สุวรรณนภา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sencio craibianus
วงศ์: ASTERACEAE or COMPOSITAE
ลำต้น: สูง 5-10 ซม.
ใบ: รูปแถบ ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ขนาดเล็กและหนา เส้นกลางใบเห็นชัดเจน เมื่อใบแก่จะมีสีม่วง หรือสีเขียวอมม่วง
ดอก: ออกเป็นช่อๆละหลายดอกตามง่ามใบหรือปลายก้าน ดอกสีเหลือง กลีบดอกแผ่ออกโดยรอบเป็นวงกลมคล้ายดอกดาวเรืองภู และมีเกสรสีเหลืองหรือเหลืองอมเขียวรวมตัวกันเป็นกระจุกอยู่ตรงกลาง ออกดอกในราวปลายเดือน ธ.ค.- ต้นเดือน มี.ค.
แหล่งที่พบในไทย: พบขึ้นเป็นดงขนาดใหญ่ตามซอกหินบริเวณไหล่เขา หรือยอดหินปูนที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 เมตรขึ้นไป ทางภาคเหนือตอนบน
แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย: เทือกเขาหิมาลัย เนปาล จีนตอนใต้ อินเดียตอนเหนือ พม่าตอนเหนือ และไทย
หนาดทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Gnaphalium affine D.Don
วงศ์: ASTERACEAE or COMPOSITAE
ลำต้น: สูง 30-80 ซม. มีขนสีขาวอ่อนปกคลุม
ใบ: รูปหอกกลับ ปลายแหลม ขอบในเรียบ โคนแคบแล้วเรียวเป็นก้านหุ้มลำต้น มีขนสีขาวอ่อนปกคลุมทั่วทั้งใบ
ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกเป็นฝอย ๆ สีเหลืองสดเรียงตัวอัดกันแน่นอยู่บนกลีบรองกลีบดอกที่เป็นรูปถ้วย
แหล่งที่พบในไทย: พบขึ้นตามที่โล่งแจ้งบนภูเขาสูง ๆ ทางภาคเหนือ
แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย: กำเนิดในอินเดีย
สาวสนม
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sonerila deflexa Craib
วงศ์: MELASTOMATACEAE
ลำต้น: สูง 5-10 ซม. สีเขียวอมแดง ไม่แตกกิ่งแขนง
ใบ: รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 0.8-2.4 ซม. ยาว 1.4-5.5 ซม. ขอบใบหยัก โคนมนหรือแหลม หลังใบสีเขียวเข้มหรือเขียวแก่ และมีจุดสีขาวตามเส้นกลางใบ ก้านใบสีเขียวอมแดง ออกใบอยู่ชิดติดกันและขึ้นหนาแน่นตามยอด
ดอก: ออกเป็นช่อโค้งสั้นๆที่ปลายยอด ดอกสีชมพูหรือชมพูเข้ม กลีบดอก 3 กลีบ กลีบบนจะตั้งฉากกับสองกลีบด้านข้าง เกสรตัวผู้ 3 อัน รูปลูกศรสีเหลือง ออกดอกในราวเดือน ส.ค.-ต.ค.
แหล่งที่พบในไทย: ตามบริเวณก้อนหินหรือพื้นดินที่ชุ่มชื้นภายใต้ร่มเงาของป่าดิบเขา พบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
กินกุ้งน้อย
ชื่อท้องถิ่น: หงอนเล็ก(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ); ผักปลาบ(ภาคกลาง - นครสวรรค์); หญ้าเลินแดง(สุราษฎร์)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Murdannia nudiflora (Linn.) Brenan.
วงศ์: COMMELINACEAE
ลำต้น: มีลักษณะเช่นเดียวกันผักปลาบ ใบกว้าง แต่มีอายุสองปี สูง 5.5-55 ซม. ลำต้นเรียบเกลี้ยงและแตกกิ่งประปราย
ใบ: รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก กว้าง 0.2-1 ซม. ยาว 1.2-10 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนเรียวแคบและแผ่ออกเป็นกาบหุ้มลำต้นซึ่งพองออกทุกข้อ
ดอก: ออกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง โดยแยกแขนง 2-6 แขนง แต่ละแขนงมี 2-5 ดอก ดอกสีม่วงน้ำเงิน สีม่วงอมชมพู สีม่วงอ่อน หรือสีฟ้าอ่อน กลีบดอก 3 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน ออกดอกตลอดปีโดยเฉพาะช่วงปลายฤดูฝน
แหล่งที่พบในไทย: ชอบขึ้นริมคูคลองหรือที่ขึ้นแฉะริมถนน ตลอดจนบนภูเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร พบทั่วทุกภาค
แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย: เขตรอ้นชื้น หรือเขตกึ่งร้อนชื้นของโลก
สรรพคุณ: เป็นพืชสมุนไพร
Bookmarks