เมื่อเช้านี้ (10 ก.ย.55) ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่สาว บอกว่าลูกเขยของน้าสาว (น้องของแม่) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขยของผม ได้เสียชีวิตเมื่อตอนเย็นของวานนี้ (9 ก.ย.55) จากอุบัติเหตุดินถล่มทับร่าง
สอบถามได้ความว่าทางวัด ได้ว่าจ้างผู้รับเหมาให้ขุดท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ รอบ ๆ บริเวณวัด เพราะกลัวน้ำท่วม และได้ใช้รถขุดดินขึ้นมากองไว้ข้าง ๆ เพื่อรอกลบกลับคืนเมื่องานวางท่อเสร็จแล้ว
แต่ปรากฎว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ดินมีความนิ่มและเปียก ทำให้กองดินลื่นไถลลงไปทับร่างหลานเขยซึ่งกำลังทำงานอยู่ข้างล่าง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบช่วยกันโกยดินออกจากร่าง แต่ไม่ทันเสียแล้ว หลานเขยได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ปล่อยให้ภรรยา, ลูกชายที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 และลูกสาวอายุเพิ่งได้ 1 ปี กับอีก 8 เดือน ไว้เบื้องหลัง
มิหนำซ้ำแม่ยายก็เป็นอัมพฤกษ์ พ่อตาก็พิการ ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวน้อยคนนักที่จะไม่ร้องไห้ เพราะหลานเขยคนนี้คือคนที่หาเลี้ยงครอบครัว เป็นคนมีน้ำใจ หนักเอาเบาสู้ ช่วยเหลืองานทุกอย่างเป็นอย่างดี เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่แตะต้อง ขยันหาขยันเก็บเงิน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริต......ออย..เขียนมาถึงตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย
อนิจจา...กับวัยเพียง 39 ปี บริบูรณ์ ของหลานเขย มันช่างเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้นเหลือเกิน
คนเฒ่าคนแก่ทางอีสานได้กล่าวไว้ว่า "ควมตายนี้แขวนคอทุกบาดหย่าง" หมายความว่า ความตายแขวนคอเราทุกฝีก้าว นั่นเอง
วันพุธที่ 12 ก.ย.55 ผมจะลางานเดินทางไป จ.ชัยภูมิ เพื่อไปส่งหลานเขยสู่สัมปรายภพในวาระสุดท้ายของชีวิต...ขอให้หลานจงหลับให้สบายชั่วนิรันดร์....
Bookmarks