กำลังแสดงผล 1 ถึง 9 จากทั้งหมด 9

หัวข้อ: เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430

    บ้านมหาโพสต์ เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    ผมเข้าสู่ธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น (Multi- Level Marketing หรือ MLM) ซึ่งไม่ใช่เป็นการขายแบบธรรมดา ซื้อมาขายไปเหมือนอย่างที่พวกเราเห็น แต่เป็นการขายต่อ ๆ กันเป็นเครือข่ายหลายชั้น และจะมีรายได้จากการทำงาน 2 ทาง คือ ผลกำไรจากการขายปลีก และคอมมิชชั่นส่วนลดจากยอดขายของกลุ่มที่เราชักชวน ซึ่งเรียกว่า "สปอนเซอร์" ชื่อเหมือนเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    บริษัทแรกที่ผมทำคือบริษัทขายตรงรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้ามาในประเทศไทยเป็นบริษัทแรก หลาย ๆ คนก็เคยไปสมัครมาแล้ว และก็เลิกแล้ว เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    เย็นวันหนึ่งผมได้รับคำเชิญจากผู้ที่พี่สะใภ้แนะนำให้มาเชิญผมไปที่งานประชุมที่สนามกีฬากองทัพบก ซึ่งจัดได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง และมีระดับผู้ใหญ่ไปเป็นประธาน ผู้ที่เล่าประสบการณ์เธอเป็นแม่ค้าขายถั่วงอก เธอเล่าชีวิตรันทดของเธอก่อนที่เธอจะประสบผลสำเร็จ

    เสียงปรบมือดังกึกก้องเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าเธอจะไอหรือจามหรือนึกคำพูดไม่ออก คนในสนามยังปรบมือให้กำลังใจเธอดังสนั่น โอ้ว...ป๊าด...ผมรู้สึกตื่นเต้น

    วันต่อมาก็มีคนมาอธิบายขั้นตอนการทำงานให้ผมฟังที่บ้าน ผมเริ่มลงมือทำทันทีเพราะอยากร่ำรวย มีรถ มีบ้าน ทั้งเข้าประชุมสม่ำเสมอ ตอนเย็นหลังเลิกงานหรือวันเสาร์-อาทิตย์ก็หิ้วสินค้าและอุปกรณ์สาธิต เข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้ สร้างความแปลกใจให้กับเพื่อนบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะปกติผมเป็นคนที่ไม่ชอบพูดกับคน เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    ผมรู้สึกแปลกใจที่ผมกลายเป็นคนพูดมาก พูดมีหลักการและเหตุผล สายตามีประกายลุกวาวจุดประกายฝัน มองดูรูปรถและบ้านที่ติดอยู่ที่ฝาผนังทุก ๆ วัน เพราะแม่ทีมบอกว่าต้องมีความฝัน และฝันนั้นต้องไกล ที่สำคัญต้องไปให้ถึง เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    ทั้งแนะนำสินค้า ทั้งขายสินค้า ทั้งชวนคน ไม่ว่าเจอที่ไหนผมชวนได้ทุก ๆ ที่ จะซื้อหรือจะสมัครหรือไม่ ผมไม่สนใจ ขอให้ได้พูด ๆ ๆ ๆ ๆ และก็พูด กับคนแปลกหน้าไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน ๆ หลาย ๆ คน

    จะสมัครเพราะความเกรงใจ ด้วยความสงสาร หรือเพราะความสมเพชเวทนาก็ตามที ผมจะไปมาหาสู่ตลอดเวลา และแนะนำสินค้าใหม่ ๆ ให้เสมอ ๆ

    ทำอยู่สักระยะ รู้สึกว่านอกจากจะไม่มีรถมีบ้าน เผลอ ๆ อาจจะต้องขายนาอีกต่างหาก เพราะรู้สึกว่ายิ่งทำยิ่งยาก เป้าหมายดูเหมือนว่าห่างไกลเหลือเกิน ยิ่งวันปิดยอดหากยอดไม่พอต้องหาให้ถึง ไม่เช่นนั้นยอดตก ต้องเริ่มต้นที่ 0 (ศูนย์) ใหม่ เหมือนปีนเสาธงทาจาระบียังไงยังงั้น (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว) เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    วันหนึ่งผมกับภรรยาต้องนั่งเรือข้ามฟากจากท่าน้ำนนท์ เพื่อไปส่งยาสีฟัน 1 หลอดให้กับลูกค้า พูดคุยกันนาน ขากลับรถเมล์ก็ขาดระยะเนื่องจากว่าดึกแล้ว แต่ก็ต้องทนรอ เพราะถ้าจะขึ้นรถสามล้อ หรือรถแท็กซี่ กำไรจากการขายยาสีฟันเมื่อสักครู่ก็คงจะหดหาย เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    ต่างคนต่างหันมามองหน้ากัน คำถาม ๆ หนึ่งที่ภรรยาผมถามคือ "อ้าย ๆ เฮาเฮ็ดเพื่อหยัง เฮาคือบ่ได้ลำบากขนาดนั้น แต่ก่อนเวลานี้เฮาพากันนอนเบิ่งโทรทัศน์เบิ่งละครกับลูก กินข้าวแล้วกะนอน กะคือมีความสุขดีอยู่เด้เนาะ ?" ผมก็ตอบไปว่า "อื้อ...เนาะ" เมื่อผมเป็นนักขายจำเป็น ตอนที่ 6

    หลังจากวันนั้นความฝันของผมค่อย ๆ ดับลง ๆ เหมือนไฟตะเกียงที่ไส้หมดน้ำมัน แม้ว่าแม่ทีมหรือพ่อทีมจะมาปลุกก็ไม่ตื่น :l-

    และแล้วในตอนเย็นวันหนึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้หญิง บอกว่าตอนเย็นจะไปพบผมที่บ้านพัก ผมถามเธอ "ถ้าจะมาชวนผมขายตรงหรือขายประกันไม่ต้องมาพบ" เธอบอกว่า "ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ แต่หนูจะชวนพี่มารวย" เอ๊ะ...เธอคือใครนะ ?

    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พล พระยาแล; 25-04-2012 at 16:25.

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •