กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: ปั้มมหัศจรรย์

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ pcalibration
    วันที่สมัคร
    Nov 2008
    ที่อยู่
    เมืองฉะเชิงเทรา(แปดริ้ว)
    กระทู้
    1,883
    บล็อก
    1

    ปั้มมหัศจรรย์

    หัวใจคือปั๊มมหัศจรรย์
    ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ในโลกนี้มีปั๊มขนาดจิ๋ว เพียง 3 ใน 4 ปอนด์ (ไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม)
    แต่มีสมรรถนะทำงานได้มากและทนทาน ในการใช้งานอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ คือ ปั๊มสามารถปั๊มน้ำด้วยอัตราเร็ว 70-80 ครั้ง/นาที
    (อาจเร่งให้เร็วกว่านี้ได้ 2-3 เท่าได้)
    วันหนึ่ง ก็กว่าหนึ่งแสนครั้ง และปริมาณน้ำที่ปั๊มได้กว่าสี่พันแกลลอนต่อวัน มากพอที่จะเติมหม้อน้ำรถยนต์ได้ถึงสองร้อยคัน มิหนำซ้ำ
    หากดูแลรักษาให้ดี ปั๊มน้ำอันนี้ยังทำงานติดต่อกัน ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
    โดยไม่ต้องหยุดพักเลย เป็นเวลานานถึงกว่าหนึ่งร้อยปี! ปั๊มมหัศจรรย์นี้ คือหัวใจของเรานี่เอง
    แท้ที่จริงแล้ว หัวใจของเรานั้น ทำหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำสองปั๊ม ที่ทำงานพร้อมๆกัน จนรู้สึกเหมือนกับว่า มีหัวใจเต้นอยู่เพียงอันเดียว
    การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ในร่างกายของเรานั้น เลือดดำซึ่งเป็นเลือดที่ใช้แล้ว จากอวัยวะต่างๆทั่วตัว
    ไหลผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่หัวใจทางด้านขวา จากที่นั่นเลือดดำก็จะถูกหัวใจปั๊มสูบฉีดเข้า ไปในปอด ซึ่งเป็นที่ๆ เม็ดเลือดแดง จะถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากเซลล์ และรับเอาออกซิเจนไว้ ซึ่งมักเรียกว่าเลือดแดง
    เลือดแดงจากปอดจะวิ่งกลับหัวใจด้านซ้าย ก่อนที่จะถูกหัวใจปั๊มสูบฉีดเลือดนี้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
    ดังนั้น หัวใจจึงเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดของร่างกาย หากหัวใจหยุดเต้น หยุดปั๊มเลือดไปเลี้ยง ส่วนต่างๆของร่างกาย คนๆนั้นต้องตาย จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
    ส่วนประกอบของหัวใจก็คือกล้ามเนื้อ คล้ายกับกล้ามเนื้อทั้งหลาย ซึ่งต้องการเลือดไปบำรุงเลี้ยงเพื่อให้ทำงานได้ แม้ว่าหัวใจจะมีน้ำหนักเพียง 1 ใน 200 ของน้ำหนักตัวของคนก็ตาม แต่มันต้องการเลือดถึง 1 ใน 20 เพื่อมาเลี้ยงบำรุงหัวใจ หัวใจไม่ได้ดูดอาหารหรือออกซิเจนจากเลือดซึ่งไหลผ่านแต่ละห้องของมัน แต่หัวใจถูกเลี้ยงโดยเส้นเลือดแดง ซ้าย-ขวา สองเส้นซึ่งอยู่รอบๆนอกของหัวใจ ที่มีชื่อเรียกว่า หลอดเลือดแดงโคโรนารี และโรคหัวใจส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้ก็เพราะ หลอดเลือดแดงโคโรนารี นี้ ผนังภายในมีไขมันมาจับ จนเกิดอารการอุดตัน ทำให้เลือดไหลผ่านไม่สะดวก
    เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจที่เลี้ยงด้วยหลอดเลือดนั้น ขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดเป็นโรคหัวใจขึ้นและสาเหตุที่สำคัญที่สุดของโรคหัวใจนี้ก็คือ เป็นผลของเจ้าของหัวใจมีวิถีชีวิตที่ผิดๆ ! มนุษย์ในยุคคอมพิวเตอร์นี้ มีชีวิตที่แสนจะไม่ถูกสุขลักษณะ คือ ดื่มเหล้า-เบียร์ มากไป สูบบุหรี่มากไป อ้วนเกินไป และออกกำลังกายน้อยเกินไป ดังคำพูดของหมอ โธมัส บาสส์เลอร์ พยาธิแพทย์ซึ่งทำผ่าตัดชันสูตรศพเพื่อวินิจฉัยสาเหตุต่างๆ ของการตายพูดว่าสองในสามของมนุษย์ในปัจจุบัน
    ตายก่อนเวลาอันสมควร เพราะมีหัวใจของคนขี้เกียจ ปอดของคนสูบบุหรี่ และตับของคนกินเหล้า
    หัวใจซึ่งมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ถ้าเพียงแต่ไม่ได้ปั๊มน้ำ เพื่อสูบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ปั๊มอันนี้ก็จะกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเรา ที่จะเอาชีวิตเราได้ตลอดเวลา ศัตรูนี้ ไม่ได้ซ่อนเร้นอยู่ที่ไหน อยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายของเรา ลึกลงไป 2 นิ้ว ซึ่งอาจเต็มไปด้วย ไขมัน คราบบุหรี่ และสนิมเหล้า ซึ่งล้วนแต่ทำให้ ปั๊มน้ำได้อ่อนลง ช้าลง สะดุด บ่อยครั้งเข้าและกำลังจะหยุดเต้น
    คนที่กำลังจะตายจากโรคหัวใจนั้น เจ้าตัวจะทราบดี ช่วงเสี้ยววินาทีแห่งความทรมานนั้น บางทีอาจเป็น 2 วินาที หรือ 10 วินาที อาจ 30 วินาที แล้วหัวใจก็จะหยุดเต้น
    เขาจะรู้ตัวดีและทราบดีว่า หัวใจเขาหยุดเต้นแล้ว เพราะในเสี้ยววินาทีวิกฤตินั้น แม้หัวใจจะหยุดเต้นไปแล้ว แต่เขายังไม่ตาย หัวใจตาย แต่ส่วนอื่นๆในร่างกายของเขา ยังไม่ตายในทันทีพร้อมหัวใจ สมองก็ยังไม่ตาย ยังออกคำสั่งผ่านใยประสาทไปยัง แขน ขา ปอด กระเพาะ ลำใส้ อวัยวะทุกอย่างยังคงทำงานได้ต่อ
    สมองของเขาขณะนั้น จะคิดถึงอะไร เขาคงตกใจกลัวสุดขีด คงพยายามใขว่คว้าหน้าอกตน ถ้าทำได้คงอยากจะฉีกแหวกผนังหน้าอกของตนเพื่อไปบีบหัวใจ บีบให้มันกลับมาเต้นใหม่ สูบฉีดเลือดต่อไปใหม่ แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อหัวใจไดหยุดเต้นแล้ว เพราะทั้งหมดของร่างกายเรานั้นขึ้นตรงต่อหัวใจทั้งสิ้น หลังหัวใจหยุดเต้น อีกเพียง 2-3 นาที ทุกส่วนในร่างกาย ซึ่งขาดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ก็ต้องตายตามไปด้วย
    คนที่เป็นโรคหัวใจ ครึ่งหนึ่งจะตายจากอาการโรคหัวใจครั้งแรก ส่วนมากจะตายก่อนถึงโรงพยาบาล แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นโรคหัวใจเจ็บหน้าอก แล้วจะต้องตายทันที
    ในบางคนอาจเป็นโรคเรื้อรังเจ็บหน้าอกครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วทุเลาลงแล้วก็เป็นอีก ถ้าโชคยังดี ยังไม่ตาย เขาก็เกิดความวิตกว่า หัวใจเขาเกิดความผิดปกติ เกิดพยาธิสภาพเสียหาย ซึ่งไม่มีวันที่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้อีกแล้ว
    เขากลายเป็นโรคหัวใจ เป็นคนพิการ ออกกำลังไม่ได้ กระทบกระเทือนไม่ได้ เดินอกห่อ คอตก มือกุมแต่อกด้วยความกลัวไม่รู้เมื่อไรมันจะหยุดเต้น เพราะเขาทราบตามสถิติว่า ร้อยละ 50 ของคนที่รอดตายจากอาการโรคหัวใจกำเริบในครั้งแรกนั้น จะมีโอกาสตาย ภายในอีก 5 ปี ข้างหน้าสูงกว่าคนอื่นถึง 5 เท่า
    ขอบคุณที่มา : จากหนังสือ วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ โดย นายแพทย์ อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม
    www.learnland.net


  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ บ่าวชัยภูมิ
    วันที่สมัคร
    May 2007
    กระทู้
    473
    ยามเฮาหลับกะบ่หยุด แต่ว่ากินเครื่องบำรุงกำลังเกิน 2 ขวด แทบสิหลุดออกมาเลย

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •