ผักโขม ทำให้คุณแข็งแรงเหมือน POPEYE
เมื่อพูดถึง POPEYE ก็คงจะต้องนึกถึงชายผู้ที่จะแข็งแรงกำยำเมื่อได้กินผักขมเข้าไป ถ้าหลายคนเคยดูก็คงจะนึกใจใจว่า กินผักโขมแล้วแข็งแรงแบบ POPEYE ได้จริงๆเหรอ แต่ตอนนี้ มีผลการวิจัยออกมาแล้วนะครับ ว่าจริง เพราะสารไนเตรทในผักขมนั่นเอง
โดยนักวิจัย ในเมืองสต็อคโฮม ประเทศสวีเดนได้ทำการศึกษาสารไนเตรทที่มีอยู่มากในผักโขม โดยการแบ่งหนูทดลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้กินน้ำที่ผสมสารไนเตรท กลุ่มที่ 2 ได้กินน้ำที่ไม่ผสมสารไนเตรท ทดลองเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ปรากฏว่า หนูกลุ่มที่น้ำที่ผสมสารไนเตรทเข้าไปมีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากกว่าเดิม
ซึ่งผลการวิจัยก็สรุปได้ว่า สารไนเตรทที่มีอยู่มากในผักโขม และในผักอื่นๆ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น เพราะว่า ไนเตรท จะไปช่วยเพิ่มจำนวนของโปรตีนในกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น และหากคุณทานผักไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผักโขมนะครับ เพียง 3 ถ้วยต่อวัน คุณก็จะได้ไนเตรทที่เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณอยากจะกินแต่ผักโขม ก็แค่ 2 ถ้วยต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่มากเลย และราคาไม่แพง และหากคุณออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย กล้ามเนื้อของคุณน่าจะแข็งแรงมากๆ เลยละ
ผักโขม ผักขม หรือผักโหม นั้น เป็นผักที่นอกจากจะมีรสชาดอร่อยแล้ว ยังอุดมด้วย วิตามินเอ กรดโฟเลต แคโรทีน โปรแตสเซียม และเบต้าแคโรทีน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อยู่มากอีกด้วย สำหรับผักโขมที่ปลูกกันอยู่ในบ้านเรานั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
ผักโขมชนิดใบเขียว หรือผักโขมสวน ซึ่งขึ้นได้ดีในทุกภาค สามารถเก็บยอดอ่อนมาประกอบอาหารรับประทานได้เรื่อยๆ และมีอายุยาวกว่าผักโขมชนิดอื่น
ผักโขม ชนิดที่สอง คือ ผักโขมใบสามสี จะมีลักษณะต้นที่เล็กออกดอกง่าย จึงควรรีบเก็บเกี่ยวไปประกอบอาหารก่อนออกดอก โดยการเก็บจะเก็บทั้งต้นและรากคล้ายการเก็บผักบุ้งจีน ผักโขมชนิดนี้มีอายุประมาณ 40 วัน
ผักโขม ชนิดสุดท้าย ก็คือ ผักโขมไต้หวัน หรือผักโขมจีนใบขาว ลักษณะใบจะเป็นใบที่ใหญ่และหยิกย่นคล้ายใบผักกาด ต้องรีบเก็บไปทำอาหารก่อนการออกดอกเช่นกัน ผักโขมชนิดนี้มีอายุประมาณ 40 วัน
ผักโขมทั้งสามชนิดชอบแสงแดดจัด หรืออาจปลูกได้ในที่ที่มีแสงแดดครึ่งวัน วีธีการปลูกก็เหมือนกับพืชผักสวนครัวอื่น คือให้หว่านเมล็ดในแปลงปลูกหรือภาชนะเพาะประมาณ 4-5 วัน ต้นอ่อนก็จะงอก ระหว่างการเจริญเติบโต ควรรดน้ำเช้า-เย็น หมั่นกำจัดวัชพืช เมื่ออายุได้ 40 วันแล้ว จึงสามารถเก็บเกี่ยวมาประกอบอาหารได้ทั้งสามชนิด
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : หนังสือคู่มือการปลูกผักสวนครัว และสนุกดอทคอม/บ้านมหา.คอม
Bookmarks