*************************
ไส้เดือนดิน สู่ การสร้างรายได้
*************************
ไส้เดือนดิน สู่ การสร้างรายได้
ไส้เดือนดิน (EARTHWORM)
ไส้เดือนดินจัดอยู่ใน Phylum Annelida
ลักษณะทั่วไปของไส้เดือนดิน
ไส้เดือนดิน
จัดอยู่ในกลุ่มผู้ย่อยสลายซากอินทรีย์ในระบบนิเวศ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามที่อยู่อาศัยและนิสัยในการกินอาหารคือ
1 ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์
2 ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ใต้ดินโดยการขุดรูอยู่
โดยไส้เดือนดินที่อยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์จะมีประสิทธิภาพในการย่อยสารอินทรีย์ในดินได้ดีกว่า และมีการขยายพันธุ์ที่รวดเร็วกว่าด้วย โดยทั่วไปในธรรมชาติไส้เดือนดินมีอายุที่ยาวนาน ตั้งแต่ 4 -10 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของไส้เดือนดิน
แต่เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงมักพบว่าไส้เดือนดินมีอายุสั้นลง โดยทั่วไปจะมีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี
ลักษณะทั่วไป
1. จัดเป็นผู้บริโภค ( consumer ) ระดับ Scarvenger กินเข้าไปย่อยภายใน
2. มีลำตัวเป็นปล้อง ๆ ( Segmentation ) มีเยื่อ Cuticle คลุมผิวหนัง
3. ผิวหนังบางชื้นใช้หายใจได้ เคลื่อนไหวโดยใช้เดือยรอบ ๆ ปล้อง ( Seta )
4. ปล้องที่ 14, 15, 16 เรียกว่า Clitellum สร้างปลอกหุ้มไข่ ( Cocoon )
5. เป็นกระเทยที่แท้จริง สร้างได้ทั้งไข่และอสุจิแต่ผสมกันในตัวเองไม่ได้
6. มีกึ่น ( Gizzard ) ช่วยในการย่อยอาหาร
7. มีอวัยวะขับถ่ายเรีบกว่า Nephridia ขับของเสียที่เป็นของเหลวออกทางรูผิวหนัง
8. มีหัวใจเทียม ( pseudoheart ) อยู่ระหว่างปล้องที่ 8 - 13
9. มีเลือดสีแดง Hemoglobin อยู่ในน้ำเลือด ( Plasma )
10. มีเส้นประสาททางด้านท้อง Ventral nerve cord
การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการสร้างรายได้
การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการสร้างรายได้
1 ชั้นพลาสติกตามต้องการ
2 ขี้เลื่อย 2 ปีบ
3 ฟางแห้งสับ 2 กระสอบ
4 น้ำสะอาดพอประมาณ
วิธีการ
1 นำขี้ลื่อย ผสม ฟางข้าว มาคลุกเคล้ากัน ค่อยๆใส่น้ำ ในได้ความชื้นที่เหมาะสมกับไส้เดือน
2 เจาะรูปชั้นพลาสติกให้ระบายมูลให้ตกมาชั้นล่างได้ โดยชั้นล่างไม่ต้องเจาะรู เช่นชั้นพลาสติก 4 ชั้นให้เจาะรู ชั้นที่ 4 – 3 – 2 ส่วนชั้นที่ 1 ไม่ต้องเจาะรู เพื่อระบายน้ำจากชั้นที่ 4 ลงมาจนถึงชั้นที่ 1
3 นำไปใส่ในชั้นพลาสติกตาม ครึ่งชั้นพลาสติก
4 เมื่อทำที่อยู่ของไส้เดือนเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ 7 วัน
5 นำไส้เดือนมาใส่ชั้นละ ประมาณ 500 ตัว
6 ให้อาหารไส้เดือนจำพวก เศษผัก เศษผลไม้ หรือ ลังกระดาษแช่น้ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
7 หลังจากนี้ประมาณ 20 วัน ไส้เดือนจะเริ่มมีลูก ลักษณะเป็น เส้นด้ายสีขาว และผ่านไปอีก 7 วัน ลักษณะจะเปลื่ยนเป็น สีน้ำตาลแดง ช่วงนี้ให้คัดแยกพ่อพันธ์ แม่พันธ์ ไปอยู่อีกชั้นพลาสติกอื่นได้ เหลือลูกไส้เดือน ก็เลี้ยงตามปกติ
การเก็บมูลไส้เดือน
1 มูลไส้เดือนมีลักษณะเป็น ขุยดินร่วน อยู่ด้านบนของที่อยู่ไส้เดือน
2 เก็บมูลปุ๋ยไส้เดือนโดยใช้มือโกย ขุยดินของที่อยู่ด้นบนของไส้เดือน ออกมาใส่ภาชนะ แล้วนำไปตากแดด โดยคัดเอาตัวไส้เดือนออกจากกองขุย ทั้งหมด ตากแดดมูลไส้เดือนไว้ประมาณ 30 – 40 นาที แล้วนำไปผึงลมในที่ร่ม 30 นาที เพื่อไม่ใช้ปุ๋ยมูลไส้เดือนแห้งเกินไป
3 จากนั้นนำไปแปรรูป เช่นการอัดเม็ด หรือ เก็บไว้เลยก็ได้ ปุ๋ยนี้จะมีจุลลินทรีย์ ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์
ประโยชน์และการนำมาใช้
1 ปุ๋ยมูลไส้เดือนดิน จะมีอนุภาคละเอียด จึงสลายตัวได้ตามกระบวนการทางชีวภาพ เกิดธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรอง จุลธาตุนี้จะง่ายต่อการดูดซับผ่านรากของพืช ได้ง่ายและรวดเร็ว
2 มีฮิวมัส และจุลินทรีย์ ที่เป็นประโยชน์ต่อดิน และต่อพืช ช่วยทำให้ดินร่วนซุย
3 แม้จะใช้ปริมาณน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูงมาก
4 ใช้ได้กับ ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ใบ ไม้กระถาง สนามหญ้า พืชผักสวนครัวทุกชนิด ไม้ผล นาข้าว
5 โรยปุ๋ยชนิดนี้ประมาณ 200 – 300 กรัม ต่อ ต้น ทุก 7 - 15 วัน หลังใส่ ควรพรมน้ำเล็กน้อยก่อน เพื่อให้ปุ๋ยจับตัวกัน แล้วจึงรดน้ำตามปกติ
6 สำหรับนาข้าว นำไปใช้ก่อนไถกลบ ประมาณ 30 – 50 กิโลกรัม / ไร่ จะสามารถปรับสภาพดินให้มีความสมบูรณ์ ดินร่วนซุย และ ป้องกันการเกิดโรคใบไหม้ในนาข้าวได้
ส่วนน้ำหมักมูล
- ด้านล่างของชั้นพลาสติก คือกองอาหารที่ไส้เดือนกินหมดแล้ว ปล่อยให้ความชื้นลงมา
- นำน้ำหมักมูลไส้เดือนที่เก็บไว้มากรองใส่ขวดน้ำอัดลมหรือ ขวดพลาสติคก็ได้ บรรจุขวดละ 1 ลิตร สามารถนำมาจำหน่ายได้
- คุณภาพของน้ำหมักมูลไส้เดือน เช่นเดียวกันกับ ปุ๋ยมูลไส้เดือน
Bookmarks