กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: ลำนำทะเลทราย ตอนที่ 5

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30

    อ่านข่าวออนไลน์ ลำนำทะเลทราย ตอนที่ 5 -อวสาน

    จินอวี้บอก ก็มีสาวงามคนไหนบ้างเล่าที่มีน้องชายแบบท่านแม่ทัพเว่ยชิงและมีหลานชายเช่นเจ้า ฮั่วชวี่ปิ้งก็หัวเราะ บอกว่าตัวเขาอยู่นอกประเด็นล่ะมั้ง เพราะท่านแม่ทัพเว่ยชิงเห็นข้าเป็นแค่ไอ้หนุ่มสำรวย ชอบทำตัวเกะกะระรานวางอำนาจไปทั่วและใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเท่านั้น ท่านคงไม่อยากนับข้าเป็นหลานแล้วด้วยซ้ำกระมัง จินอวี้จึงมองหน้า แล้วถามว่า แล้วเจ้าใช่อย่างที่ท่านคิดไหมล่ะ ? ฮั่วชวี่ปิ้งหัวเราะ ย้อนถามว่า แล้วเจ้าคิดว่าใช่หรือเปล่าล่ะ ? พูดจบฮั่วก็ชี้ไปที่จานผลไม้ที่เอามาวางต้อนรับองค์หญิง บอก ช่วยป้อนผลไม้ให้เขาหน่อย จินอวี้บอก กินเองสิ ข้าไม่ใช่สาวใช้ในบ้านเจ้า ฮั่วชวี่ปิ้งหัวเราะจับมือจินอวี้แล้วพูดว่า ถ้าในบ้านเขามีสาวใช้แบบจินอวี้ เขาคงไม่ต้องถ่อมาลั่วอวี้ฟังแล้ว จินอวี้ปัดมือฮั่วทิ้ง ตั้งท่าเตรียมสู้ บอก ตอนนี้ไม่มีคน ห้องนี้ก็กว้างมากพอพอดี มาประลองกันสักตั้งเป็นไง ฮั่วชวี่ปิ้งทำหน้าหมดอารมณ์ทันที บ่นว่าจินอวี้นี่ทำลายบรรยากาศชะมัด จินอวี้เหน็บว่าเวลาอยู่ที่บ้าน ฮั่วชวี่ปิ้งคงชอบแหย่สาวใช้แบบนี้ประจำสิท่า ฮั่วชวี่ปิ้งบอก “เจ้าลองตามกลับไปค้างที่บ้านข้าสัก 2-3 วันเดี๋ยวก็รู้เอง เอาไหม ?” จินอวี้แค่นเสียง แล้วเลิกสนใจ

    ฮั่วชวี่ปิ้งบอกให้จินอวี้เรียกตัวหญิงงามคนที่ว่าอยากให้เข้าวังหลังมาให้ดูหน้าหน่อย เขาอยากเห็นว่ามีต้นทุนพอจะดำเนินโครงการของ “พวกเรา” หรือเปล่า

    จินอวี้มองหน้า ย้อนว่า “พวกเรารึ ?” ฮั่วพูดว่า “แล้วไม่ได้รึไง ?” จินอวี้จึงบอกว่า เข้าใจแล้ว แต่นางคิดว่าให้องค์หญิงผิงหยางเป็นคนออกหน้าน่าจะดีกว่า ฮั่วชวี่ปิ้งจึงบ่นว่า จินอวี้นึกว่าเขาเป็นพวกบ้าผู้หญิงจริงๆ น่ะรึ เขาน่ะไม่สนใจโครงการนี้ของจินอวี้หรอก เรื่องจะให้ประจบฮ่องเต้น่ะ เขาทำไม่ลง แค่ชอบเรียกเขากับจินอวี้โยงเข้าด้วยกันว่า “พวกเรา” ก็เท่านั้น เรื่องจำพวกพูดจาประจบหรือเสาะหาหญิงงามมาถวายเอาใจฮ่องเต้ ใช่ว่าเขาไม่รู้ แต่ไม่คิดจะลดตัวลงไปทำ หากอยากมีชื่อเสียงมีอิทธิพล อย่างเขามีหรือต้องอาศัยวิธีการแบบนี้ ? จินอวี้อยากเล่นกับเรื่องนี้ก็เล่นไปตามสบาย แต่ให้ระวังตัวเองโดนม้วนเข้าไปพัวพันแบบปลีกตัวออกมาไม่ได้ก็แล้วกัน



