สวัสดีครับพี่น้องบ้านมหา.comทุกท่าน
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วพอดีครับที่ผมบ่ได้มีกระทู้หรือเรื่องราวมาเล่าในบ้านมหา.comแห่งนี้ครับ
รู้สึกคิดถึงพี่น้องสมาชิกอยู่คือเก่าครับ หลังจากกลับขึ้นมาจากสมุยแล้ว ก็บ่ค่อยได้เข้ามาในโลกออนไลน์
แต่ก็บ่เคยลืมที่แห่งนี้เลยครับ ต่อสู้ดิ้นรนตามเส้นทางชีวิตที่ต้องแข่งขันกับหลายๆสิ่งหลายๆอย่างครับ
ขอบคุณทุกท่านทุกๆกำลังใจที่มอบให้ครับ
๑.
๒.
หลังจากว่างเว้นภาระการงานแล้วก็ได้โอกาสดีอันเป็นมงคลที่ได้สักการะพระทันตธาตุ(ฟัน) ของพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓
หรือพระมหากัสสปะพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันได้รับการอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศไทย
โดย นายสุวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตีและตัวแทนจากสำนักงานพระพุธศาสนาแห่งชาติ
เดินทางไปอัญเชิญพระทันตธาตุถึงประเทศภูฏาน
เนื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ "สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก" ทรงอนุญาตให้อัญเชิญมาเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ถือเป็นปีมหามงคลยิ่ง
๓.
๔.
๕.
จากข้อมูลของประเทศภูฎานเกี่ยวกับข้อมูลของพระทันตธาตุบอกเอาไว้ว่า ได้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดียในราวๆ ช่วงคริสต์ศตวรรษ
โดยมีเอกสารรับรองว่าเป็นพระทันตธาตุของ "พระมหากัสสปะพุทธเจ้า" ที่แท้จริง ซึ่งเชื่อว่ามีอายุมากกว่า ๓,๐๐๐ ปี
เป็นองค์เดียวในโลกที่เหลืออยู่ และถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีในพระราชวัง
ต่อมาภายหลังเมื่อ "ซับดรุง งาวัง นัมเกล" พระลามะชั้นสูงผู้ก่อตั้งพระราชอาณาจักรภูฏานได้ก่อสร้างทาชิโชซองขึ้น
จึงได้นำพระทันตธาตุมาประดิษฐานไว้ที่นี่และครั้งนี้ "นับเป็นครั้งแรกของโลกที่พระทันตธาตุแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
ได้รับการอัญเชิญออกจากพระราชวัง" ถือเป็นบุญสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
๖.
๗.
๘.
ภาพนี้ผมขออนุญาตนำภาพใหญ่มาลงนะครับ เพื่อจะได้เห็นรายละเอียดครับ
"ในภูฏาน เราเชื่อว่าเมื่อพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ประดิษฐานที่ใด จะนำมาซึ่งความเจริญ สำหรับประเทศไทยที่เพิ่งประสบปัญหาภัยธรรมชาติ
ถือเป็นโอกาสดีที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะได้ไปสักการะบูชา ซึ่งสถานที่แรกที่ได้อัญเชิญไปประดิษฐานก็คือ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
และอัญเชิญต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของเมืองไทย ซึ่งโอกาสเช่นนี้หาได้ยากมาก เพราะพวกเราชาวภูฏานเอง ก็มีโอกาสได้เข้าสักการะ
เพียงปีละครั้งเท่านั้นเอง" เป็นคำกล่าวของ โดร์จี เซอร์ริ่ง (Dorjee Tshering) ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมของภูฏาน
๙.
เที่ยงของวันจันทร์ถึงแม้ว่าแสงแดดจะแฮงสักปานใดก็ยังมีพุทธศานิกชนมาสักการะบ่ได้ขาดสายครับ
๑๐.
๑๑.
๑๒.
นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆก็มาสักการะเช่นกันครับ
๑๓.
๑๔.
๑๕.
นี่คือผู้แนะนำให้มาสักการะฯหลังจากที่ได้อ่านข้อมูลจากหนังสือ คู่สร้าง คู่สม ว่าสิมีการอัญเชิญพระทันตธาตุมายังจังหวัดขอนแก่น
และคอยติดตามข่าวสารวันเวลาที่พระทันตธาตุจะได้มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
จนในที่สุดก็ได้สักการะสมความตั้งใจครับ (หน้าบานเลยครับคนอิ่มบุญ ฮาๆ)
๑๖.
พลขับก็ได้สัการะนำครับ อิอิ
รายละเอียดการอัญเชิญพระทันตธาตุ
สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะอัญเชิญพระทันตธาตุไปประดิษฐานตามภูมิภาคต่างๆดังนี้
จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดสงขลา
จังหวัดขอนแก่น สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น (รายละเอียดวันเวลาตามภาพประกอบที่ ๘)
ได้เปิดให้สักการะ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. ทุกวัน
ในเวลา ๑๗.๐๐ น. มีพิธีเวียนเทียนรอบพระทันตธาตุ และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันครับ
และจะอัญเชิญกลับประเทศภูฏานเพื่อประกอบพิธีสวดพุทธบูชา
เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติซึ่งตรงกับวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
สุดท้ายนี้ก็ขอให้พี่น้องทุกท่านพบแต่สิ่งดีอันเป็นมงคลตลอดไปทุกท่านเทอญ
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "คู่สร้าง คู่สม" ที่ให้รายละเอียดในครั้งนี้ครับ
ขอบคุณบ่าวคนเดิมเว็บมาสเตอร์บ้านมหา.com
พบกันใหม่เดือนหน้าเด้อครับพี่น้อง
สวัสดีครับ..
Bookmarks