********************
นิทานก่อนนอน....ของเรา (3)
********************
ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันนทร์
ในตอนเล็กๆ ชองเล่นที่ชอบก็คือ เล่นขายของ กับ เล่นหม้อข้าวหม้อแกง เวลาเล่นขายของ ก็จะเดินไปเก็บใบไม้ นำมีดโกณเหลาดินสอ อันละหนึ่งบาท เอาไม้รองเป็นเขียงหั่นใบไม้สดเป็นฝอยๆๆ สมมุติว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวบ้าง ใส่ถ้วยเล็กๆ ที่ทำจากฝากระป๋องแป้งต่างๆๆ มีจานเล็กๆ ที่อ้อนแม่ให้ซื้อมาเล่นขายของ
หั่่นผักเสร็จแล้วก็ใส่ในฝากระป๋องแป้ง แล้วสมมุติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ไปตามเรื่อง ก็เริ่มแล้วละครแสดงคนเดียว
"ซื้ออะไรคะ คุณนาย"
"อ๋อซื้อก๋วยเตี๋ยวหนึ่งถ้วยค่ะ"
มือเราก็หยิบใบไม้ที่หั่นจากจนนั้นจานนี้ มาใส่จานน้อยที่ซื้อมา แล้วก็ ยื่นไป เสร็จแล้วเราก็ทำท่ารับไป แล้วเอาใบไม้ยื่นมาเป็นเงิน
"ถ้วยละเท่าไรคะ" เราที่แสดงเป็นคนซื้อของก็บอก พร้อมหยิบจานสมมุติอีกเหมือนกันว่าเป้นก๋วยเตี๋ยว
"ราคาห้าบาทค่ะ" แม่่ค้า ก็คือเราเองอีกนั่นแหละ
ก็เราอีกนั่นแระ หยิบสตางใบไม้ให้ แม่ค้า (ก็เรานั่นแหละ) ไป
โอ้ย...สนุกมาก ยิ่งเวลาน้อยงชายมาเล่นด้วย เขาก็เล่นไม่นานเพราะเขาจะไปขี่ควายลูกเดียว
ถ้าวันไหนอยากเป็นแม่ค้าขนมครก ก็จะกวาดดินแถวนั้น แล้วเจาะเป็นวงกลมๆ เลียนแบบเตาขนมครก เลย ต่อไปไม่ยาก กอบดินบริเวณนั้น มาใส่กระป๋องใบหนึ่งเอาน้ำใส่ กวนด้วยช้อนให้ผสมกันข้นๆๆ แล้วหยอดลงเตาที่ทำไว้ พอหยอดไปดินแห้ง เราก็เอาช้อนเกาๆ ตักมาวางบนกระดาษ แล้วสมมุติว่าเป็นขนมครก แล้วก็ซื้อเองขายเองอยู่อย่างนี้น
บางทีความสุขเล็กน้อยๆ ก็ช่วยปลอบใจเราให้มีความสุขกับเขาได้บ้าง หลังวิถีชีวิตมีขึ้นมีลงไปตามวิถีของแต่ละชีวิต
ความบริสุทธิ์สะอาด สดใจในไวเด็กก็พอทำให้มีความสุขได้บ้างเลยละ....
นอนฟังนิทานยายไป ในปากก็มีอมยิ้มไป ...เพลิดเพลินกับแสงดาวที่กล่อมนิทรารมณ์ ให้พราวพราวในหัวใจเด็กน้อยคนหนึ่งเลยละ
ตำนานของนางศรีพระจันทร์ที่ทอผ้าใยบัว หวังให้บิดาพ้นจากการตรึงศรของหนุมาณ ที่ได้รับคำสั่งมาจากพระราม ให้มาตรึงศรท้าวกกขนากทุกสามปี...
ภาพที่เราเห็นคือ นางศรีพระจันทร์ช่างขยันจังเลย อยากเห็นนผ้าใยบัวจะเป็นอย่างไร แล้วเราก็หลับไปก่อนที่ จะหลับเสียงฮูกทอผ้าจากใยบัวก็ดัง ปึก ปึก ปึก....จากนั้นหนังตาของเราก็เริ่มหรี่ลงไปเรื่อยๆ...มือก็คลำนั่นคลำนี่ของยาย ปากก็ดูดอมยิ้มไป ....จากนั้นก็ไปค้นหาผ้าทอใยบัว ของนางศรีพระจันทร์....ในนิทรา....แล้วละเน๊อะ....
++++++++++++++++++++++++++
ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์
ในศึกรามเกียรติ์เมือ่พระรามมีชัยชนะเหนือทศกัณฐ์อย่างเด็ดขาดแล้ว พระองค์ก็ปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่แม่ทัพนายกองโดยถ้วนหน้า
หนุมาณยอดทหารเองนั้น เนื่องจากพระรามเห็นว่าเหนื่อยมามากแล้วและมีความดีความชอบมากมายจึงพระราชทานเมืองหนึ่งให้ปกครองโดยแผลงศรแล้วให้หนุมานตามไป ศรตกลงที่ใด ก็ได้เป็นเจ้าเมืองนั้น
หนุมานใช้ฤทธิ์เหาะตามศรของพระรามมาอย่างกระชั้นชิดทีดียว ในที่สุดศรก็มาตกที่เมืองลพบุรี และใช้หางกวาดตะล่อมดินให้พูนไว้เป็นเครื่องหมาย ด้วยเหตุนี้เองพื้นที่ของเมืองลพบุรีจึงมีสภาพสูงคล้ายกับเกาะ ส่วนลูกศรของพระรามนั้นมีอานสุภาพร้ายแรง จึงทำให้เกิดความร้อนระอุจนดินสุกเป็นสีขาวทั่วไป ซื่อดินชนิดนี้ก็คือ ดินสอพอง
ศรของพระรามแผลมานนั้น ได้ชื่อว่า ศรพรหมาสตร์
จุดที่ศรตก เรียกว่า ทุ่งพรหมมาสตตร์
ซึ่งก่อนที่จะแผลงศรนั้น พระรามได้ชุบศรที่ทะเลหรือแหล่งน้ำกว้าง จึงเรียกว่า ทะเลชุบศร
หลังจากหนุมานสร้างบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับพระราชทาน ก็ตั้งชื่อเมืองว่า เมืองลพบุรี ซึ่งหมายถึงเมืองของพระลพ พระโอรสองค์หนึ่งของพระราม
ศรของพระราม ก็ถูกอัญเชิญไปไว้ที่ศาล เรียกว่า ศาลลูกศร โดยมีความเชื่อว่าจะต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลามิฉะนั้นจะร้อนระอุ ทั่วเมืองลพบุรี
เรื่องราวของท้าวกกขนาก มีอยุ่ว่า
เมื่อเสร็จศึกทศกัณฐ์ แล้ว พระรามได้ถามพระยาพิเภกว่า พวกยักษ์ตายหมดหรือยัง ซึ่งพิเภกลมว่าตนก็เป็นยักษ์เหมือนกัน จึงพูดว่า ยังเหลือเพียงยกกกขนาก อีกตนหนึ่ง
พระรามจึงใช้ต้นกกมาทำเป็นศร แล้วแผลกไป...หารยักษ์ที่ยังหลงเหลืออยุ่ พิเภกจึงถูกศรไปด้วย
ท้าวกกขนาก เมื่อถูกศรแล้วก็ปลิงมาตกที่ภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่าเขาวงพระจันทร์ และพระรามได้สาบให้ยักกกขนากทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่จนกว่าพระศรีอาริย์จะมาโปรด
ด้วยเหตุนี้นางศรีพระจันทร์ ลูกของท้าวกกขนากจึงมาอยู่คอยปรนนิบัติดูแลผู้เป็นบิดา และพยายามทดผ้าผืนหนึ่ง จากใยบัว เพื่อทำเป็นจีวร สำหรับถวายพระศรีอาริย์ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าอันดับที่ 5
ศรที่ตรึงร่างท้าวกกขนากจะขยับทุกๆ 3 ปี หนุมานจึงให้ไก่แก้วคอยเฝ้าดู เมื่อห็นว่าศรเขยื้อนจะหลุดให้ไก่แก้วส่งเสียขันขึ้น หนุมานก็จะเหาะมาตอกศรให้แน่นอย่างเดิม และทุกครั้งที่หนุมานตอกศร จะเกิดไฟลุกไหม้
ดังนั้นชาวเมืองลพบุรีต้องคอยระวังเป็นพิเศษเพราะมักจะเกิดไฟไหม้เมืองทุก 3 ปี
ศรของพระรามนั้นหากถูกราดด้วยน้ำส้มสายชูก็จะหลุดออกได้ จึงมีเรื่องเล่าว่า มีหญิงสาวถือขวดมาหาซื้อน้ำส้มสายชู เมื่อชาวเมืองลพบุรีรู้ว่าเป็นนางศรีพระจันทร์ ก็ไม่ยอมขายให
ระหว่่างทนทุกข์ทรมานอยู่นั้น วันหนึ่งมีพระสองรูปธุดงค์มาในป่า จนถึงเขาวงพระจันนท์ และพบกับร่างของท้าวกกขนากเป็นหิน นอนยาวเหยียดอยู่ในถ้ำ มีชายชราปรากฏตัวขึ้น พระธุดงค์จึงของพักอาศัยในสถ้ำ และถามทางที่จะธุดงค์ต่อไป
วันรุ่งขึ้น นางศรีพระจันทร์กลับมาจากการหาซื้อน้ำส้มสายชู และได้นำอาหารถวายพระธุดงค์ แต่ไม่เห็น จึงถามท้าวกกขนากว่า พระสองรูปหายไปไหน ท้าวกกขนากบอกว่า เห็นแมลงวันสองตัวผ่านมาเลยเอาลิ้นตวัดเข้าไปในปาก
นางศรีประจันทร์จังว่า หากยัทำกรรมอยู่เช่นนี้จะมีโอกาสเป็นอิสระได้อย่างไร นับแต่นึ้นมาร่างของท้างกกขนากก็กลายเป็นหินไปอย่างถาวร
ส่วนนางศรีพระจันทรน์ รออยู่เป็นเวลานานหลายปีไม่เห็นพระศรีอาริย์มาโปรดจึงโทมนัส ระบายความคับแค้นออกมาเป็นเสียงเพลงในทุกคืนวันเพ็ญ และในที่สุดนางก็ตรอมใจตาย ณ ภูเขาลูกนั้น ที่ชื่อว่า ภุเขาวงพระจันทร์
++++++++++++++++++++
Bookmarks