสองคนก็มานั่งกินเหล้ากัน



    สิบสามบอกว่าไม่ได้นั่งกินเหล้ากับรั่วซีแบบนี้มาหลายปีแล้วนะนี่ ตั้งแต่รั่วซีเข้าวังมา รั่วซีบอกสิบปีเต็มแล้ว และนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตามประวัติศาสตร์ ภายในปีนี้สิบสามจะต้องถูกลงโทษกักบริเวณในที่ซึ่งเหมือนกับคุกเป็นเวลาถึงสิบปีเต็ม ส่วนจะด้วยสาเหตุอะไรนางก็ไม่รู้ละเอียดเหมือนกัน และหลังจากกินเหล้ากันครั้งนี้ กว่าจะได้เจอหน้ากันอีกทีอาจจะเป็นสิบปีข้างหน้า



    รั่วซีบอกว่า นี่ถ้าสิบสามไม่เกิดมาเป็นองค์ชายก็คงดี เพราะนิสัยของสิบสามไม่เหมาะจะเป็นองค์ชายที่ถูกธรรมเนียมพิธีการอะไรต่างๆ ผูกมัดเอาไว้เลย เหมาะจะไปเป็นจอมยุทธ์ท่องทะยานไปทั่วหล้ามากกว่า ท่านช่างเกิดมาผิดที่จริงๆ

    สิบสามถอนใจ บอกว่าเขาเองก็คิดแบบนี้มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วเหมือนกัน อีกอย่างคือ ถึงเขาจะสามารถวางตัวอยู่นอกวงศึกชิงบัลลังก์ได้ แต่เขาทิ้งพี่สี่ไม่ได้ เขาไม่อยากให้พี่สี่ต้องเผชิญคลื่นลมเพียงลำพัง ถึงพี่สี่จะมีพระมารดา มีน้องชายแม่เดียวกัน แต่ก็ไม่ต่างอะไรเลยกับไม่มี !พี่สี่ต้องเก็บกดและพยายามทำให้หัวใจรับรู้ว่าไม่เคยได้รับความรักจากพระมารดาเลย ทำให้ดูเหมือนคนเย็นชาไร้ความรู้สึก

    รั่วซีบอกว่า ในวังหลวงแห่งนี้ มีแต่สิบสามที่มีความคิดด้านอุดมคติตรงกันกับนาง น่าเสียดายที่เราสองคนดันไม่รักกันเสียได้
    นี่ทำไมเจ้าถึงไม่รักข้าล่ะ ? สิบสามฟังแล้วสำลักเหล้าทันที โวยว่า อะไรน่ะ ! ข้าสิควรจะโวยว่าทำไมเจ้าถึงไม่มารักข้า ทั้งที่ข้าออกจะทั้งหล่อทั้งเท่ขนาดนี้ ไหงเจ้าดันเป็นฝ่ายมาว่าข้าเสียได้ล่ะ ! รั่วซีบอก โห...นะ อย่างกับนางไม่เคยได้ยินงั้นแหละว่าสิบสามโปรยเสน่ห์ไปทั่วจนสาวๆ หลงรักหัวใจสลายกันไปตั้งเท่าไหร่ สิบสามหัวเราะส่ายหน้า ชี้หน้ารั่วซีแล้วพูดว่า “เช่นกันๆ !” รั่วซีบอก ข้าเป็นฝ่ายถามก่อนนะ เจ้าตอบมาก่อนสิ



    สิบสามตอบว่า ท่านแม่เขาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก ความทรงจำเกี่ยวกับท่านแม่ของเขามีไม่มาก หน้าตาก็จำไม่ได้ แต่เขาจำได้ดีว่าท่านแม่มักจะกอดเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน และร้องเพลงให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ ท่านแม่มักจะพูดจาอย่างอ่อนหวานนุ่มนวล มีรอยยิ้มที่อบอุ่น ส่วนเจ้า...สิบสามชี้หน้ารั่วซี พูดว่า ป่าเถื่อนเกินไป !


    รั่วซีบอก อ้อ...ที่แท้เจ้าก็เป็นลูกแหง่ติดแม่นี่เอง ถึงได้ชอบผู้หญิงที่มีบุคลิกอ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนแม่ตัวเอง มิน่าล่ะถึงได้ไม่ชอบหมินหมิ่น เพราะไม่ใช่สเปค สิบสามจึงย้อนถามบ้างว่าแล้วรั่วซีล่ะ ทำไมถึงไม่ชอบเขา ? รั่วซีบอกว่า ถ้าบอกแล้ว ห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาดนะ รวมถึงองค์ชายสี่ สิบสามก็รับปาก บ่นว่าดูท่าทางในสายตาของเจ้านี่ ข้าเป็นคนปากโป้งเอาการเลยสินะ



    เมื่อเห็นสิบสามรับปากแล้ว รั่วซีจึงบอกว่า ในเรื่องความรักระหว่างชายหญิง นางจะเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ตลอด คือจะไม่ไปรักใครก่อน หรือทุ่มเทใจให้ใคร และพยายามทำให้เขารักตอบเหมือนอย่างหมินหมิ่น แต่นางจะรอให้คนอื่นมารักตัวเองก่อน แล้วนางยังสร้างกำแพงป้องกันหัวใจของตัวเองเอาไว้แน่นหนามาก โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาอยู่ในวังหลวง กำแพงก็ยิ่งหนา แล้วนางทนไม่ได้ที่จะมีสามีร่วมกับคนอื่น แต่เรื่องนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะก็เหมือนที่แม้สิบสามจะรักอิสระ แต่เมื่อเกิดมาเป็นองค์ชายแล้ว ก็ค่อยๆ ปรับตัวชินกับวิถีชีวิตของการเป็นองค์ชายไปเอง ตัวนางจากเดิมที่ไม่สามารถทำใจรับเรื่องสามีมีภรรยาหลายคนได้ แต่ในสังคมแบบนี้ที่ผู้ชายทุกคนเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด นางก็ค่อยๆ ทำใจยอมรับได้ เพราะมันไม่มีทางเลือก ถึงงั้น นางก็ยังคาดหวังให้มีคนมารักนางแบบทุ่มเทและจริงใจ หากเขาอยากได้หัวใจนาง เขาต้องทุ่มเทความพยายามที่จะเปิดหัวใจนาง แสดงความจริงใจออกมาให้นางเห็น ให้นางค่อยๆ รักเขาตอบ เพราะงั้นที่นางไม่ได้รักสิบสาม ก็เพราะสิบสามไม่ได้เป็นฝ่ายมารักนางก่อนนี่แหละ !

    สิบสามฟังแล้วพึมพำว่าท่าทางเขาต้องไปบอกพี่สี่ให้พยายามให้มากกว่านี้ซะแล้ว เพราะพี่สี่เสียเปรียบตรงที่มีภรรยาอยู่แล้วหลายคน แต่โชคดีที่ข้อด้อยนี้ ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด รั่วซีพูดว่า เรื่องของข้ากับองค์ชายสี่ เจ้าไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ! สิบสามบอกว่า เขาไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างรั่วซีกับองค์ชายแปดมีอะไรกัน แต่ในเมื่อรั่วซีตอบรับพี่สี่แล้ว รั่วซีก็ควรทุ่มเทใจให้พี่สี่เพียงคนเดียว



    รั่วซีมองหน้าสิบสามแบบตกใจ ถามว่ารู้ได้ไง ? แล้วองค์ชายสี่รู้หรือเปล่า ? สิบสามบอก ทีแรกเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่สงสัยตั้งแต่ตอนที่หมินหมิ่นพูดเรื่องเจ้ากับพี่แปดแล้วทำท่าอึกอักอ้อมแอ้ม กับเมื่อวันที่พี่สิบมาอาละวาด แค่สายตาเย็นชาของพี่แปดก็ทำให้เจ้าถึงกับมือสั่นได้ นี่เลยแกล้งลองถามดู ปรากฏว่าใช่จริงๆ ด้วย ก่อนนี้ข้าไม่รู้เพราะมัวแต่คิดว่าเจ้าชอบพอกับสิบสี่ อีกอย่างคือเจ้าปิดได้สนิทมากจริงๆ จนข้าดูไม่ออกเลย ส่วนพี่สี่ยังไม่รู้เรื่องนี้



    รั่วซีขอร้องสิบสามว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับองค์ชายสี่ สิบสามไม่เข้าใจว่ารั่วซีจะปิดไปทำไม ก็แค่รักเก่า พี่สี่เขาใจกว้างกับเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว รั่วซีบอกว่า นางไม่เคยคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดที่เคยรักคนอื่นมาก่อนจะมารักองค์ชายสี่ เพราะในเมื่อผู้ชายมีเมียหลายคนได้ แล้วผู้หญิงจะแค่เคยรักผู้ชายอื่นมาก่อน มันจะไม่ได้เลยเชียวหรือ ? แต่นี่ถ้าอีกฝ่ายเป็นองค์ชายสิบหรือสิบสี่ นางก็จะบอกแบบไม่ปิดบังอยู่หรอก มีแต่องค์ชายแปดเท่านั้นที่ห้ามบอกเด็ดขาด นางไม่กล้าเสี่ยงที่จะบอกองค์ชายสี่ว่าคนรักเก่าของนางคือองค์ชายแปด (เพราะในบรรดาองค์ชายที่ถูกยงเจิ้งเล่นงานถึงตายหลังได้ขึ้นครองราชย์ มีแต่องค์ชายแปดและเก้า)



    สิบสามฟังแล้วไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็รับปาก แล้วบอกตามตรงว่า เมื่อก่อนเขาเคยหวังให้พี่สี่ได้ลงเอยกับรั่วซี เพราะทั้งรั่วซีกับพี่สี่ต่างก็เป็นคนสำคัญของเขาด้วยกันทั้งคู่ (ถึงได้เปิดโอกาสให้องค์ชายสี่มาสอนรั่วซีขี่ม้า) แต่ต่อมาเห็นรั่วซีไม่เต็มใจ เขาก็ไม่ฝืนใจ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจพฤติกรรมของรั่วซีที่ขัดแย้งกันเองก็ตาม (ทำดีด้วยแบบพิเศษกว่าคนอื่นเห็นๆ แต่ดันบอกว่าไม่ได้มีใจให้) ส่วนพี่สี่ก็ ถึงจะสนใจเจ้าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องแต่งงานกับเจ้าให้ได้ ตอนที่เจ้าคืนปิ่นกับจี้นั่นให้พี่สี่ พี่สี่ยังหัวเราะ บอกข้าว่า นี่พูดถึงขนาดว่าอยากอยู่โสดไปชั่วชีวิตออกมาเลยเชียวนะ หนหน้ามิถึงกับพูดว่ายอมตายไม่ยอมแต่งงานหรอกรึ ? ช่างเถอะ อย่าไปฝืนใจนางดีกว่า พูดจบพี่เขาก็โยนปิ่นกับสร้อยนั่นทิ้งไป และเลิกสนใจเจ้า แต่หลังกลับมาจากมองโกล พี่สี่ก็เปลี่ยนใจ ไปควานหาปิ่นกับจี้ที่ทิ้งไปกลับคืนมา

    รั่วซีถามอย่างอดไม่ได้ว่า เพราะหยกประดับที่ท่านพ่อหมินหมิ่นให้นางมางั้นหรือ ?

    สิบสามถลึงตาใส่ พูดว่า เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนรัชทายาทหรือไง ? แล้วหัวเราะ บอกว่า
    เจ้านี่โง่จริงๆ นะ ! การแสดงบนเวทีครั้งนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าสายตาทุกคนให้ตกตะลึงคือความงดงามของหมินหมิ่นก็จริงอยู่ แต่คนที่มีใจมองให้ลึกจริงๆ แล้ว เขามองเห็นไปถึงเบื้องหลัง มองเห็นถึงความสามารถของเจ้าที่สามารถเนรมิตฉากเวทีที่น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อเช่นนั้นขึ้นมาได้ และจิตใจของเจ้าที่หวังดีคิดส่งเสริมหมินหมิ่นอย่างจริงใจ


