ครอบครัวเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างคนดีและมีส่วนทำให้สังคมอยู่อย่างสงบสุขได้ หน้าที่ของบิดามารดา คือสั่งสอนให้ลูกรู้จักแยกแยะผิด-ถูก รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนกระทำอย่างกล้าหาญ และเฝ้าดูแลมิให้เขากระทำนอกลู่ทางก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ หากบิดามารดาละเลยไป ก็อาจนำพาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว บางคราวอนาคตของลูกก็จบสิ้นได้ ดังกรณีศึกษานี้
ครอบครัวของนายสมควรและนางใจดีมีฐานะดีพอสมควร มีลูกชายคนเดียว คือ ด.ช.สุขเกษม ซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี ยังเป็นผู้เยาว์และอยู่ในวัยคึกคะนองเต็มที่เขากับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันชื่นชอบในการแข่งรถจักรยานยนต์ตามท้องถนนเพื่ออวดฝีมือตกแต่งรถหรืออวดสาวปกติแล้วลูกชายของทั้งสองสามารถนำรถจักรยานยนต์ในบ้านไปใช้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากบิดามารดาเลย โดยกุญแจรถมี 2 ชุด ชุดหนึ่งแขวนไว้ในบ้านเพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบไปใช้ได้ทุกเวลา ส่วนอีกชุดเก็บไว้เป็นสำรอง การนำรถคันนี้ออกไปใช้ทุกครั้งนั้น นายสมควรและนางใจดีไม่เคยซักถามหรือสนใจว่า ลูกชายเอาไปใช้ในกิจกรรมใดต่อมาวันหนึ่ง ด.ช.สุขเกษมขับรถแข่งกับเพื่อนแล้วพลาดไปชนรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางทำให้เสียหายอย่างมาก และลูกชายได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการกระแทกพื้นอย่างแรงเมื่อรถล้มลงเมื่อมีการเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายกัน นายสมควรไม่ยอมจ่ายเงินชดใช้ โดยอ้างว่ามิได้เป็นคนขับชน จึงไม่ต้องรับผิดชอบด้วย อีกทั้งยังขอรถจักรยานยนต์ที่ตำรวจยึดไว้คืนเพราะเสียดายที่ซื้อมาราคาแพงมาก ผู้เสียหายจึงฟ้องคดีเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาล ผู้พิพากษาได้พิจารณาอย่างมีเหตุผลว่าพฤติการณ์ที่บิดามารดาไม่เคยสนใจต่อการนำรถไปใช้โดยไม่มีการบอกกล่าวต่อผู้ใหญ่ให้รับทราบ ย่อมแสดงว่ายินยอมอนุญาตให้ ด.ช.สุขเกษม หยิบกุญแจรถไปใช้ได้ตลอดเวลาตามที่ลูกต้องการ โดยไม่คำนึงว่าผู้เยาว์จะนำไปใช้ในกิจกรรมใด
ดังนั้นเมื่อเขานำรถจักรยานยนต์คันนั้นไปขับขี่แข่งขันกันในถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรตามหลักกฎหมายและถูกจับไป ย่อมถือว่า บิดามารดารู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดต่อกฎหมายของ ด.ช.สุขเกษมและได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นด้วย ผู้เป็นบิดามารดาจึงต้องร่วมรับผิดกับผู้เยาว์ในการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด กอปรกับไม่อาจเรียกร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ราคาแพงนั้นซึ่งถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดีคืนได้เพราะมีส่วนรู้เห็นในความผิดด้วยกรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ได้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยความคะนองของผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในความดูแลของบิดามารดาตามกฎหมาย
ดังนั้นจึงไม่อาจปัดความรับผิดชอบในทางแพ่งได้เนื่องเพราะกฎหมายกำหนดชัดเจนให้บิดามารดาต้องรับผิดร่วมกับผู้เยาว์ด้วย ยกเว้นจะได้พิสูจน์ว่าใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเต็มที่แล้ว หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นการทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย นอกจากบิดามารดาจะต้องร่วมชดใช้เงินทองแล้ว ลูกของท่านอาจต้องถูกลงโทษจำคุกหรือรับโทษอาญาอื่นๆบางครั้งผู้ขับขี่อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกลายเป็นคนพิการไปได้ ซึ่งจักมีผลต่ออนาคตของผู้เยาว์อย่างมาก ฉะนั้น บิดามารดาทั้งหลายควรเอาใจใส่ต่อความเป็นอยู่จิตใจ และกิจกรรมที่ลูกของท่านทำอยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อเห็นแก่อนาคตของเขา การสร้างลูกให้เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวต่อไป มันคือภาระหน้าที่อย่างหนึ่งของบิดามารดาซึ่งพึงกระทำที่สุด