วันนี้ที่สุพรรณบุรี อากาศเย็น ท้องฟ้าปิดมืดครึ้ม ลมพัด

แรง ต้นคูณที่กำลังออกดอกเหลืองอร่ามโอนไหวตามแรงลม กลีบดอกร่วงหล่นคล้าย

มีพรมสีเหลืองผืนใหญ่ปูคลุมพื้นดิน นกกาเหว่าสีดำตัวใหญ่ส่งเสียงร้องแต่เช้าตรู่

บัวหลวงในบึงหลังหอพัก บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนั้น แมลงภู่ผึ้งบินดอม

ดมอยู่ไม่ห่าง นกกระสาค่อย ๆ เยื้องย่างขายาว ๆ ของมันทีละก้าว สายตาจับจ้อง

หาปลาเล็กปลาน้อยเป็นอาหารเช้า ไอหมอกจาง ๆ ที่โอบกอดยอดตาลสูงลิ่วกลางท้อง

นา ทำให้บรรยากาศที่มืดครึ้มสดชื่น ฉันไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์ขึ้นมาสูงเพียงใดแล้ว

อากาศแบบนี้ ทำให้นึกว่ายังเช้าตรู่อยู่ ฉันถือว่าวันนี้ฉันได้กำไรที่ตื่นเช้า สูดอากาศ

สดชื่นในตอนเช้าเข้าเต็มปอด ค่อย ๆ หลับตาฟังเสียงธรรมชาติ แม้หอพักจะอยู่ใจ

กลางเมือง แต่ยังมีทุ่งนาให้ชมในตอนเช้า ไม่เคยมีบรรยากาศความแห้งแล้งในจังหวัด

นี้ นาข้าวที่ชาวนาเพิ่งจะเก็บเกี่ยวไปในตอนเช้า ตกเย็นน้ำเต็มกระทงนาพร้อมไถ

หว่านอีกครั้ง สมเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำอีกเมือง คุณยายแม่ของเจ้าของหอพักที่ฉันเช่าอยู่

พาร่างผอมบางเดินในสวน แกกำลังจะสอยมะม่วงที่ออกผลดกเต็มต้น ไม่มีท่าทีงกเงิ่น

ของหญิงชราวัย 80 ปีให้เห็น ในคราแรกฉันเดาว่าแกคงอายุไม่เกิน 65 แต่พอได้คุย

แล้วปรากฏว่าแกอายุ 81 ปีนี้แล้ว “65 นั่นลูกสาวยายแล้วนังหนู๋..” สำเนียง

เหน่อสุพรรณ ปนรอยยิ้มละไมของยายมองแล้วอบอุ่น ยายชอบนุ่งโจง กับเสื้อ

คอกระเช้า หากวันใดที่เข้าสวนก็จะสวมเสื้อแขนยาวทับอีกที ฉันเพิ่งเคยเห็นคนแก่ที่

นุ่งโจงเหมือนในละครโทรทัศน์ แปลกตาดี เด็กอีสานอย่างฉันคุ้นเคยกับผ้าถุงมัดหมี่

ลายสวยมากกว่า ฉันยืนมองสิ่งแวดล้อมรอบตัวจนลืมเวลา พรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันจะได้

กลับบ้านในรอบครึ่งปี เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่จากบ้านมา .........