สวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
โดย พระมหาชิต ชิตญาโญ



สวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ภาพธุดงค์ ครั้งที่ ๑๒ ปี ๒๕๔๘


การสวดมนต์นั้น
สามารถสวดได้ทุกที่ทุกเวลา
เมื่อสวดเสร็จใจจะสงบ
และในระหว่างที่เราสวดมนต์
จิตจะสงบและเมื่อจิตสงบ
จะทำให้จิตสะอาด
ไม่เกิดความโกธร ความโลภ ความหลง


การสวดมนต์ ถือเป็นมรดกอันสำคัญที่มีมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะในสังคมถิ่นที่ก่อเกิดเจ้าสัทธินิกายต่างๆ เช่น ชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน การท่องบ่น การบริกรรม ต์คาถา บทร่ายของนักบวช บทสวดของชาวเมือง ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรู้ ต้องสวด ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรือชาวบ้าน ขอทานหรือเศรษฐี เพราะเชื่อว่าโดยธรรมชาติ คน สัตว์ ภูเขา ต้นไม้ ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ล้วนมีมนต์ประจำทั้งสิ้น การร่ายมนต์ท่องบ่น ไม่ว่าจะเป็นพระเวทย์ หรือเสกคาถาถือได้ว่าเป็นมรดกที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล

สืบต่อมาครั้งพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาแสดงธรรมอันงามในเบื้อต้น ท่ามกลาง และที่สุด นำผู้ประพฤติปฏิบัติตามให้พ้นจากความทุกข์ ประสบสุขได้จริงจนกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วหมู่สงฆ์ผู้ตั้งมั่นในพุทธานุสสติ ธัมมนุสสติ สังฆานุสสติจึงได้นัดหมาย สาธยายบทคำสอนที่มีในพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ถือเป็นการเข้าเฝ้าสรรเสริฐพระพุทธคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตาสั่งสอนเหล่าสาวกให้รู้แจ้งสัจธรรมความจริง

นอกจากนี้พระพุทธองค์ยังได้ทรงแนะนำให้สาวกสวดพุทธมนต์เป็นธัมมานุสสติเพื่อปกป้องคุ้มครองตนเอง เช่น อาฏานาฏิยะสูตร มีพุทธดำรัสว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเรียนมต์คุ้มครอง คือ อาฏาฏิยะปริตร พวกเธอจงจำมนต์คุ้มครอง คืออาฏานาฏิยะปริตรเป็นมนต์ประกอบด้วยประโยชน์ ย่อมเป็นไปเพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษาเพื่อความไม่เบียดเบียน เพื่อความอยู่เป็นสุขของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา"

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการสวดมนต์ สาธยายธรรมเบื้องต้น นอกจากเป็นการน้อมระลึกถึง พุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นการฝึกสติให้มั่นคง หมั่นเพียร ขจัดอกุศลนิมิตรร้าย นอนหลับสบาย ไม่ฝันร้าย จิตใจสดใสเบิกบาน ยังประกอบด้วยอานิสงส์ต่างๆ ดังนักปราชญ์ราชบัณฑิตได้พรรณาสรรเสริญอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ ดังนี้

๑. สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อเชื่องซม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น

๒. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธหลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน

๓. เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไรเลย

๔. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น

๕. เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวด มี กาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว เราในฐานะชาวพุทธควรเจริญพระพุทธมนต์ทุกค่ำคืนก่อนนอน เพื่อเป็นการเสกตนเอง ให้มีมนต์ ดังคำที่ท่านผู้รู้กล่าวว่า "หากหัวใจมีมนต์ ความกังวลจักไม่มี" โดยเฉพาะการเจริญพระพุทธมนต์ทุกท่าน ชีวิตครอบครัวจะเจริญรุ่งเรื่องพัฒนาสถาพร ฐานะดี มีปัญญา เคราะห์กรรม อุปสรรค ภัยอันตรายต่างๆ จักเบาบางลง บุตรธิดา ลูกหลาน ญาติมิตร จะเคารพเชื่อฟัง ครอบครัว มีความสุข ประสบแต่สิ่งที่ดี ที่งามตลอดไป



ที่มา : หนังสือ ผ่านทุกข์ ก็เจอสุข


สวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต