ต้องจัดการล้างค่ะ เปิดน้ำใส่แรงๆ ล้างหลายๆครั้งมาหมายค่ะ ไม่งั้นดินออกไม่หมด กินไม่ได้ น่าจะซักยี่สิบครั้งได้ กลัวเสียอร่อยค่ะ ล้างเสร็จก็จะออกมาสวยงามแบบนี้ค่า..
ขั้นตอนต่อไป..เมื่อสมัยสักยี่สิบปีที่แล้ว จขกท เคยเห็นแม่ค่อยๆ แกะปูทีละตัว แล้วเอาส่วนตัวปูที่มีเนื้อติดไปตำในครก ตำๆๆๆๆๆๆๆ จนละเอียด แล้วจึงเอาน้ำปล่าวๆ ใส่ลงไป คนๆ ให้เนื้อปูละลายออกมาจากตัวปู แล้วจึงกรองเอาเฉพาะน้ำปูด้วยตะแกรงค่ะ
แต่ ณ ปี 2555 จขกท ได้จัดการเอาเจ้าปูที่นอนแน่นิ่งลงในโถปั่นค่ะ เติมน้ำลงไป แล้วปั่น โลด...ผลออกมา ดีกว่าการตำแฮะ จากนั้นนำมากรองเช่นเดิม ระหว่าที่กรองผ่านตะแกรงจะกรองยากสักนิดเนื่องจาก เนื้อปูข้นมาก ต้องค่อยๆ หยอดน้ำใส่ลงไปแล้วเอาทัพพีคนๆ ช่วยให้การกรองสะดวกขึ้นค่ะ กรองเสร็จแล้ว ใส่หม้อตั้งไฟเลยค่ะ
ต้มไปเรื่อยๆ นะคะ ใช้ไฟปานกลางนะคะ จนกว่าน้ำจะงวด เหลือพอดี จุดนี้สำคัญนะคะ ถ้าขั้นตอนการปั่นและกรองใส่น้ำเยอะ น้ำปูของเราจะไม่เข้มข้น ใช้เวลาต้มนาน ต้องกะให้พอดีนะคะ ขั้นตอนการทำคล้ายการทำน้ำปู๋ของภาคเหนือค่ะ สังเกตุดูระหว่างน้ำปู กับเนื้อปูประมาณนี่นะคะ
นอกจากจะทำเป็นลาบปูแล้ว ยังสามารถเอาน้ำปูนี้ทำเป็นน้ำแกงต่างๆได้เลยนะคะ เช่นแกงเลียง แกงอ่อม แกงส้มค่ะ หรือน้ำยาขนมจีนก็ได้นะคะ จะได้รสชาดของน้ำปูที่หวาน อร่อยมากค่ะ ติดใจ ต้องหามากินทุกปีเมื่อเข้าหน้าหนาวค่ะ
ได้ที่แล้วยกลงนะคะ เตรียมเครื่องลาบทั่วไป พริกป่น ข้าวคั่ว เน้นแบบทำเองนะคะ น้ำปลา เกลือ ต้นหอมผักชี ผงชูรสไม่ต้องค่ะ เพราะปูหวานมาก และเพิ่มมาพิเศษคือมะกอกค่ะ มะกอกมีรสเปรี้ยว บางทีใช้แทนมะนาวเลยนะคะ ใครที่เคยทานส้มตำลาว ไอ้เจ้าลูกที่เม็ดรีๆ น่ะค่ะ ใช่เลย มะกอก...
หน้าตาก่อนปรุงค่ะ
จัดหนักไปเลย พริก ข้าวคั่ว เกลือ มะนาว น้ำปลา
ใส่มะกอกค่ะ บีบๆๆ เอาเฉพาะน้ำนะคะ เปลือกกับเม็ด ทิ้งไป..
บีบแล้วเป็นแบบนี้ จากนั้นก็คนซะ ให้เข้ากัน
ได้ออกมาแบบนี้ พร้อมอร่อยแบบโบราณๆ อิสานๆ แซบหลายเด้อ
โอยยยยยน้ำลายพุ่ง
โปรดมากเลยค่ะ เมนูนี้ ^_____^
เครดิต http://topicstock.pantip.com
Bookmarks