ค่ำคืนที่สายฝนโปรยกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ไหลรวมหยดเป็นเม็ดเกาะที่ชายคา หยดลงสู่พื้นเป็นจังหวะนั้น
มันช่างเปรียบเสมือนดั่งเข็มนาฬิกานาทีที่เดินไปอย่างช้าๆ...
สายตาที่จับจ้องอยู่นั้นเพียงหวังให้สายฝนเป็นใจให้บ้างสักคราหนึ่ง
ในใจนั้น อยากจะถอดนาฬิกาที่ข้อมือนั้นทิ้งเสียเหลือเกิน เสียงกระซิบมันคอยเตือนว่า
เวลาคุณไกล้หมดแล้วนะ อยู่ตลอดเวลาที่รอคอย

หมวกโม่งสีดำที่พับครึ่งใบสวมทับไว้แค่ชายคิ้ว กับสายตาที่จับจ้องที่อะไรบางอย่าง
เสื้อลายพรางทหาร ที่ซื้อมาจากเพื่อนทหารอีกทีสวมทับเสื้อยืดสีดำคอกลมไม่ติดกระดุม
"หึ...ใช่ซิเรามันคนบ้านนอกบ้านนานี่" เสียงสบถปนน้อยใจในชีวิตเล็กน้อย
เขานั่งลงพร้อมกับพ่นควันโอสถมวนออกมาอย่างสะใจในแนวคิด...

สายฝนซาเม็ดลงดังที่ตั้งใจคอย เขาใจชื้นขึ้นมาทันทีที่เห็นเช่นนั้น
เขาแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย นัยย์ว่าคืนนี้ต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้างแล้ว
เท้าขวาที่ก้าวออกจากชายคาหลบฝนอย่างมั่นใจ...
แต่ทันใดนั้นเอง เขาต้องตกใจสุดขีดเสียจริตอย่างไม่เคยมาก่อน
พร้อมตะเบ็งเสียงอย่างไม่อายฟ้า... "แหกกกกกกกกกกกก ๆ.."
อารามตกใจ เท้าที่ย่ำบนดินโคลน ทำให้เขาลื่นหงายหลังลงไปนอนคลุกดินโคลน
พลันตะเกียกตะกาย หลบเข้าชายคาเช่นเดิม กับเสียงหอบหายใจถี่ๆ...

สายฟ้าหลังฝนตกนั้น ใครก็ย่อมรู้ดีว่า มันรุนแรงมากแค่ไหน เสียงของมัน
ทำให้เขาเสียจริตอย่างสิ้นเชิง เขานึกในใจ "นี่ดีนะไม่มีใครเห็น"

หลังจากตั้งสติได้แล้ว เขาก้าวเท้าขวาออกมาเช่นเดิม พร้อมสายตาที่แอบมองขึ้นฟ้า
เพียงแค่ข่มใจตัวไม่ใ้ห้ตื่นตระหนกเท่านั้น...

ตะข้อง พร้อมไฟฉายติดหัว ที่เตรียมมาเป็นอย่างดี เขาเอาออกมาใช้งานทันที
กางเกงขาสามส่วน รองเท้าที่ถอดไว้ในกระท่อมในใจก็คิดกลัวหายเหมือนกัน
เพราะเดียวนี้รองเท้าตราช้างดาวมันหาซื้อไม่ได้แล้ว..."ฮ่าขั่วมันเอ้ย"
เขาเดินเท้าเปล่า ไปสู่ทุ่งกว้างข้างหน้า สายตาที่ต้องเบิกกว้างกว่าเดิมนั้นจับจ้องไปยังบางสิ่ง
ที่สะท้อนกับแสงไฟเป็นแววๆ หูสองข้างกางผึ่งคอยฟังเสียงร้องของมัน ว่าอยุ่ในโซนไหนแน่

และแล้ว "ฮ่าๆๆ ... สูบ่ต้องฮ้องดังดอก มาให้จับสาดีๆ มื้ออื่นเช้าซิต้มแซ็บใส่ใบขามอ่อนซดน้ำคักๆเบิ๊ง"
บ่อน้ำขังหลังฝนตกน้อยๆ มีอึ่งอ่างน้อยลอยคอเต็มไปหมด "เมียบ่ด่าตูแล้วววววมื้อนิ ฮ่า ๆๆ"

เขาเดินจากบ่อน้ำน้อยนั้นไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องกับตะข้องที่หนักพอควร พร้อมคิดวางแผนใวในใจลึกๆที่ใครหารู้ไม่
ระยะทางไม่ถึง 3 กิโลเมตรนั้นเขาใช้เวลาเดินเพียงไม่นานนักก็กลับเข้าถึงบ้านน้อยๆของเขา
ทันใดนั้นเอง "นั้นมันอิหยังวะ" เสียงหัวใจที่เต้นแรง มันสะเทือนไปยังไฟฉายที่ติดอยู่กับหัว
สายตาที่เบิกกว้างจ้องมองสิ่งที่เห็น พร้อมคำถามในใจมากมาย ว่านั้นมันอะไรกัน...

บ้านทรงทั่วไปตามบ้านนอกนั้น มีรั้วกันเป็นเสากระทู้ ตีกั้นด้วยไม้ไผ่ขัดแตะเป็นช่วงๆ
เพียงแค่หนึ่งถึงสองทุ่มนี่ก็มืดเสียจนมองอะไรไม่เห็นแล้ว และนี่ก็เพียงสองทุ่มเท่านั้นเอง
เมียสุดที่รักของเขานอนอยู่ในบ้านนั่น...

เงาทะมึนเหมือนคนยังสงบนิ่งที่ข้างรั่ว สายตาของเขาที่มองเห็นไม่ค่อยชัด กอปรกับไฟฉายที่หัวเริ่มหรี่ลง
เพราะถูกใช้งานมานานพอควร ความไม่แน่ใจของเขา บวกกับความกลัวเบื้องต้นนั้น
เขาจึงเอ่ยคำๆนึงออกไปเบาๆ "ไผวะ"
ไม่มีคำตอบจากสิ่งนั้น และเขาต้องเสียจริตจิตสั่นขวัญผวาหน้าซีดเป็นไก่ต้มอีกระรอก
เมื่อสิ่งนั้นที่เขาเห็น ไม่ได้พูดจาว่ากล่าวอะไร กลับขว้างบางสิ่งใส่เขาเข้าที่หน้าอย่างจัง
เมื่อหายตกใจพลันเขาก้มมองดูสิ่งที่กระทบหน้าเขาเมื้อกี้ ...

นกเค้าแมว ที่ถูกทะลวงอกเลือดสาดนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น สายตาที่เบิกโพลง กับใจที่ิเต้นรัวหนักกวั่าเดิม
เขารีบเงยหน้ากลับมามองหาเจ้าสิ่งเืมื่อกี้อีกครั้ง !มันหายไปแล้ว...

เขาไม่คิดอะไรให้มากมาย อีกไม่กี่สิบเมตรก็จะเข้าบ้านแล้ว เขารีบจ้ำอ้าวอย่างไม่รอช้า
ใต้ถุนบ้าน มีเพียงแคร่นั้งเล่น กับอุปกรณ์การเกษตรวางอยู่ บันไดห้าขั้นนั้นมันไม่ชันนัก
เพียงพริบตาเดียว เขาก็ขึ้นถึงชานบ้านแล้ว "นาง ๆ ตื่นๆ"
เสียงเรียกที่สั่นรัวของเขายังไม่เพียงพอที่จะทำให้เมียสุดที่รักของเขาตื่นขึ้นมาได้
ดังนั้นแล้วเขาจึง ยกเท้าถีบประตูทันที พอดีกับเมียสุดที่รักลุกขึ้นจะมาเปิดประตูพอดี
ขอบประตู ดีดเข้ากับหน้าผาก ปาก จมุก สลบเหมือดลงไปกองกับที่นอนดังเดิม
ประตูไม้ที่ทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะ หลุดออกอย่างง่ายดายอะไรเช่นนี้

สิ่งที่เขาทำลงไปนั้น เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดความเสียหายแค่ไหน
"นางๆ ตื่นๆ คนหยังวะนอนเข่เซาแท้ๆ" หลังจุดตะเกียงเพียงทำให้เกิดแสงสว่าง
พลันก็หันมาปลุกเมีย สองมือที่เขย่าตัว แล้าก็จับตัวหล่อนหันมานอนหงาย
แสงสว่างจากตะเกียงทำให้เขาเห็นอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เขาคิด