    หลังจากฮั่วชวี่ปิ้งกลับไปแล้ว หงกูก็หน้าอมทุกข์เข้ามาโวยที่เห็นจินอวี้ยังทำหน้าอารมณ์ดีอยู่ได้ทั้งที่โดนองค์หญิงสั่งห้ามเล่นละครต่อ จินอวี้ก็บอก องค์หญิงไม่ได้โกรธ เพราะถ้าโกรธ ย่อมต้องส่งคนมาออกคำสั่งห้ามแสดงละครตั้งแต่เพิ่งเปิดแสดงได้ไม่กี่วันแล้ว นี่องค์หญิงก็ต้องชอบและพอใจละครนี้เอาการอยู่ ถึงได้จงใจปล่อยให้แสดง เพื่อสร้างภาพเรื่องราวความรักระหว่างตัวองค์หญิงกับท่านแม่ทัพเว่ยชิงในแบบที่โรแมนติกมากนี้ลงในความคิดของชาวเมืองฉางอาน จากนั้นเมื่อเห็นว่าได้เวลาอันควรแล้ว จึงค่อยมาสั่งห้ามแสดง เพราะยังไงนี่ก็เป็นชีวิตส่วนตัวขององค์หญิง ก็ต้องแสดงรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้บ้าง ให้ชาวบ้านชาวช่องได้มาดูกันนานเป็นเดือนจะไม่สมควร จึงให้เวลาแสดงให้คนดูกันพอหอมปากหอมคอก็พอ

    นอกจากนี้การที่เลือกละครเนื้อหานี้ก็ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว คือองค์หญิงมาดู หลี่เหยียนเหนียนได้โชว์ตัว(ต่อไปจะได้เข้าไปเป็นมือพิณในราชสำนักโดยการแนะนำขององค์หญิงหยางผิง) นางได้รู้จักกับองค์หญิง ลั่วอวี้ฟังโด่งดัง กำไรจากการขายตั๋วก็ได้มาอื้อซ่าแล้ว เรื่องนี้ถูกห้ามเล่น ก็เล่นเรื่องอื่นได้นี่ หลังจากนี้ลั่วอวี้ฟังมีแต่จะดังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะขนาดองค์หญิงยังแวะมาชม

    ได้ฟังแบบนี้หงกูก็วางใจ ตอนนั้นสาวใช้เอากรงที่มีนกพิราบสื่อสารสีขาวอยู่สองตัวเข้ามาให้จินอวี้ บอกว่ามีคนฝากมาให้ แต่ไม่บอกว่าชื่ออะไร บอกแต่ว่าจินอวี้เห็นแล้วก็รู้เองว่าใครให้มา จินอวี้เห็นนกพิราบก็ถูกใจมาก คืนนั้นจึงแวะไปที่คฤหาสน์ตระกูลสือ ไปขอบคุณเมิ่งจิ่วที่ให้นกพิราบนาง และบอกว่านางตั้งชื่อนกพิราบว่า เสี่ยวเชียน(ย่อมาจากคำที่แปลว่า นอบน้อมถ่อมตน) กับ เสี่ยวถาว(ย่อมาจากคำที่แปลว่า ซุกซน) เพราะเสี่ยวเชียนดูอ่อนน้อมถ่อมตน ส่วนเสี่ยวถาวซนร้ายกาจมาก เมิ่งจิ่วบอกว่านกพิราบสองตัวนี้เป็นตัวที่ครูฝึกบอกว่าฉลาดมากที่สุดในหลายปีที่ฝึกนกพิราบมา ให้จินอวี้ป้อนอาหารคนเดียวสักหนึ่งเดือน มันก็จะจำได้เองว่าจินอวี้คือนายของมัน จากนั้นเอานกหวีดสำหรับออกคำสั่งนกพิราบออกมายื่นให้ แล้วหยิบอีกอันออกมา สอนให้จินอวี้เป่าตามที่เขาเป่า

    คืนนั้นเมิ่งจิ่วสอนจินอวี้เป่านกหวีดออกคำสั่งนกพิราบอยู่นานมาก โดยมีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงผสมเสียงโมโหแบบงอนๆ ดังออกมาเป็นระยะๆ เรียกได้ว่าเป็นคืนที่ทั้งสองมีความสุขกับการได้อยู่ด้วยกันอย่างมาก



    ขณะที่จินอวี้กำลังนั่งถือพู่กันค้างว่าจะเขียนอะไรดี นกพิราบเสี่ยวเชียนกับเสี่ยวถาวก็บินเข้ามาจากหน้าต่าง เสี่ยวเชียนบินลงเกาะขอบหน้าต่าง แต่เสี่ยวถาวบินตรงเข้ามาหาจินอวี้ จินอวี้รีบโยนพู่กันทิ้งหดมือทันที แต่ช้าไป โดนหยดหมึกจากเท้าเสี่ยวถาวกระเซ็นใส่เสื้อจนได้ จึงโมโหเปรี้ยง เพราะนี่เป็นเสื้อตัวที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่โดนแบบนี้ นางจึงคว้าคอเสี่ยวถาว หยิบผ้าจุ่มน้ำหมึกเอามาป้ายใส่ตัวมันให้เปลี่ยนจากพิราบขาวกลายเป็นอีกา

    ตอนนั้นเองเสียงปรบมือและหัวเราะของฮั่วชวี่ปิ้งก็ดังมาจากนอกหน้าต่างพร้อมกับพูดว่า “เยี่ยมจริงๆ รังแกนกพิราบ”

    จินอวี้หันไปตะคอกใส่แบบเดือดจัดว่า ข้าหรือรังแกมัน ? ไม่ลองถามมันดูบ้างล่ะว่ารังแกข้ามาตั้งกี่ครั้งแล้ว ! ตอนที่พูดดันเผลือคลายมือ เสี่ยวถาวจึงดิ้นหลุดจากมือ สะบัดปีก หยดหมึกกระเซ็นเต็มหน้าจินอวี้ทันทีก่อนจะบินหนีไป ฮั่วชวี่ปิ้งหัวเราะก๊าก จินอวี้เลยยิ่งเดือด ไล่ฮั่วชวี่ปิ้งออกไป บอก ใครอนุญาตให้เข้ามาไม่ทราบ ฮั่วชวี่ปิ้งหยิบผ้าจุ่มน้ำยื่นส่งให้เช็ดหน้า จินอวี้ค่อยหายโมโหหน่อย บอกขอบใจ หลังเช็ดเสร็จ ฮั่วก็ชี้ไปที่ใต้หู จินอวี้ก็เช็ดตาม ฮั่วชี้หน้าผาก จินอวี้ก็เช็ดตาม ฮั่วชี้ที่จมูก จินอวี้ทำท่าจะเช็ดตามแล้วชะงัก จ้องหน้าฮั่วชวี่ปิ้งสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนฮั่วชวี่ปิ้งกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น จินอวี้ปาผ้าใส่ กระชากเสียงว่า ไปอยู่เป็นคู่หูเสี่ยวถาวเลยไป๊ !

    ฮั่วชวี่ปิ้งเดินไปดูหนังสือ(ม้วนไผ่ ยุคนี้ยังไม่มีการประดิษฐ์กระดาษ)ที่จินอวี้อ่านค้างอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นตำราพิชัยสงคราม ก็ถามว่า นี่เจ้าคิดจะเป็นแม่ทัพหญิงหรือไง ? จินอวี้ติว่า แอบดูของของผู้อื่นโดยไม่รับอนุญาต ไม่ใช่พฤติกรรมของวิญญูชน ฮั่วชวี่ปิ้งบอก ข้าไม่ใช่วิญญูชน เจ้าก็ไม่ใช่กุลสตรี เข้าคู่กันได้พอดี จินอวี้เหลือบไปเห็นหลี่เหยียนเดินเข้ามาหา แล้วทำท่าจะเลี่ยงไปเพราะเห็นว่าจินอวี้มีแขกอยู่ จินอวี้จึงรีบเรียกให้นางเข้ามาหา ให้ฮั่วชวี่ปิ้งมองหน้า