    ในวังหลวง หญิงใดบ้างไม่พยายามดันตัวเองให้เด่นกว่าใคร สะดุดตากว่าใคร แต่เจ้ากลับยินดีส่งเสริมผู้อื่นให้ได้ดีโดยไม่เห็นแก่ตัว คนอย่างเจ้านี้ บอกตามตรงว่าข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน และข้าคิดว่าพี่สี่เองก็ไม่เคยพบมาก่อนเช่นกัน ! ยังมีเรื่องที่เจ้าช่วยปกป้องน้องสิบสี่นั่นอีก การกระทำของเจ้าคู่ควรแก่คำว่า “คุณธรรม” ได้อย่างเต็มภาคภูมิและสิบสามก็ยังพูดต่อไปเรื่อยๆในขณะที่รั่วซีหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ


    ปกติเวลาพี่สี่กระทำเรื่องใด มักมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด ไม่มีลังเล แต่ตอนที่พี่สี่ถือกล่องใส่ปิ่นกับจี้ ลังเลอยู่หลายวันว่าจะคืนให้เจ้าดีหรือไม่นั้น ข้าถึงได้รู้ว่าพี่สี่ไม่ได้แค่หวั่นไหวใจกับเจ้าเฉยๆ เสียแล้ว ในใจของพี่สี่ เจ้ามีน้ำหนัก มีความสำคัญยิ่งกว่านั้นมาก ดังนั้นในวันนั้นตอนที่เห็นเจ้าปักปิ่นนั้นมาพบพี่สี่ ข้าถึงได้โล่งใจอย่างมาก เจ้าไม่รู้หรอกว่าวันที่เจ้าถูกพี่สิบเตะนั่น ข้าเห็นแววตาพี่สี่เจ็บปวดมากเลยเชียวละ !

    ปกติพี่สี่เป็นคนเข้มงวดมาก ในวังของพี่เขา ทุกคนต้องรักษาระเบียบ ทั้งภรรยาและลูกของพี่เขาทุกคนกลัวพี่เขากันมาก ไม่มีใครกล้าทำอะไรเหลวไหลหรือขัดคำสั่งเลย และต่อให้ไม่เอ่ยถึงเรื่องกฎระเบียบในบ้าน แค่สีหน้าเย็นชานั่นของพี่เขา ก็น่ากลัวพอจะทำให้ทุกคนไม่กล้าขัดคำสั่งหรือเข้าไปหาเรื่องได้แล้ว ตอนที่เจ้าแกล้งพี่สี่โดยเติมเกลือลงไปในขนมนั่น ข้าเป็นห่วงแทนเจ้าจริงๆ นะ แต่หลังจากนั้นพอข้าถามพี่สี่ว่าลงโทษเจ้ายังไง พี่สี่กลับบอกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ปล่อยตามใจนางไปเถอะ ! อีกอย่างนานๆ ทีจะได้เห็นนางหัวเราะอารมณ์ดีถึงขนาดนั้นด้วย

    ดังนั้น ไม่ว่าเจ้าจะรับปากพี่สี่เพราะกลัวถูกเสด็จพ่อยกให้คนอื่นหรือเพราะมีใจให้พี่สี่ก็ตาม ขอให้เจ้าทุ่มเทใจดีกับพี่สี่ให้มาก หากเจ้าทำร้ายจิตใจพี่สี่เพราะพี่แปดละก็ ข้าไม่มีวันยกโทษให้เจ้าแน่ ! ลังเลหลายใจ ทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น ข้าดูถูกผู้หญิงแบบนั้นมากที่สุด !


    รั่วซีตอบว่า ในเมื่อข้าได้เลือกองค์ชายสี่แล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใจกับองค์ชายแปดอีก เพราะข้าก็ไม่ชอบความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่ยังเหลือเยื่อใยไม่ยอมตัดให้เด็ดขาดไปสักทีเหมือนกัน

    สิบสามพูดต่อว่า พี่สี่ของเขาเป็นคนเปลือกนอกเย็นชา แต่ในใจไม่ใช่ พี่เขาซ่อนความอบอุ่นในใจเอาไว้ลึกมากๆ จนคนเข้าถึงได้ยาก จึงสนิทกับใครได้ยาก แล้วพี่เขายังมักทำหน้าเย็นชา พูดจาก็แหลมคมเย็นชา ภรรยาของพี่เขาต่างก็กลัวพี่เขากันมากโดยไม่เคยรู้ซึ้งถึงความอบอุ่นที่อยู่ภายใต้ความเย็นชานั้นเลย คนนิสัยแบบนี้จะทำร้ายตัวเองให้ต้องกระทบกระเทือนใจได้ง่าย ข้าเองแม้พอจะช่วยคุยให้พี่เขาระบายความในใจออกมาได้บ้าง แต่ก็ช่วยสลายความกลัดกลุ้มอึดอัดคับข้องใจให้พี่สี่ไม่ได้ พี่เขาจึงยังต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอยู่เหมือนเดิม ข้าจึงหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนที่เข้าใจพี่เขาและสามารถช่วยนำพาพี่เขาออกมาจากห้วงแห่งความกลัดกลุ้มนั้นได้ ใครสักคนที่จะมาจับมือพี่เขาไว้ ให้พี่เขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
    แม้ตัวเจ้าจะเพียรบอกว่าเจ้าอ่านหนังสือมาไม่มาก แต่ข้ารู้ดีว่าหนังสือที่เจ้าอ่านไม่มีทางน้อยไปกว่าพวกข้าแน่ เวลาที่ได้คุยกับเจ้าแบบเปิดอก ข้าถึงกับรู้สึกด้วยซ้ำว่าเจ้าไม่เหมือนสตรีที่โตมาในห้องหอ เจ้ามีความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง รู้เห็นอะไรๆ มามากมายกว่าที่ใครๆ จะคาดคิด ภูเขาแม่น้ำหลายๆ แห่ง เจ้าก็เหมือนจะเคยไปเยือนไปเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว ดังนั้น ขอเพียงเจ้ายินยอม เจ้ากับพี่สี่ต้องเข้าคู่กันได้เป็นอย่างดีแน่นอน


    สุดท้าย สิบสามเตือน และบอกรั่วซีด้วยความหวังดีว่า ที่รั่วซีสามารถอยู่ในวังได้แบบสงบสุขไร้คลื่นลมแบบนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะองค์ชายแปดช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง และไม่ใช่เพราะรั่วซีสนิทกับพวกเขาหลายๆ คนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเสด็จพ่อของเขาเอ็นดูรั่วซีมากต่างหาก และที่เสด็จพ่อของเขาเอ็นดูรั่วซี เพราะรั่วซีเป็นคนเดียวในวังหลวงนี้นอกเหนือจากหัวหน้าขันทีที่ขยันและตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ไม่เข้าข้างฝ่ายใด ไม่กลั่นแกล้งหรือพยายามเหยียบย่ำฝ่ายใด วางตัวได้อย่างเหมาะสมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย (ตอนที่ปลดรัชทายาทครั้งแรก และคังซีเรียกตัวรัชทายาทเข้าไปคุยด้วยในห้องที่มีสองชั้น โดยให้รั่วซีนั่งอยู่ในห้องชั้นนอก ถือเป็นการทดสอบรั่วซีว่าเป็นคนที่ฝ่ายไหนส่งมาแอบสืบข่าวหรือเปล่า โดยถ้าใช่ รั่วซีจะต้องพยายามหาทางแอบฟัง แต่ตอนนั้นรั่วซีไม่ได้คิดที่จะแอบฟังเลย แถมยังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิมจนคังซีกับหัวหน้าขันทีเดินออกมาจากห้องเกือบถึงตัวและร้องเรียก ถึงค่อยรู้สึกตัว ทำให้ทั้งคังซีและหัวหน้าขันทีพอใจมาก และไว้ใจรั่วซียิ่งกว่าเดิมมาก



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=7u0Gy19-yGY
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน; 12-12-2011 at 08:58.

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •