"ฮัลโหล จันทร์ เป็นไง" เสียงปลายสายจากคนไกลที่รักมาก แม่โทรมาถามเรื่องราว
อ่อ ไม่เป็นไรแม่ เรื่องธรรมดา ผมตอบแม่ไปด้วยประโยคเดิมๆว่ายังไหวอยู่ กับสิ่งที่เข้ามา
ด้วยความเป็นห่วงของแม่ แม่คงโทรมาปลอบใจ ถ้าไม่ใช่คู่เรายังไงมันก็ไม่ จันทร์โตแล้ว
รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร อดทนเอานะ หลายถ้อยคำของแม่ทำให้ผมร้องไห้อีกครั้ง
เสียงสั่นเครือผมไม่สามารถ คุยกับท่านต่อได้มีแต่เสียงสะอื้นร้องไห้ แม่ถามขึ้นมา "เป็นไร"
ผมสะดุ้ง ไม่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมีอะไรจันทร์โทรไปบอกนะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรหรอก ยังไหวอยู่
สายตัดไปผมเดินเข้าห้องน้ำ นั่งลงแล้วปล่อยให้ความเศร้าความเสียใจมันประดังเข้ามา
เอาให้มันสุดๆ หลายปีแล้วผมไม่เคยร้องไห้เลยแม้แต่เรื่องหนักๆในชีวิต ผมรับมือกับมันด้วยสติ
แต่ครั้งนี้ผมยอม ยอมแบบไร้ทางสู้ เหนื่อยกับสิ่งที่ผ่านมาเหนื่อยกับสิ่งที่เป็น น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
เสียงสะอึกสะอื้น กับความน้อยเนื้อต่ำใจกับตัวเอง ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ทำไมเราเกิดมาแบบนี้
ทำไมเหตุการณ์ไร้สาระแบบนี้เกิดขึ้นกับเรา คำถามทำไมเกิดขึ้นในหัวผมโดยไร้คำตอบใดๆ
แต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งนึกถึงแม่โทรมาหาด้วยเรื่องนี้ผมยิ่งเสียใจ
ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ หลายครั้งพยายามจะหยุดให้ได้แต่ยิ่งห้ามเหมือนจะยิ่งยุให้มันไหลออกมา
ก็เมื่อในหัวเรายังนึกถึงเรื่องราวต่างๆอยู่อย่างไม่หยุด เอ่าร้องก็ร้อง ตามสั่งเลยน้ำตาก็ไหลมาอีกครั้ง
ผมทำความเข้าใจตัวเองอยู่นาน สิ่งที่ผมเป้นคงเป็นเวรกรรม เป็นบาปที่เคยทำทั้งชาติก่อน
และชาตินี้ ถึงเวลาที่เราต้องชดใช้แล้ว ความทรมานที่ตัวเองเป็นก็มากเพียงพอแล้ว และนี่มีเหตุการณ์นี้อีก
ก็ยิ่งซ้ำเติมหนักเข้าไปอีก เปิดประตูห้องน้ำออกมาเปิดน้ำเย็นๆล้างหน้า สติก็กลับมาอีกครั้ง
มองกระจกเจอตัวเองในสภาพที่ยิ่งดูไม่ได้ ผมยิ้มให้ตัวเองในกระจก แล้วบอกกับตัวเองว่า
นี่เรากำลังจะก้าวผ่านจุดที่เจ็บปวดที่สุดอีกรูปแบบหนึ่งแล้วซินะ เรายังหายใจอยู่ใช่ไหม
สู้นะ อดทนนะ คนที่บ้านยังรอเราอยู่ วันนี้จะเสียใจแค่ไหนแต่ต้องกลับมาให้ดีขึ้นกว่าเก่า
ผ่านแล้วผ่านไป เจ็บแล้วเจ็บไป สำคัญคือเราต้องอย่ายอมแพ้ พูดให้ตัวเองดีขึ้น
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็หลายเดือนแล้ว
นึกย้อนกลับไป ก็นึกขำเล็กๆที่ผู้ชายตัวดำร้องไห้เป็นเป็นจริงเป็นจัง คิดในแง่ดีก็ถือว่าเราได้ล้างตา
หลังจากไม่รู้ถึงการร้องไห้มานาน จากวันนั้นก็มีน้ำตาไหลบ้าง เปิดเพลงฟังก็เหมือนคนแต่งมาเพื่อเรา
แต่มาถึงวันนี้ ความเจ็บปวดเบาลง สติกลับมามากขึ้น เหตุผลที่เคยนำไปปลอบชาวบ้านเขาไปทั่ว
ก็ถึงเวลาดึงเหตุผลนั้นกลับมาใช้กับตัวเองแล้ว เคยคิดว่าช่างตัดผมที่ดีแค่ไหน แต่ก็ยากที่จะตัดผมตัวเอง
ผงเข้าตาเมื่อไรก็ต้องหาคนอื่นมาช่วยอยู่ดี กำลังใจเล็กๆน้อยๆจากเพื่อนในอินเตอร์เน็ท
ที่ไม่เคยเจอตัวจริงกัน ไม่เคยคุยด้วยเสียงจริงกัน ก็นำมารวบรวมให้ตัวเองได้มีแรงสู้กับวันที่เลวร้าย
คำที่มักจะนำไปปลอบคนอื่นบ่อยๆที่บอกเขาว่า อย่าเสียใจเลยคนที่เสียใจน่าจะเป็นเขา
มากกว่าที่เขาเสียคนที่รักเขาอย่างเราไป เราควรจะดีใจที่เราได้อิสระจากคนที่ไม่รักเรากลับคืนมา
ถึงวันนี้ประโยคเก่าๆนี้เอามาเป็นแรงฮึดอีกครั้ง บวกกับได้เจอพ่อเจอแม่เจอคนที่รักเราไม่ว่าเราจะเป็นยังไง
จนวันนี้ น้ำตาหยุดไหลเหลือแต่ความเข้าใจ เข้าใจชีวิต เข้าใจโชคชะตา เข้าใจสิ่งที่ผ่านมา
ที่ได้สั่งสอนเรา วันนี้ได้หลายๆอย่างเก็บไว้เป็นแรงใจ ชีวิตคนเรามันสั้นนักถ้ามัวแต่มานั่งเสียใจ
ชีวิตก็เสียเวลาเปล่าๆ ถ้าจะร้องก็ร้องให้พอในครั้งเดียวแล้วลุกขึ้นใหม่ วันนี้ฟ้าเปิดแล้วยิ้มรับกับมัน
ก้าวผ่านช่วงเลวร้ายด้วยความแข็งแกร่ง เพราะไม่รู้ว่ามรสุมต่อไปจะเบาหรือแรงกว่าเก่าแค่ไหน
ถ้าแพ้ตรงนี้กับคำที่ว่า "เทียวทางบ่สุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพุ้น เขาจั่งหย่องว่าหาญ"
สู้เก็บแรงไว้ประทะกับมรสุมลูกต่อไปดีกว่า วันนี้คุยกับแม่ทางโทรศัพท์อีกครั้ง ลูกแม่ยังไหวครับ
21:25 22/04/2555 :l-
Bookmarks