    เมื่อหลี่เหยียนเข้ามาหา ฮั่วชวี่ปิ้งก็มองเขม็ง จินอวี้แกล้งพูดกับฮั่วชวี่ปิ้งว่า จะให้หาผ้าสักผืนมาให้เจ้าเช็ดน้ำลายไหม ? ฮั่วชวี่ปิ้งยิ้มชั่วร้าย บอก ไม่เป็นไร ยังกลั้นใจไหวอยู่ แล้วสั่งให้หลี่เหยียนปลดผ้าคลุมหน้าออก (ปกติหลี่เหยียนจะใส่ผ้าคลุมหน้าตลอด) หลี่เหยียนมองหน้าจินอวี้ เมื่อเห็นจินอวี้พยักหน้าและแนะนำว่านี่คือ “ฮั่วชวี่ปิ้ง” ก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะปลดผ้าออกตามคำสั่ง

    ฮั่วชวี่ปิ้งนิ่งมองหน้าหลี่เหยียนอยู่พักหนึ่ง ก็บอกให้ออกไปได้ หลังหลี่เหยียนไปแล้ว จินอวี้ถามว่าเป็นยังไง สู้เว่ยฮองเฮาตอนยังสาวรุ่นได้ไหม ? ฮั่วชวี่ปิ้งบอก เขาจำไม่ค่อยได้แล้วว่าสมัยยังสาวรุ่น น้าสาวเขาหน้าตาเป็นยังไง แต่คิดว่าหลี่เหยียนน่าจะสู้น้าเขาสมัยยังสาวรุ่นได้สบาย นอกจากนี้เมื่อเจอเขาจงใจมองด้วยสายตาไม่มีมารยาท ก็ยังรับมือสถานการณ์ได้ดี วางตัวดี สุขุมเยือกเย็น ไม่ทีท่าร้อนใจหรือโมโหสักนิด ในความอ่อนโยนแฝงความแข็งแกร่ง เก่งกว่าเจ้ามาก ! แต่เขาขอเตือนให้จินอวี้ระวังตัวเองให้ดีๆ หากจะทำเรื่องนี้

    จินอวี้เปลี่ยนเรื่องไปถามว่าที่มาหานี่มีธุระอะไรหรือ ? ฮั่วชวี่ปิ้งจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างจินอวี้กับสือฟัง ? จินอวี้บอก แยกกิจการกันแล้ว ฮั่วบอกว่า ถึงสือฟังจะไม่เฟื่องฟูเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังแกร่งมากอยู่ จินอวี้แยกตัวออกมาอย่างนี้จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ต้านลมแรงนะ

    จินอวี้ “เพราะงั้นข้าถึงได้พยายามดึงองค์หญิงเข้ามาเป็นพวกยังไงเล่า”

    ฮั่วถามว่า “เจ้าคิดจะบริหารกิจการให้ใหญ่แค่ไหน ? ใหญ่ฟูเท่าสือฟังในยุคเฟื่องฟูงั้นรึ ?”

    จินอวี้ “ข้าไม่รู้ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นละมัง”

    ฮั่วชวี่ปิ้งหัวเราะ บอกว่า เมิ่งจิ่วนายใหญ่ของสือฟังก็เป็นคนที่แปลกดีเอาการอยู่เหมือนกัน ได้ยินว่าแม่ของเขาน่ะ สมัยยังเด็กสนิทกับฮั่นอู่ตี้มาก ตอนเขายังเล็ก ฮั่นอู่ตี้ยังเคยอุ้มเขามาแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับไม่ยอมเข้าไปในวังเลย ขนาดว่าฮั่นอู่ตี้เรียกตัวไปพบ เขายังหาข้ออ้างปฏิเสธทุกครั้ง เขายังไม่เคยเห็นคนแบบนี้ในเมืองฉางอานมาก่อน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะพบหน้าสักครั้ง (ตอนที่มีโอกาสได้พบเข้าจริงๆ นายแทบจะเข้าไปชกหน้าเขาในฐานะศัตรูหัวใจนะฮั่วชวี่ปิ้ง...)

    จากคุณ : Linmou


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน; 03-04-2012 at 10:10. เหตุผล: เพิ่มตอน

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •