หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 3 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 123
กำลังแสดงผล 21 ถึง 27 จากทั้งหมด 27

หัวข้อ: วรรณกรรมอีสาน

  1. #21
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    12. ท้าวปาจิตกับนางอรพิม



    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม
    อักษรธรรม 3 ผูก วัดบ้านแดงหม้อ ต.แดงหม้อ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี




    ในครั้งหนึ่งนานมาแล้วกษัตริย์ขอมพระองค์หนึ่งมีโอรสชื่อท้าวปาจิต เมื่ออายุได้ 6 พรรษา พระราชบิดาจะจัดการอภิเษกให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ ถึงจะหาราชธิดาเมืองใดมาให้เลือก พระราชโอรสก็ไม่ต้องพระประสงค์ โหรหลวงทำนายว่า เนื้อคู่ของพระองค์ยังอยู่ในครรภ์ของหญิงหม้ายอนาถา ให้ท้าวปาจิตเดินทางไปทิศตะวันออกแล้วจะพบหญิงหม้ายผู้นั้น โดยมีลักษณะที่สังเกตได้คือแสงอาทิตย์จะทรงกลดเป็นเงากั้นเบื้องบนศีรษะ ท้าวปาจิตก็ออกเดินหาหญิงหม้ายผู้นั้น จนไปพบนางบัว ชาวบ้านสัมฤทธิ์ยังมีครรภ์อยู่มีลักษณะตามที่โหรได้ทายไว้ จึงอาสาฝากตัวเป็นคนใช้ ครั้นนางบัวคลอดบุตรเป็นหญิงมีลักษณะดี ให้ชื่อว่านางอรพิม ก็ช่วยนางบัวเลี้ยงดูจนเป็นสาว รูปโฉมงดงามมาก ท้าวปาจิตลากลับบ้านเมืองเพื่อจัดขันหมากมาสู่ขอตามประเพณี พอขันหมากมาถึงบ้านกงรถก็ทราบว่า ท้าวพรหมทัตมาลักตัวนางอรพิมไปเสียแล้ว ก็เสียพระทัยเลยโยนขันหมากทิ้งน้ำเสียหมด ลำน้ำนั้นต่อมาคือ ลำปลายมาศ ท้าวปาจิตได้แฝงกายเข้าไปในปราสาทท้าวพรหมทัตและได้ทำอุบาย..่าท้าวพรหมทัตเสีย พานางอรพิมหลบหนีออกมาได้ ระหว่างทางท้าวปาจิตได้ถูกนายพราน..่าตาย นางอรพิมจึง..่าพรานเสีย และชุบชีวิตท้าวปาจิต ด้วยยาวิเศษจากเทวดา และเดินทางกันต่อไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งอาศัยเณรส่งข้ามฟากให้ เณรลวงท้าวปาจิตให้ขึ้นฝั่งก่อนแล้วพานางอรพิมหนีไป นางอรพิมลวงให้เณรขึ้นต้นมะเดื่อแล้วเอาหนามมาสะไว้ใต้ต้น และพายเรือมาหาท้าวปาจิตก็ไม่พบ นางจึงปลอมเป็นชาย และได้รักษาธิดาเจ้าเมืองจำปานครให้ฟื้น เจ้าเมืองยกเมืองและธิดาให้แต่นางปฏิเสธ และได้บวชเป็นสังฆราชของเมืองนั้น นางได้สร้างศาลาและมีรูปวาดเรื่องราวของนางกับท้าวปาจิตไว้ และสั่งว่าถ้าผู้ใดดูภาพเหล่านี้แล้วร้องไห้ให้แจ้งให้นางทราบ ในที่สุดท้าวปาจิตและนางก็ได้พบกันพากันกลับบ้านเมืองและอยู่ครองกันมีความสุข




    เรื่องราวโดยละเอียดของนิทานพื้นบ้าน ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ท้าวปาจิต เป็นโอรสพระเจ้าอุทุมราช กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนครธม เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม พระบิดาก็ให้เลือกคู่ครองโดยการให้ทหารไปประกาศเรียกหญิงสาว บรรดามีในเมืองนั้นมาให้ท้าวปาจิตเลือก


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    สาวที่มามีทั้งลูกสาวเสนา อำมาตย์ ข้าราชการ ลูกพ่อค้า ชาวนา ชาวไร่ มากันจนหมดเมือง ท้าวปาจิตไม่สนใจเลยสักคนเดียว จึงมิได้คล้องมาลัยให้สาวคนไหน พระเจ้าอุมุมราชได้ให้โหรทำนายโชคชะตาราศีและเนื้อคู่แก่พระโอรส โหรหลวงตรวจดูดวงชะตาตามวันเดือนปีเกิดแล้ว กราบทูลว่าเนื้อคู่ของท้าวปาจิตยังไม่เกิด ขณะนี้อยู่ในครรภ์หญิงชาวนาผู้หนึ่งในเขตเมืองพิมาย

    ท้าวปาจิตจะต้องเดินทางไปหาหญิงผู้นั้น ที่อยู่ของหญิงผู้นี้อยู่ทางทิ..พายัพของนครธม ซึ่งสังเกตได้ง่ายว่ามีครรภ์และมีเงากลดกั้นอยู่


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ท้าวปาจิตไม่รอช้า รีบเร่งออกเดินทางไปตามคำทำนายของโหรจนกระทั่งมาถึงเขตเมืองพิมาย ท้าวปาจิตไม่แน่ใจจึงกางแผนที่ออกดูที่ตรงนั้นเรียกในภายหลังว่า บ้านกางตำรา และเพี้ยนเป็น บ้านจารตำรา ท้าวปาจิตข้ามถนนเพื่อเข้าเขตเมือง บริเวณนั้นเรียกว่า บ้านถนนแล้วเดินมาตามทางถึงหมู่บ้านหนึ่งมีต้นสนุ่นมาก ได้ชื่อว่า บ้านสนุ่น เลยบ้านสนุ่นก็มาถึงท่าน้ำใหญ่ ปัจจุบันเรียก บ้านท่าหลวง แต่ปรากฎว่าเป็นทางผิด จึงไปอีกทางหนึ่งถึง บ้านสำริด พบหญิงครรภ์แก่ชื่อ ยายบัว กำลังดำนาอยู่ เหนือหัวของนางมีเงาคล้ายกลดกั้นอยู่ ก็แน่ใจว่าใช่ตามคำทำนาย จึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นใคร มีความประสงค์อะไร และแสดงความตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยทำนาให้จนกว่าจะคลอดลูก หากลูกเป็นชายจะยกย่องให้เป็นน้องชาย แต่ถ้าเป็นหญิงจะขอนำไปเป็นมเหสี ยายบัวก็ตกลง


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ท้าวปาจิตอาศัยอยู่กับยายบัวเรื่อยมา ช่วยทำงานทุกอย่างทั้งดำนา เลี้ยงโคกระบือ เกี่ยวข้าว ตีข้าว จนยายบัวครบกำหนดคลอด จึงไปตามหมอตำแยมาทำคลอด (หมู่บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่าบ้านตำแย) ทารกในครรภ์ยายบัวเป็นเพศหญิงตรงตามคำทำนายของโหร ยายบัวตั้งชื่อให้ว่า อรพิน แต่ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า อรพิม มีหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผ่องใส เป็นที่พอใจแก่ท้าวปาจิตยิ่งนัก ครั้นนางเจริญวัยเป็นสาวสวยก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กับท้าวปาจิต


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    วันหนึ่งท้าวปาจิตได้บอกให้นางทราบว่าตนจะกลับไปบ้านเมืองเพื่อยกขันหมากจากนครธมมารับนางไปอภิเษกสมรสที่นครธม แล้วก็ลานางไป
    เมื่อมาถึงนครธม ท้าวปาจิตได้นำความขึ้นบังคมทูลต่อพระเจ้าอุทุมราชพระบิดาจึงให้จัดขบวนขันหมากมีจำนวนรี้พลมากมาย เดินทางไปเมืองพิมาย โดยที่หารู้ไม่ว่า บัดนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางอรพิม
    พระเจ้าพรหมทัต ผู้ครองเมืองได้ทราบข่าวความงามของนางจึงได้ให้พระยารามไปนำตัวนางมาไว้ในพระราชวัง นางอรพิม สุดจะขัดขืนได้จำต้องมา และตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้ามิใช่ท้าวปาจิตแล้ว ผู้ใดแตะต้องนางก็ขอให้กายนางร้อนเหมือนไฟ พระเจ้าพรหมทัตจึงแตะต้องนางมิได้



    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    กระบวนขันหมากของท้าวปาจิตยกออกจากนครธมมาหลายคืนหลายวัน จนมาถึงลำน้ำแห่งหนึ่ง (อยู่ในตำบลงิ้ว ปัจจุบันนี้) ท้าวปาจิตให้ทหารหยุดกระบวนขันหมาก เพื่อให้ทหารและสัตว์พาหนะได้พักและบริโภคน้ำ ชาวบ้านเห็นผู้คนมากันมากมายจึงเข้ามาไต่ถามว่ามาทำไมและจะไปไหน พวกทหารตอบว่าจะไปบ้านสำริด เพราะพระโอรสกษัตริย์เมืองขอมจะแต่งงานกับสาวบ้านนี้ ชาวบ้านถามชื่อหญิงนั้น ทหารบอกว่าชื่อนางอรพิม ชาวบ้านจึงเล่าให้ฟังว่า พระเจ้าพรหมทัตได้นำตัวเข้าไปไว้ในปราสาทเสียแล้ว



    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ทั้งพระเจ้าอุทุมราชและท้าวปาจิตตกพระทัยยิ่งนัก โดยเฉพาะท้าวปาจิตโกรธมากถึงกับโยนข้าวของเครื่องใช้ขันหมากทิ้งแม่น้ำหมด (ที่ตรงนั้นเรียกว่าลำมาศหรือลำปลายมาศที่ไหลไปสู่ลำน้ำมูลจนทุกวันนี้) ส่วนรถทรงก็ตีล้อดุมรถและกงรถจนหักทำลายหมด ชาวบ้านนำมากองรวมกันไว้จนที่เรียกว่า บ้านกงรถ

    จากนั้นท้าวปาจิตได้ขออนุญาตไปตามนางตามลำพัง พระเจ้าอุทุมราชและข้าทหารจึงเดินทางกลับนครธม ท้าวปาจิตไปพบยายบัว ปลอบโยนนางว่าจะใช้ปัญญานำนางอรพิมออกมาให้ได้ แล้วปลอมตัวเป็นลูกชายยายบัวเข้าไปตามหาน้องสาวชื่อ อรพิมไปบอกนายประตูว่าจะขอเข้าเยี่ยมน้องสาว นายประตูถามว่าใคร ท้าวปาจิตตอบว่า นางอรพิม ซึ่งจะเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตในไม่ช้านี้

    นายประตูพาไปพบนางอรพิม นางร้องว่า อ้อ พี่มา...(คำนี้เพี้ยนเป็นพิมายในปัจจุบันนี้) พระเจ้าพรหมทัตมาพบนางอรพิม เห็นท้าวปาจิตจึงถามว่าใคร นางตอบว่าเป็นพี่ชายของนาง พระเจ้าพรหมทัตถามว่าทำมาหากินอะไร ทำไร่ทำนา หรือค้าขายอะไร ท้าวปาจิตตอบว่าค้าขายทางไกล ทราบว่าน้องจะอภิเษกเป็นพระมเหสีจึงมาอวยพรให้ และอยากรู้จักพระองค์ให้พระองค์รู้จักตนด้วย พระเจ้าพรหมทัตดีใจ เพราะนางอรพิม จะได้ยอมเป็นพระมเหสีอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้ จึงให้หาเหล้ายาอาหารมาเลี้ยงดู


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    ท้าวปาจิตดื่มเล็กน้อยแต่พระเจ้าพรหมทัตถูกนางอรพิมมอมเหล้าเสียจนเมามายเสียสติ ท้าวปาจิตจึงใช้พระขรรค์ฟันคอขาดอยู่ ณ ที่นั้น แล้วอุ้มนางอรพิมหนีออกมา

    ท้าวปาจิตและนางอรพิม เดินทางมาถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่ง พอดีเป็นเวลารุ่งสว่างพบนายพรานคนหนึ่งชื่อ พรานนกเอี้ยง ออกมาเที่ยวล่าเนื้ออยู่ พรานนกเอี้ยงเห็นนางอรพิมสวยก็นึกรักนาง จึงใช้หน้าไม้ยิงท้าวปาจิตตายแล้วพานางไป นางทำเลห์กลว่ามีกำลังน้อยเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยมากจะเดินทางไม่ไหว ถ้ามีรถหรือเกวียนหรือช้างม้าให้นางนั่งไป นางก็ยินดีจะไปด้วย พรานหลงเชื่อไปหากระบือมาให้นางขี่ ตัวนายพรานนั่งข้างหน้าคอยบังคับกระบือ นางอรพิมนั่งข้างหลังพอได้โอกาสก็ใช้พระขรรค์ท้าวปาจิตแทงนายพรานตาย
    นางกลับมาที่..พท้าวปาจิต ร่ำไห้คร่ำครวญอยู่จนพระอินทร์เกิดความสงสารชวนพระเวสสุกรรม แปลงกายเป็นงูกับพังพอนสู้กัน เมื่อพังพอนตาย งูก็ไปกัดเปลือกไม้ชนิดหนึ่งมาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผลพังพอน พังพอนจึงฟื้นขึ้นต่อสู้กันต่อไป ครั้นงูตายพังพอนก็ทำเช่นเดียวกัน สัตว์ทั้งสองผลัดกันตายผลัดกันฟื้นเช่นนี้เป็นเวลาพอสมควรแล้วหายไป นางอรพิม เฝ้าสังเกตอยู่ เห็นหนทางที่จะทำให้ท้าวปาจิตฟื้นจึงไปเอาเปลือกไม้มาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผลท้าวปาจิตเช่นกัน ท้าวปาจิตฟื้นขึ้นได้ช่วยกันเก็บเปลือกไม้ติดตัวไปเท่าที่จะนำไปได้แล้วออกเดินทางต่อไปยังนครธม


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    หลังจากรอนแรมกันมาเป็นเวลาพอประมาณ ก็มาถึงฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างมากไม่มีเรือแพหรือขอนไม้จะข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ จึงนั่งปรึกษาหาหนทางอยู่ ขณะนั้นมีเถนคนหนึ่ง ชาวบ้านเรียก เถนเรือลอย เพราะเถนลงเรือไปบิณฑบาตตามแม่น้ำเป็นประจำ เถนพายเรือผ่านมา ท้าวปาจิตขอร้องให้ช่วยส่งข้ามฟากให้ด้วย

    เถนเห็นนางอรพิมสวยมาก็คิดจะพานางไปกับตน จึงบอกว่าเรือลำนี้ขึ้นได้ครั้งละ 2 คนเท่านั้นมิฉะนั้นเรือจะล่ม ท้าวปาจิตจำต้องให้นางอรพิมไปกับเถนก่อน เถนพานางลอยน้ำไปเรื่อย ๆ ท้าวปาจิตจะเรียกอย่างไรก็มิได้หยุด จึงต้องพลัดพรากกันอีกครั้งหนึ่ง


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    นางอรพิมต้องคิดอุบายหนีจากเถนจนกระทั่งมาพบต้นมะเดื่อต้นหนึ่งสูงมาก ลูกดกเต็มต้นผลงาม ๆ น่ากินทั้งนั้น นางบอกเถนว่าอยากกินมะเดื่อ ให้เถนปีนขึ้นไปเก็บมาให้ เอาลูกที่งามที่สุดอร่อยที่สุดสุกที่สุดซึ่งจะอยู่บนยอดสูง เถนหลงเชื่อปีนต้นไม้ไปหาลูกมะเดื่อที่นางต้องการนางรีบเอาหนามมาสะไว้โคนต้น แล้วลงเรือพายหนีไป ก่อนไปได้สั่งไว้เป็นวาจาสิทธิ์ว่าให้เถนอยู่บนต้นมะเดื่ออย่าไปไหน เถนจึงตายอยู่บนต้นมะเดื่อนั่นเอง ก่อนตายได้แช่งให้มีแมลงหวี่มาเกิดในลูกมะเดื่อทุกลูกไป

    นางอรพิมพายเรือกลับมาหาท้าวปาจิตแต่ไม่พบ จึงจอดเรือแล้วขึ้นฝั่งเที่ยวตามหา


    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    จนพระอินทร์เกิดความสงสารลงมาประทานแหวนให้วงหนึ่งบอกนางว่า ถ้าสวมไว้ที่นิ้วชี้จะกลายร่างเป็นชายแต่ถ้าถอดออกสวมนิ้วอื่นจะกลายเป็นหญิงดังเดิม นางอรพิมจึง ควักนมทั้งสองข้างออกมา ปาเข้าป่า กลายเป็นต้น "นมนาง"

    จากนั้นนางจิกแก้มอวบอิ่มจิ้มลิ้มเป็นพวง เหวี่ยงทิ้งไปกลายเป็นต้น "แก้มอ้น" และควักโยนีขึ้นปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "โยนีปีศาจ" นางจึงสวมแหวนที่นิ้วชี้จึงกลายร่างเป็นชาย เดินติดตามท้าวปาจิตต่อไป พบใครที่ไหนก็สอบถามว่าเห็นใครรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ไหม รู้จักคนชื่อท้าวปาจิตไหม สอบถามจนทั่วแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้จักหรือเห็นเลย

    นางจึงร่อนเร่ไปโดยอยู่ในเพศชายตามลำพังจนกระทั่งมาถึงเมืองหนึ่ง ชื่อ จัมปากนคร เมืองจัมปากนครที่นางอรพิมมาถึงนี้ พระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองมีพระราชธิดาสวยงามมากแต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตาย หมอคนใดก็ช่วยไว้ไม่ได้ ชาวเมืองพากันร้องไห้อาลัยรักนางอยู่ นางอรพิมรู้เข้าก็อยากจะลองช่วยนางดู ให้คนพาไปเฝ้าพระมหากษัตริย์ทูลขออนุญาตรักษา เมื่อพระองค์อนุญาต

    นางอรพิมได้ใช้เปลือกไม้ที่ได้จากป่าคราวรักษาท้าวปาจิตมาเคี้ยวพ่นใส่พระราชธิดาจนฟื้นขึ้น พระมหากษัตริย์และพระญาติดีใจมาก ปรึกษากันว่าจะให้นางอรพิมอภิเษกกับพระธิดา แต่นางอรพิมบ่ายเบี่ยงว่าขอเวลาสักปีหรือสองปีให้ได้บวชเรียนและศึกษาศิลปศาสตร์ให้จบก่อน พระมหากษัตริย์จำต้องยอมตามใจ

    หลังจากนั้นไม่นานนัก นางอรพิมจึงขอลาไปตามหาท้าวปาจิตด้วยความรู้สึกสิ้นหวังว่า คงจะไม่พบกันเป็นแน่แล้ว นางไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งศึกษาพระธรรมวินัยจนมีความรู้แตกฉานมากพระในวัดและศิษย์ตลอดจนชาวบ้านก็ยกให้เป็นพระสังฆราช นางอรพิมให้สร้างโบสถ์ขึ้นหลังหนึ่งเขียนภาพเล่าเรื่องนางกับท้าวปาจิตที่ฝาผนัง ตั้งแต่ท้าวปาจิตได้อาศัยอยู่กับยายบัวจนถึงตอนนางมาบวชอยู่แต่ละตอนละเอียดครบถ้วนกระบวนความ

    นางสั่งไว้ว่า หากมีผู้ใดที่มาดูภาพเขียนฝาผนังแล้วร้องไห้ให้คนเฝ้าโบสถ์รีบไปบอกให้รู้ทันที วันหนึ่งท้าวปาจิตเดินทางมาถึงเมืองนี้ ได้เข้าพักอาศัยในโบสถ์ และนอนหลับไป ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ครั้นตื่นขึ้นมองไปรอบ ๆ เห็นภาพเขียนบนฝาผนังโบสถ์ ได้ลุกไปเดินดูโดยรอบ รู้ว่าเป็นเรื่องราวของตนกับนางอรพิม จึงทรุดลงร่ำไห้อยู่ตรงนั้น

    คนเฝ้าโบสถ์เห็นรีบนำความไปเล่าให้พระสังฆราชรู้ พระสังฆราชให้นำท้าวปาจิตไปพบ ท้าวปาจิตสอบถามความเป็นมาของรูปเขียน พระได้เล่าให้ฟังและบอกว่าตนคือนางอรพิม จากนั้นก็ถอดแหวนออกสวมที่นิ้วนาง กลายรูปเป็นหญิงตามเดิม ทั้งสองสวมกอดกันร่ำไห้ด้วยความยินดีเป็นที่สุด

    ท้าวปาจิตกับนางอรพิม


    แล้วนางอรพิมก็บอกลาชาววัดและชาวบ้านเดินทางกลับนครธม พระเจ้าอุทุมราชมีความยินดีมาก อภิเษกให้ท้าวปาจิตเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ทั้งสองครองเมืองกันอย่างมีความสุขสืบมา





    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=qoHRPJ0OJ_0



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=UCEEaDdkvfg



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=VbbZwBm7aRI




    ขอบคุณ
    thaigoodview.com
    kruaniruth.com
    oknation.net
    บ้านจอมยุทธ


    ภาพจาก
    kruaniruth.com




    ++++++++++++


    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #22
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ท้าวผาแดง - นางไอ่


    13. ท้าวผาแดง - นางไอ่



    ท้าวผาแดง - นางไอ่

    อักษรธรรม 8 ผูก วัดสุทธาวาส บ้านโสกใหญ่ ต.ลือ อ.พนา จ.อุบลราชธานี





    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=qXRA21P-vWM



    ท้าวผาแดง - นางไอ่



    เมืองสุวรรณโคมคำหรือเอกธีตา อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหนองแส เมืองเอกธีตานี้มีพระยาขอมเป็นผู้ปกครอง มีนางจันทร์เป็นมเหสี มีธิดาสาวสวยคนหนึ่งชื่อไอ่คำ พระยาขอมมีน้องชาย 2 คน ให้ไปครองเมืองเชียงเทียน และเมืองสีแก้ว มีหลาน 3 คนให้ไปปกครองเมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ และเมืองทอง

    นางไอ่คำเมื่ออายุได้ 15 ปี มีความงามเล่าลือไปทั่วทุกทิศจนกระทั่งไปเข้าหูของท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ท้าวผาแดงจึงขึ้นขี่ม้ามาแอบหานางไอ่ และได้สมัครรักใคร่กันแล้วสัญญากันว่า จะทำพิธีสู่ขอและแต่งงานกันตามประเพณีในไม่ช้านี้


    ยังมีเมืองอีกแห่งหนึ่งชื่อศรีสัตนาคนหุต มีสุทโธนาคครองเมือง มีโอรสชื่อภังคี สุทโธนาคนี้อพยพมาจากหนองแส เพราะผิดใจกับสุวรรณนาคผู้เป็นสหายเนื่องมาจากการแบ่งเนื้อเม่น คือ สุทโธนาคไม่พอใจเพราะได้น้อย คิดว่าสุวรรณนาคเล่นไม่ซื่อจึงเกิดการทะเลาะกันเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ เดือดร้อนถึงพระอินทร์ต้องส่งเทพบุตรลงมาห้ามศึกสงคราม และเทพบุตรได้แบ่งเขตให้ทั้งสองอยู่คือ



    สุวรรณนาคปกครองฝั่งใต้
    สุทโธนาคครองฝั่งเหนือและตะวันออก


    ท้าวผาแดง - นางไอ่


    โดยแบ่งลงไปจรดฝั่งทะเล นาคทั้งสองจึงขุดคลองจากหนองแสลงสู่ทะเล โดยสุวรรณนาคขุดแม่น้ำน่านหรือโพระมิง ตั้งเมืองนันทบุรี ส่วนสุทโธนาคขุดแม่น้ำโขง และตั้งเมืองศรีสัตนาคนหุต

    ครั้นถึงกลางเดือนหกพระยาขอมจะทำบุญบั้งไฟ จึงมีใบบอกบุญไปยังหัวเมืองต่างๆ ที่เป็นบริวารให้ทำบั้งไฟไปร่วมจุดในงาน ท้าวผาแดงไม่ได้รับใบบอกบุญ แต่ได้ทราบข่าวจึงจัดบั้งไฟหมื่นไปร่วมบุญด้วยแล้วได้พบนางไอ่คำ

    เป็นครั้งที่สอง และได้รับการต้อนรับอย่างดี ในการจุดบั้งไฟ พระยาขอมให้มีการพนันกันว่าถ้าบั้งไฟของใครชนะจะให้ทรัพย์สมบัติและนางสนมกำนัล สำหรับท้าวผาแดงนั้นจะยกนางไอ่คำให้

    ในเวลาจุดปรากฏว่าบั้งไฟของเมืองอื่นๆ ขึ้นหมด ส่วนของพระยาขอมไม่ขึ้น (ซุ) และของท้าวผาแดงแตกกลางบั้ง แต่พระยาขอมก็เฉยเสียไม่ทำตามสัญญา เจ้าเมืองต่างๆ จึงพากันกลับหมด

    ส่วนท้าวผาแดงก็กลับเมืองของตนพร้อมกับความทุกข์เพราะความรักและบั้งไฟไม่ขึ้น งานบุญบั้งไฟนั้นท้าวภังคี ลูกชายสุทโธนาคไม่ได้นำบั้งไฟมาร่วมด้วย แต่ได้แปลงกายมาร่วมงานด้วย และได้หลงรักนางไอ่คำด้วยเช่นกัน
    แต่ไม่มีโอกาสเข้าใกล้นางได้ จึงกลับบ้านไปด้วยความรักเต็มอก ครั้นถึงเมืองศรีสัตนาคนหุตแล้วก็ไม่เป็นอันกินอันนอน จึงลาพ่อเพื่อมาหานางไอ่คำอีก พ่อได้ห้ามไว้แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้

    เมื่อมาถึงเมืองเอกธีตาแล้วท้าวภังคีแปลงกายเป็นกระรอกด่อน (กระรอกเผือก) ส่วนบริวารก็แปลงเป็นสัตว์ กระรอกด่อนภังคีแขวนกระดิ่งไว้ที่คอด้วย ได้ปีนป่ายกระโดดไปตามต้นไม้ใกล้ปราสาทของนางไอ่คำสายตาสอดส่ายหานางไอ่คำ นางไอ่คำเห็นกระรอกก็อยากได้จึงให้ตามนายพรานมาจับ นายพรานได้ยิงกระรอกด่อนด้วยธนู ก่อนตายกระรอกด่อนได้อธิษฐานว่า "ขอให้เนื้อข้าจงเอร็ดอร่อย และมีกินแก่คนทั้งเมือง" เมื่อกระรอกด่อนตายแล้วชาวเมืองก็แบ่งเนื้อกันกิน ยกเว้นแม่ม่าย เพราะเขาถือว่าไม่ได้ช่วย


    ท้าวผาแดง - นางไอ่



    ฝ่ายบริวารของภังคีเห็นเจ้านายของตนเสียทีเขาแล้ว ก็รีบกลับไปบอกท้าวสุทโธนาค ท้าวสุทโธนาคโกรธมาก จึงเกณฑ์ไพร่พลนับหมื่นเพื่อถล่มพระยาขอม ใครกินเนื้อภังคีต้องเอาให้ตายทั้งหมด กองทัพนาคจึงมุ่งสู่เมืองพระยาขอมทันที

    ในขณะเดียวกันท้าวผาแดงคิดถึงนางไอ่คำจนทนอยู่ไม่ได้ จึงรีบขึ้นม้าบักสามจากเมืองผาโพงสู่เอกธีตา เมื่อมาถึงนางไอ่คำก็ต้อนรับด้วยความดีใจ พร้อมทั้งจัดอาหารมาเลี้ยง เมื่อท้าวผาแดงรู้ว่าเป็นเนื้อกระรอกก็ไม่กิน

    แล้วบอกนางไอ่คำว่ากระรอกนี้ไม่ใช่กระรอกธรรมดา เป็นท้าวภังคีแปลงตนมา ใครกินเนื้อกระรอกแล้วบ้านเมืองจะถล่มถึงตาย พอตกกลางคืนกองทัพนาคก็มาถึงเมือง แผ่นปฐพีจึงถล่มโครมครามไปทั่ว

    ท้าวผาแดงจึงให้ไอ่คำเตรียมข้าวของบางสิ่งที่พอจะเอาไปได้ เช่น แหวน ฆ้อง และกลองประจำเมือง แล้วรีบขึ้นม้าซ้อนท้ายตนแล้วควบม้าบักสามออกจากเมืองทันที พญานาครู้ว่าไอ่คำกินเนื้อกระรอก กำลังหนีไปจึงติดตามไปติด ๆ


    ท้าวผาแดง - นางไอ่


    แผ่นดินก็ถล่มไปไม่หยุด นางไอ่คำต้องโยนฆ้องและกลองทิ้ง สุดท้ายก็โยนแหวนทิ้งเพราะเข้าใจว่าพญานาคตามมาเอาสิ่งเหล่านี้ แต่พญานาคก็ยังตามมาอีก ม้าบักสามก็ค่อย ๆ หมดแรงลง พญานาคตามมาทันแล้วเอาหางตวัดเกี่ยวเอาตัวนางไอ่คำลงมาจากหลังม้าจมน้ำหายไป ส่วนท้าวผาแดงก็ควบม้าหนีต่อไป บ้านใครที่ได้กินเนื้อกระรอกก็ได้ถล่มทลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่คือหนองหานนั่นเอง เหลือแต่บ้านแม่หม้ายที่ไม่ได้กิน จึงกลายเป็นดอนแม่หม้ายจนทุกวันนี้


    ท้าวผาแดง - นางไอ่


    ท้าวผาแดงกลับไปถึงเมืองผาโพงแล้ว เสียใจที่สูญเสียคนรักไปต่อหน้าต่อตา จึงอธิษฐานต่อเทพยดาว่าจะขอตายเพื่อไปสู้เอานางไอ่คำกลับคืนมา และตรอมใจตายเป็นหัวหน้าผีได้นำกองทัพผีไปต่อสู้กับพญานาค กองทัพผีกับกองทัพพญานาคได้ต่อสู้กันอยู่นาน น้ำในบึงในหนองขุ่นข้น ดินบนบกกลายเป็นฝุ่นตลบไปหมด ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาระงับศึก ให้ทุกฝ่ายตั้งสติ เหตุทั้งหลายเป็นเพราะบุพกรรม และเลิกแล้วต่อกัน



    การ์ตูน ผาแดง นางไอ่



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=Gv0C7gAFiwk



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=A-24GmHUGsU



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=nE0gDrvc2Ws




    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=b2yiCk6feFI


    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=x_a3rAsWdWM



    ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=GC0E9dN5vDo



    ++++++++++++++++




    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  3. #23
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)


    14. ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)



    ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)
    อักษรธรรม 8 ผูก วัดเวฬุวัน ต.กุดยางลวด อ.ตระการพืชผล จ. อุบลราชธานี




    ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)



    พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นวัวตัวใหญ่ เรียกว่า วัวทอง เป็นสัตว์เลี้ยงของนายพรานป่า ผู้ที่เลี้ยงวัวทองคือ ท้าวอุ่นหล้า ลูกชายของนายพรานป่า

    ต่อมานายพรานป่าได้นางผีปอบมาเป็นภรรยาคนที่สอง นางผีปอบจับแม่ของท้าวอุ่นหล้ากินเสีย วัวทองจึงพาอุ่นหล้าหนีไปอยู่ที่อื่น

    ระหว่างทางวัวทองได้ช่วยงูซวง สู้กับพญานาคได้ชัยชนะ ท้าวอุ่นหล้าและวัวทองไปอาศัยกับย่าจำสวน คือหญิงชราที่เฝ้าสวนกษัตริย์


    ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)


    ท้าวอุ่นหล้าเที่ยวพนันชนวัวและได้ข้าวห่อมาเลี้ยงชีวิต หลานเจ้าเมืองนำวัวมาท้าชน แต่แพ้ ทำให้เจ้าเมืองไม่พอใจ จึงท้าให้วัวทองไปสู้รบกับปลิงใหญ่ที่เจ้าเมืองเลี้ยงไว้
    ท้าววัวทองและปลิงใหญ่ต่อสู้กันจนตาย วัวทองได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ แต่คอยช่วยเหลือท้าวอุ่นหล้า ให้พ้นจากการจองเวรของเจ้าเมือง เช่น

    เจ้าเมืองแกล้งให้ท้าวอุ่นหล้าถางป่าดงกว้างให้เสร็จภายในหนึ่งวัน เทพบุตรวัวทองก็ลงมาช่วย ต่อมาเจ้าเมืองให้ท้าวอุ่นหล้าสร้างเจดีย์ สะพานเงิน สะพานทองกลางน้ำ เทพบุตรก็ลงมาช่วย


    ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)


    เมื่อเสร็จแล้วเจ้าเมืองไปยืนบนสะพาน สะพานได้หักลง เจ้าเมืองจมน้ำสิ้นชีวิต ประชาชนจึงเชิญท้าวอุ่นหล้าเป็นเจ้าเมืองแทน เมื่อได้เป็นพระยาครองเมืองแล้ว ท้าวอุ่นหล้าก็ไม่ลืมคุณบิดา จึงขอร้องให้เทวดาและพญาครุฑไปรับพ่อมาอยู่ด้วย





    ขอบคุณ
    jannjar.wopop.com
    baanjomyut.com
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  4. #24
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ เปี๊ยกครับ
    วันที่สมัคร
    Apr 2012
    กระทู้
    156
    ขอบคุณครับสำหรับวรรณกรรมหรือนิทานอิสานบ้านเฮาครับ

  5. #25
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ หนุ่มน้อย
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    กระทู้
    549
    บล็อก
    21
    ขอขอบคุณครูเล็ก Khonsurin มากๆครับ ที่นำวรรณกรรมพื้นบ้านอิสาน
    มาไว้ที่บ้านมหาดอตคอม รุ่นลูกรุ่นหลานจะได้ยินได้ฟังบ้างก็ตอนนี้แหละครับ
    เป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะครูผู้สอนระดับอนุบาล ระดับประถม
    อาจนำไปใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อไป

  6. #26
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ท้าวสิงกาโลกระต่ายคำ


    15 ท้าวสิงกาโลกระต่ายคำ



    ท้าวสิงกาโลกระต่ายคำ

    อักษรธรรม 8 ผูก วัดโดนสว่าง บ้านโนนขุมคำ ต.พังเคน อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี




    ท้าวสิงกาโลกระต่ายคำ




    พญากาสีและนางประทุมาทรงมีโอรสที่เมื่อถือกำเนิดมามีรูปร่างคล้ายกระต่ายมากกว่าคน จึงทำให้พญากาสีสั่งให้นำบุตรไปทิ้งเสีย

    ด้วยความรักลูกนางประทุมาไม่ยอมจึงถูกเนรเทศให้ไปอยู่ในป่าพร้อมโอรสที่ได้นามว่า ท้าวสิงห์กาโลกระต่ายคำ และมีนางหล้า มเหสีอีกองค์ตามเสด็จไปอยู่ด้วย

    ทั้งสามใช้ชีวิตอยู่กลางป่า สัตว์ป่าทั้งหลายต่างก็เป็นมิตรกับท้าวสิงห์กาโลกระต่ายคำ โดยเหตุที่เป็นคนดี

    ต่อมานางหล้าก็คลอดโอรสออกมาได้นามว่า สุวรรณคิรี เมื่อทั้งสองกุมารเติบโตเป็นหนุ่มก็คอยปฏิบัติหุงอาหาร เลี้ยงดูมารดาเรื่อยมา

    วันหนึ่งสองกุมารเดินป่าได้กับพบนางไกษรลูกสาวฤาษี ส่วนสุวรรณคิรี ผู้น้องได้นางไกษรมาเป็นภรรยา

    ต่อมากิติศัพท์ความดีของท้าวสิงห์กาโลกระต่ายคำ ได้ยินไปถึงหูพระบิดาเข้า พระองค์ทรงคิดถึงมเหสีและโอรสจึงให้สร้างถนนมารับโอรสกลับไปครองเมือง




    จาก
    lib.ubu.ac.th



    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  7. #27
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ท้าวโสวัจ


    16. ท้าวโสวัจ



    ท้าวโสวัจ

    อักษรธรรม 2 ผูก วัดโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี





    ท้าวโสวัจ



    ท้าวโสวัจเป็นโอรสของท้าวพรหมทัตกับนางจันทาเทวี เกิดมาพร้อมกับพระขรรค์และม้ามณีกาบ

    เมื่อเจริญวัยได้รับสารเสี่ยงทายมาตามน้ำเพื่อหาเนื้อคู่ของนางประทุมมา ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของพระฤาษี จึงตามไปพบและได้อยู่กินฉันท์สามีภรรยา

    วันหนึ่งทั้งสองออกไปหาผลไม้ในป่า ท้าวโสวัจถูกนายพรานลอบประหารชีวิตชิงเอานางประทุมมาไป ภายหลังนางประทุมมาลอบสังหารนายพรานแล้วก็พเนจรไปเรื่อยๆ

    พระฤาษีคอยคนทั้งสองไม่เห็นกลับมาจึงออกติดตาม ไปพบท้าวโสวัจนอนตายอยู่จึงชุบชีวิตใหม่แล้วสอนวิชาอาคมให้

    เมื่อเรียนสำเร็จแล้วท้าวโสวัจได้ออกติดตามหานางประทุมมาจนล่วงเข้าไปในเมืองยักษ์ และลักลอบได้เสียกับลูกสาวยักษ์ชื่อนางสุภะลักษณ์จนตั้งครรภ์

    ท้าวโสวัจได้ออกเดินทางตามหานางประทุมมาอีก ส่วนนางสุภะลักษณ์ออกตามหาท้าวโสวัจแต่ไปพบนางประทุมมาซึ่งครรภ์แก่ นางสุภะลักษณ์ช่วยทำคลอดให้นางประทุมมา

    ผลปรากฏว่าได้ลูกชาย ต่อมานางประทุมมาถูกงูกัดตาย นางสุภะลักษณ์จึงเลี้ยงลูกน้อยพเนจรเรื่อยไปจนถึงเมืองกุมารี เมืองนี้มีแต่ผู้หญิงไม่มีผู้ชาย เจ้าเมืองรับนางไว้เป็นน้อง

    นางประทุมมานั้นพระอินทร์ได้ลงมาช่วยชุบชีวิตขึ้นใหม่และนางก็บวชเป็นชี ส่วนท้าวโสวัจเดินทางตามหานางประทุม มาพบกับลูกสาวพญานาคและได้นางนาคเป็นภรรยาอีกคน

    แล้วเดินทางต่อไป เมื่อพบนางประทุมมาที่บวชเป็นชีแล้วจึงให้สึกแล้วเดินทางออกตามหานางสุภะลักษณ์จนพบที่เมืองกุมารี

    ท้าวโสวัจได้นางกุมารีที่เป็นเจ้าเมืองเป็นภรรยาอีกคน และท้าวโสวัจก็ไปตามเอานางนาคที่เมืองบาดาลให้มาอยู่ในเมืองมนุษย์ด้วยกัน

    ทั้งหมดพากันกลับไปยังเมืองของท้าวโสวัจและครองราชย์อย่างมีความสุข






    จาก
    baanjomyut.com

    ภาพสมมุติประกอบเรื่อง
    จาก www.gotoknow.org/





    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 3 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 123

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •