นั่งรถไฟสายมรดกโลกทอยเทรนที่ดาร์จีลิง(Darjeeling)กับลูกหินจ้า
ไปเที่ยวดาร์จีลิ่งครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่ปะทับใจ คือการได้นั่งรถไฟสายมรดกโลก... ทอยเทรน(Toy Train) ทางรถไฟสายเล็กๆนี้มีชื่อเต็มว่า “ดาร์จีลิ่งหิมาลายันเรลเวย์” (Darjeeling Himalayan Railway) ที่เรียกว่า ทอยเทรน เพราะเป็นรถไฟขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำแล่นบนรางเล็กพิเศษจึงทำให้ดูคล้ายรถไฟของเล่น สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1879-1881 โดยใช้ระบบเครื่องจักรไอน้ำ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในทางรถไฟภูเขาเพียงไม่กี่เส้นทางของอินเดียที่ยังเปิดให้บริการอยู่แต่ก่อนรถไฟสายนี้แล่นระหว่างดาร์จีลิ่งไปยังเมืองสิลิกูริ แต่นี้ลูกหินไปรถไฟสายนี้แล่นระยะสั้นๆแค่สถานีกูม องค์การยูเนสโกยังได้ประกาศให้ทางรถไฟสายดาร์จีลิ่งหิมาลายันเรลเลย์นี้เป็นมรดกโลกด้วยจ้า รถไฟระบบเครื่องจักรไอน้ำ..เรียกว่าแล่นไปต้องหยุดเติมถ่านเติมน้ำกันเลยทีเดียว ลูกหินนั่งรอบบ่ายโมงกว่าเกือบบ่าย 2 รวมแล้วใช้เวลาไป-กลับ ราว 2 ชั่วโมงกว่าๆ ม่วนไปอีกแบบ ระหว่างทางนอกจากต้องพักเติมน้ำเติมถ่านแล้วจะมีช่วง แวะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปเล่น 10 นาทีที่บาตาเซียลูป (Batasia Loop)บริเวณนี้นอกจากวิวดีแล้วยังน่าสนใจตรงเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานของทหารดาร์จีลิ่ง War Memorial รวมทั้งยังเป็นที่เลี้ยวกลับโดยรางยูเทิร์น รถไฟที่นี่จะถูกสร้างให้เป็นวงกลม... วันที่ลูกหินไปนั่งรถไฟมื้อนั่นลมอย่างแฮงเลยจ้า แดดจัด แต่อากาศเย็น ที่แน่แน่ ต้องคอยแล่นหลบควันจากปล่องหัวรถจักรนำ แบบว่า...ควันดำ...จนว่าฮูดั้งดำที่เดียว อิอิ..ก็บภาพมาฝากจ้า
ยามเช้าที่ดาร์จีลิ่งจ้า
เตรียมตัวออกจากโรงแรมที่พักไปเลาะไร่ชาเที่ยวสวนสัตว์ก่อนไปนั่งรถไฟทอยเทรนจ้า
มาแล้วๆ ถ่ายกะตู้รถไฟสาเกิ่น :l-
รถไฟมี 2 ตู้น้อยๆจ้าด้านในโอ่อ่า ใช่ย้อย เอ้ย..ย่อยจ้า
นั่งไปกะชมวิวไปนำ ดาร์จีลิ่งเมืองหุบเขาเมืองตากอากาศเมืองราชินีแห่งขุนเขา...สวยประทับใจจ้า
อนุสรณ์สถานของทหารดาร์จีลิ่ง War Memorial ตรงนี้รถไฟจอดให้ถ่ายภาพ 10 นาทีจ้า
ลมแฮงๆ..แดดจัดอีหลีแต่อากาศเย็นจ้า...ตาหยีเลยลูกหินกะดาย :l-
น้องเจ้าหน้าที่ดูแลน้ำ ดูแลถ่านของรถไฟหละจ้า
รถไฟมรดกโลก ทอยเทรน
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสากร่อนๆๆ อิอิ
ลงสถานีนี้หละจ้ากูม
อีกสักภาพ อิอิ ก่อนจากทอยเทรน
ข้อมูลเพิ่มเติมจ้า
- ดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) เป็นเมืองตากอากาศ ตั้งอยู่บนแนวสันเขาที่ความสูง 2,134 เมตร จากระดับน้ำทะเล รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “ราชินีแห่งขุนเขา”
เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของเมืองนี้เราจะสามารถมองเห็นเทือกหิมาลัยทอดตัวยาวเหยียด โดยเฉพาะยอดกันเช็งจุงก้าอันสูงตระหง่านและถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวตลอดทั้งปี คำว่า ดาร์จีลิ่ง มีรากฐานมาจากภาษาทิเบตคือคำว่า “ดอร์เจลิง” คำว่า “ดอร์เจ” (Dorja) หมายถึง สายฟ้า คำว่า “ลิง” (ling) หมายถึง สถานที่ ดาร์จีลิ่ง จึงหมายถึง ดินแดนแห่งสายฟ้า ชื่อเสียงของดาร์จีลิ่งนั้นเป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วโลกว่า เป็นแหล่งปลูกและผลิตชาที่ดีที่สุดในโลก ก่อนที่อินเดียจะได้รับเอกราชจากอังกฤษนั้น ดาร์จีลิงเป็นรัฐอิสระที่ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย และเคยตกอยู่ภายใต้การดูแลของสิกขิมและอังกฤษ โดยอังกฤษได้พัฒนาดาร์จีลิ่งให้เป็นเมืองตากอากาศ และเมืองศูนย์กลางการค้าอีกแห่งหนึ่งในทำการค้าขายกับทิเบต ดาร์จีลิ่งเป็นเมืองที่ผสมผสานความเจริญของโลกตะวันตกที่แผ่ขยายมาในช่วง
อินเดียตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร บ้านเมืองจึงเต็มไปด้วยตึกรามและอาคารบ้านเรือนที่สร้างตามไหล่เขาในสไตล์ยุโรป แต่บรรยากาศยังคงพลุกพล่านเบียดเสียดยัดเยียดแบบอินเดีย และแซมด้วยวัดแบบทิเบตที่ประยุตก์แล้ว มีศูนย์กลางการศึกษาของชาวอังกฤษที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
Bookmarks