เลือดที่ไหลกลบปากของเมียนั้น ทำให้เขาคิดหนักข้อเข้าไปใหญ่
"เฮ้ย....นี่โตไปเฮ็ดหยังมานิ หืออ คือมีเลือดติดยุปากเจ้า "
เพียงเสี้ยวที่ตะวาดออกไป เมียของเขาก็ฝื้นจากสลบขึ้นมา พร้อมอาการงัวเงีย
พลันถาม "มีหยังเกิดขึ้นอ้าย"

ครอบครัวหนุ่มสาวสมัยนั้น ก็เพียงกระต๊อบเล็กๆ มีห้องนอนเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด
ครัวก็อยู่ที่นอกชานนั้นแหละ

สายตาเบิกกว้างของเขาจับจ้องเลือดที่ปากของเมียสุดสวาท ในใจคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะเข้าบ้าน
"ให้ตายซิ นี่เมียเราเป็นปอบหรือนี่"เพียงเสี้ยวคิด พลันเมียสุดสวาทตะคอกเสียงดังทันที
"อ้าย...เจ้าเป็นอิหยังนิ" เขาตกใจผงะหงายหลังไปติดฝาบ้าน
ตะข้องที่เต็มไปด้วยอึ่งอ่าง คว่ำลงพลันอึ่งอ่างกระโดดโลดเต้นเต็มประตูบ้าน
เจ้าเมียเห็นดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นพยามที่จะจับอึ่งใส่ตะข้อง เพื่อไว้ทำอาหารเช้า

แต่แล้ว ผัวเจ้ากรรมคิดว่าเมียสุดที่รัก จะจัดการเขาแน่แล้ว "อย่า ๆๆเข้ามา" เขาตะโกน..
พร้อมมือขวาของเขา ชักมีดอีเหน็บออกจากฝักหลับหูหลับตา กระซวกใส่เมียสุดที่รักอย่างเหมาะเหม็ง
มีดของเขาปักเข้าที่หน้าท้องของเมียสุดที่รักมิดด้าม ซึ้งในมือของเมีย ยังจับอึ่งได้ตัวเีดียวอยู่เลย
ตาของเขายังเบิกกว้าง ค้างเติ่งอย่างไม่ลดละ จดจ้องมองที่เมียสุดที่รักไว้ อย่างไม่ละสายตา

สายตาของเมีย บ่งบอกถึงความอ่อนโรย ไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวไว้ ร่างนั้นฟุบลงมาหาเขาช้าๆ
พร้อมคำพรรณาที่พรั่งพรูออกจากปากทั้งสอง

ผัว - นางเฮ็ดอิหยังคือมีเลือดติดปาก
เมีย - ก่าอ้ายถีบประตูเข้ามาถืกน้องนี่หละจ๊ะ
เมีย - แล้วอ้ายคือเฮ็ดกับน้องแบบนี้
ผัว - อ้ายคิดว่าน้องเป็นปอบซิกินอ้าย
เมีย - อ้ายคือบ่ถามน้องแน
ผัว - อ้ายถามแล้วแต่นางทันตอบอ้าย

ก่อนสาวเจ้าจะสิ้นใจ ก็ได้พูดคำสุดท้ายทิ้งไว้ "อ้ายอย่ากินมันเด้อ อึ่งอ่างนั้น"
แล้วสาวเจ้าก็สิ้นใจไป

น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของเขาอย่างไม่ตั้งใจนั้น มันไม่มีคำบรรยายใดอีกแล้ว
เขาวางเมียสุดที่รักลง พร้อมลมหายใจรวยรินของเขา ...
เหล็กแหลมที่เหน็บไว้ข้างฝาบ้าน มันเสียบเข้าชายโครงเขาทะลุไปอีกด้าน
ในช่วงที่เขาตกใจผงะถอยหลัง นั้นเอง....

เขาค่อยๆ เทเอาอึ่งอ่างออกจากตะข้องออกให้หมด ปากก็ีพร่ำ..
"สูเจ้าไปสาเถาะ มื้อนี้ หรือมื้อหน้า อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย ไปสา"

โลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนเลยนะ....
ก่อนที่เขาจะฟุบ แสงตะเกียงเริ่มหรี่ลง ตาของเขาเริ่มปิด ที่ละน้อยๆ พลันมีเสียงเรียกไกล้ๆ
" พี่....พี่คมคาย ตื่นเหอะ นี่ก็สายแล้วนะไปทำงานได้แล้ว"
เอ้า...นี่ผมหลับฝันไปหรือนี่...ให้ตายซิ.......(ฮาขั่วเมิงเอิ้ย)