โพธิญาณพฤกษา
พันธุ์ไม้ที่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ประทับตรัสรู้



: ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)



โพธิญาณพฤกษา
พันธุ์ไม้ที่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ประทับตรัสรู้


ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)

ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ตำราชินกาลมาลีปกรณ์ กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 พระนามว่า “พระสรณังกรพุทธเจ้า” และในพระไตรปิฎกเล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25 ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ วิปัสสีพุทธวงศ์ กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 22 พระนามว่า “พระวิปัสสีพุทธเจ้า” ซึ่งทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม ทั้งสองพระองค์ได้ประทับตรัสรู้ ณ ควงไม้แคฝอย เช่นเดียวกัน

ต้นแคฝอย มีชื่อเรียกในภาษาบาลีว่า “ต้นปาตลีหรือต้นปาฏลิ” (Patali หรือ Patli) เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งจัดอยู่ในวงศ์ BIGNONIACEAE มีชื่อพื้นเมืองที่เรียกกันต่างไปในแต่ละท้องถิ่นของไทย คือ แคฝอย (กรุงเทพฯ), ศรีตรัง (ตรัง) เป็นต้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิล นิยมปลูกกันทั่วไปในเขตร้อนแถบเอเชีย เช่น อินเดีย มาเลเซีย พม่า เวียดนาม ฯลฯ

ต้นแคฝอย มีอยู่ 2 ชนิด คือ 1. ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda minosifolia D.Don

2. ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ซอกใบตามกิ่งและปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda filicifolia D.Don ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปในประเทศไทย โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เจ้าเมืองตรัง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้นำมาปลูกครั้งแรกที่เมืองตรัง ในปี พ.ศ.2444 ดังนั้น แคฝอยจึงเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “ศรีตรัง”



: ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)


เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูงประมาณ 4-10 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-30 ซม. เปลือกสีน้ำตาลอ่อนปนเทา เรือนยอดโปร่ง ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อยขนาดเล็ก ปลายใบแหลม โคนใบมน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามกิ่ง ดอกมีสีม่วงปนน้ำเงิน กลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกติดกันเป็นรูประฆังยาว 3-4 ซม. ปลายแยกกันเป็น 5 กลีบ

ผลเป็นฝักแบนๆ ฝักแก่สีน้ำตาลอมเทา จะแตกทั้งสองซีก เมล็ดมีขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้ม มีปีกใสๆ 2 ปีก ปลิวตามลมได้ จะผลัดใบในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ และจะออกดอกราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกจะบานพร้อมๆ กัน และคงอยู่ประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นจะร่วงโรยไป

ต้นแคฝอย เป็นไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแทบทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคารและถนนหนทางต่างๆ เพราะยามออกดอกจะผลัดใบเกือบหมด ดอกบานพร้อมกันเป็นสีม่วงทั้งต้นแลดูสวยสดงดงาม

แคฝอยหรือศรีตรังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพร คือ ใบแห้ง ใช้ในการรักษาบาดแผล เปลือกไม้ ใช้ทา ล้างแผลเปื่อยแผลพุพอง และเปลือกไม้และใบไม้ ใช้ผสมกันรักษาโรคซิฟิลิสและโกโนเรีย ส่วน เนื้อไม้ มีรสเฝื่อน ฝาด แก้ท้องบวม ขับพยาธิ ตกเลือด

ด้วยเหตุที่เนื้อไม้มีลักษณะบางเบา มีลายสวยงาม และมีกลิ่นหอม จึงมักนำมาใช้ทำเป็นโครงของเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น พื้นปาร์เก้ กีตาร์ เป็นต้น

ปัจจุบัน ศรีตรังเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดตรัง



: ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)



เครดิต : เวปธรรมจักร.เน็ต/บ้านมหา.คอม