ผมเป็นโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ จนพัฒนาไปเป็นโรคหอบหืดในที่สุด เพราะขาดการออกกำลังกาย อีกอย่างคุณหมอบอกว่าโรคหอบหืดคือโรคที่เกิดมาจากกรรมพันธุ์
ยิ่งอายุมาก โรคกรรมพันธุ์ดังกล่าวก็ยิ่งรุมเร้าจนบางคืนนอนไม่หลับ คุณหมอบอกว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยการออกกำลังกาย และการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผมคือการวิ่งเพื่อสุขภาพ
คือการวิ่งเหยาะ ๆ วิ่งพอให้เหนื่อยแล้วมาผ่อนคลายด้วยการยืดเส้นยืดสายธรรมดา ๆ เพราะสุขภาพร่างกายของผมเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่กำเนิด แค่เดินได้เหมือนคนทั่วไปก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว เพราะผมเริ่มหัดเดินตอนอายุ 5 ขวบ พ่อแม่ผมจะไม่ค่อยใช้งานผม เพราะถ้าตากแดดตากฝนผมจะไม่สบายทันที
ร่างกายของผมได้ใช้งานเต็มที่ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์ ผมมีความรู้สึกว่าร่างกายของผมแข็งแรงเหมือนคนปกติ ฝึกได้ อดทนกับความยากลำบากได้ และผ่านพ้นมาได้เหมือนกับความฝัน เพราะทหารเกณฑ์สมัยก่อนไม่ได้ฝึกเหมือนทหารเกณฑ์สมัยนี้
หลังจากที่ผมปลดจากทหารเกณฑ์ ทำงานเป็น รปภ. ทำงานโรงงาน ทำงานบริษัท จนกระทั่งได้กลับเข้ามารับราชการทหารอีกครั้ง ผมได้เริ่มต้นออกกำลังกาย และฟิตร่างกาย เพื่อต้องการที่จะไปเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศ และการรบแบบจู่โจม
ปี พ.ศ.2536 ผมได้ย้ายเข้ามาในกรุงเทพฯ ช่วงนี้ผมขาดการออกกำลังกายโดยสิ้นเชิง ผมพักอยู่แถว ๆ สามแยกไฟฉาย ถนนจรัลสนิทวงศ์ เดินทางไปทำงานแถว ๆ สถานีรถไฟสามเสน แค่เดินทางไปทำงานและกลับจากที่ทำงานก็แทบจะไม่รอด
ทั้งขึ้นรถสองแถวไปท่าเรือ นั่งเรือข้ามฟาก แย่งกันขึ้นรถเมล์ มันเหมือนกับการออกไปผจญภัยในสนามรบ ดูสับสนวุ่นวาย ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ปี พ.ศ.2539 ผมได้บ้านพักที่ทางราชการจัดให้ ตอนเย็น ๆ พรรคพวกเพื่อนฝูงก็พากันวิ่งรอบที่ทำงาน ซึ่ง 1 รอบ เท่ากับ 1 กิโลเมตร ผมได้เข้าสู่สนามวิ่งอีกครั้ง วิ่งทุกวันเช้าเย็น จากน้อยไปหามาก และค่อย ๆ เพิ่มจำนวนรอบ ยิ่งวิ่งยิ่งมัน
จากวิ่งเหยาะ ๆ กลายเป็นวิ่งเร็ว รู้สึกเหนื่อยหอบในตอนแรก แต่พอบ่อย ๆ กำลังอยู่ตัว ก็จะไม่รู้สึกเหนื่อย หรือเหนื่อยไม่กี่อึดใจก็จะหายเหนื่อย
ในช่วงนั้นมีนักมวยจากค่ายก่อเกียรติยิม เข้ามาวิ่งหลายคน ด้วยความที่ผมชอบมวยอยู่แล้วก็เลยวิ่งไปกับเขา วิ่งไปถามไป พูดคุยกันไป คำถามที่เขาถามผมคือ "พี่เป็นนักมวยหรือครับ" ผมบอกว่า "ผมไม่ใช่นักมวยครับ แต่ชอบดูมวย โดยเฉพาะมวยสากลอาชีพ"
ผมก้าวเข้าสู่วงการวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ด้วยการชักชวนของเพื่อนรุ่นพี่ในที่ทำงาน ให้ผมไปเป็นเพื่อนเพราะสายตาของเขาไม่ค่อยดี มองไม่ค่อยชัดในตอนเช้า แต่ด้วยใจรัก เขามักจะมีคู่หูไปด้วยตลอด วันนั้นคู่หูไม่ว่าง ผมก็เลยกลายเป็นคู่หูโดยปริยาย
คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะรู้สึกตื่นเต้นกับการก้าวสู่สนามครั้งแรก ณ สวนรถไฟ ในรายการ "รันฟอร์โฮป มินิมาราธอน" จุดประสงค์ของผม ไม่ใช่วิ่งเพื่อแข่งขันเพื่อเอาชนะอย่างแน่นอน เพราะเป็นนักวิ่งหน้าใหม่
แต่ยิ่งวิ่ง ดูเหมือนมีแรงส่ง เพราะงานนี้มีสาว ๆ เข้าร่วมหลายคน สงสัยคงอยากโชว์หรือเปล่าไม่ทราบ ผมเกี่ยวแขนกับรุ่นพี่ในช่วงแรกเหมือนปลาท่องโก๋ พอฟ้าสว่างแสงพอเพียง ผมถามรุ่นพี่ว่า "อาร์ ยู โอเค" รุ่นพี่ตอบว่า "แอม กู๊ด" ผมก็สลัดเครื่อง วิ่งสปีดเต็มสูบ เข้าเส้นชัยไปกินข้าวต้มหมดไปสองถ้วย รุ่นพี่ยังไม่เข้าเส้นชัยเลย
เหรียญแรกในชีวิตของการวิ่งมินิมาราธอน
Bookmarks