นักวิ่ง 4 ประเภท (จำแนกตามความเร็ว)
นักวิ่งประเภท A
เป็นพวกแชมป์ที่มีผลแข่งขันที่ได้ถ้วยรางวัลทุกสนาม ไม่ค่อยพลาด วิ่งเร็วจริงๆและเพราะวิ่งยังไงก็ชนะเรื่อยๆ จึงสนใจงานวิ่งที่มีซองรางวัล(เงิน)มากกว่าถ้วยรางวัล ค่าที่ว่าเงินกินได้แต่ถ้วยกินไม่ได้มันแข็งและไม่อร่อยเลยได้แต่เอาไปวางไว้ แรกๆก็ภูมิใจแต่นานๆเข้ามากขึ้นทุกที ชักเกะกะบ้านสู้เงินไม่ได้ ถ้วยที่พอจะสนใจบ้างก็มักจะเป็นถ้วยพิเศษ เช่น ถ้วยพระราชทานอะไรอย่างนี้
นักวิ่งประเภท B
เป็นพวกที่วิ่งแบบเกือบได้บ้าง เกือบตกบ้าง บางสนามก็ได้ถ้วยบางสนามก็หลุด ถ้าพวกประเภท A มามากในสนามใด ประเภท B ก็จะหลุด เป็นนักวิ่งที่สนใจปรับปรุงฝีเท้าฝึกอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นประเภทที่พวก A ประมาทไม่ได้เผลอๆพวก B หายใจรดต้นคอเอาได้ พวก B บางคนทำการบ้านดีก็อาจเขยิบสถานะเป็นพวก A ได้ และทำนองเดียวกันก็มีพวก A ไม่น้อยที่เคยเป็น A อยู่ แต่ฝีเท้าตกลงเป็น B ได้เหมือนกัน นักวิ่งพวก B นี้ จะรู้จักพวก A และ B ด้วยกัน มากกว่าที่จะรู้จักพวก C และ D นักวิ่งพวก B นี้สนใจถ้วยรางวัลมากกว่าซอง กลับกันกับพวก A และชอบไปสนามที่ให้ถ้วยรางวัลธรรมดามากกว่าถ้วยพระราชทาน ไม่ใช่ไม่อยากได้ อยากได้แต่วิ่งเร็วสู้พวก A ไม่ได้ งานวิ่งไหนที่มีซอง (หรือซองยิ่งหนา),งานไหนมีถ้วยพระราชทาน พวกนักวิ่ง A ก็จะไปกันมาก ผลก็คือ พวกนักวิ่ง B ไปงานเล็ก งานที่มีถ้วยธรรมดาหรืองานที่ไม่มีซอง งานนั้นก็จะไม่ยากนัก เพราะไม่มีพวก A ไปมาก โอกาสที่นักวิ่ง B จะได้ถ้วยก็มีมากกว่าที่จะดันทุรังไปสนามใหญ่ ไปก็อดน่ะซิถามได้ ความแตกต่างอย่างนี้นี่เองที่ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจต่อการไปวิ่งหรือไม่ ต่อการตัดสินใจไปสนามไหน ในกรณีที่จัดชนกัน ที่นักวิ่งทั้งสองประเภทเท่านั้นที่จะเข้าใจ นักวิ่งประเภทอื่นและผู้จัด ไม่มีเรื่องเหล่านี้อยู่ในหัว ก็มักจะมองทัศนคติเหล่านี้อย่างออกจะเหยียดๆในที ตราบใดที่ถ้าเข้ามีฝีเท้าที่เร็วขึ้นมาอยู่ในพวก B เมื่อไร จะเข้าใจเมื่อนั้น ตรงนี้ทำให้นึกถึงผู้จัดงานวิ่งบางรายที่อยากให้งานมีนักวิ่งมาวิ่งกันมากๆด้วยเจตนาดังนี้ จึงทำให้จัดสรรซองรางวัลให้หนา ซองให้มากรุ่น โดยเชื่อว่าจะมีนักวิ่งมาชิงชัยกันมากมาย แต่ความเป็นจริงจะตรงกันข้าม คุณจะได้แต่นักวิ่งประเภท A เท่านั้นที่เข้าชิงชัยกันที่มีจำนวนทั้งประเทศเพียงหยิบมือเดียว สิ่งที่สนามคุณจะได้ก็คือ สถิติ ความเร็วผู้ชนะประจำสนามจะเร็วมาก ที่มันหาได้มีความหมายกับผู้จัดไม่ นักวิ่งพวก B ที่แน่นอนจะมีจำนวนที่มากกว่าพวก A ก็จะมากันน้อย แต่กับพวก C และ D พวกนี้กลับสนใจเหรียญและเสื้อมากกว่า หาใช่ซองที่ผู้จัดคาดหวังนั้นไม่ ลงถ้าคุณจัดซองหนาแต่เหรียญห่วย นักวิ่งก็มาน้อยอยู่นั่นเอง แต่งานที่ซองหนาแต่นักวิ่งก็ยังไปกันอยู่มากก็เพราะเขาจะไปเอาเหรียญหรือเพราะแรงจูงใจอื่นหาใช่ซองรางวัลที่ผู้จัดเข้าใจ ดังนั้นต้องเข้าใจตรงนี้นักวิ่งไม่ได้ตัดสินใจไปวิ่งด้วยแรงจูงใจที่เหมือนกันทุกคนอย่างที่ผู้จัดคาดหมาย
นักวิ่งประเภท C
เป็นนักวิ่งเพื่อสุขภาพที่ยังมีแก่ใจนิยมชมชอบทำ P.R. (Personel Record) คือพยายามทำเวลาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งยังเป็นผู้ที่สนใจโปรแกรมฝึกพัฒนาฝีเท้าบ้าง แม้จะไม่เคร่งเครียดเท่าใดนัก พวก C นี้ไม่เคยได้ถ้วยรางวัลใดๆพวก C นี้จะไม่มองพวก A และ B ว่าเป็นคู่ปรับที่ต้องวิ่งให้ชนะหรือเทียบเท่าเลย เพราะวิ่งยังไงก็ไม่ทัน แต่จะให้วิ่งช้าไปเลยก็ทำใจไม่ได้ เป็นนักวิ่งประเภทที่น่าสนใจมากที่สุด พวกเขาเป็นพวกที่สนใจว่าจะปรับปรุงฝีเท้าวิ่งให้เร็วได้อย่างไร พร้อมๆกับให้ความสำคัญกับมิตรภาพ,การชนะตนเอง คือเป้าหมายของเขา
นักวิ่งประเภท D
เป็นพวกที่ตัวเองเน้นว่าที่วิ่งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่แท้จริง ไม่สนใจความเร็วเลย แบบวิ่งไปโบกธงไป ร้องเพลง ปรบมือ คุยกันหนุ๋งหนิง ใครจะเร็วแซงไปเลย ใครจะโกงไม่เกี่ยว พวกนี้วอรี่ที่น้ำหมด เหรียญไม่พอกับรถตามเก็บ อย่างหลังนี่แสบที่สุด กลัวกันนัก พวก D นี้มองการวิ่งปรับปรุงความเร็วอย่างไม่ให้ค่าแม้แต่น้อย
บางรายออกเหยียดๆอยู่ในใจด้วยซ้ำว่า “เครียด” และ “ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ” อีกด้วย...
:,1-:,1-:,1-:,1-:,1-:,1-
โดย อ. กฤตย์ ทองคง
www.jogandjoy.com