ดินแดนที่ราบสูง ประมาณ
เดือน พฤษภาคม อากาศร้อนอบอ้าว มีพายุฤดูร้อนบ้างในบางพื้นที่ แต่บางพื้นที่
ทางการต้องประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแห้งแล้ง อีสาน = ความแห้งแล้ง
สมการนี้ยังไม่ถูกแก้ หากไม่มีตัวแปรเพิ่มเติม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด แต่ถึง
จะแห้งแล้งสักเพียงใดคนอีสานไม่เคย “อดตาย” จะด้วยสภาพอากาศภูมิประเทศ
ที่ทุรกันดาน แห้งแล้ง จึงส่งผลให้คนอีสานเป็นคนที่อดทน ปรับตัวเข้ากับสภาพ
แวดล้อมได้เป็นอย่างดีแล้วยังมีความสุทนทรีย์ทางดนตรีในหัวใจทุกคน
ข่าวที่แพร่ออกทางสื่อโทรทัศน์บอกปีนี้แล้งที่สุดในรอบ 5 ปี 10 ปี 20 ปี
ในความเห็นของฉันไม่เห็นว่าแล้ง เพียงแต่ฝนมาช้ากว่าทุกปี ที่สำคัญพี่น้องเราเร่งรีบ
ทำนากันมากกว่า ชาวนาที่แบกคันไถ จูงควายลงทุ่งไม่มีให้เห็นแล้ว
ที่บ้านฉันย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ถนนที่เชื่อมระหว่างตำบล
ไป อ.กุดข้าวปุ้น ยังเป็นถนนลูกรัง ทุกเช้าในหน้าเตรียมลงนา ลุง ป้า น้า อา
จะเดินเท้าไปนา แบกคันไถ หาบกระปุง กระติบข้าว บ้างเดินกันเป็นกลุ่ม
พูดคุยหัวเราะเฮฮา แต่ทุกวันนี้ถนนสายนี้เปลี่ยนเป็นถนนลาดยาง ผู้คนขับรถยนต์
คันสวยลงนา ชาวนาเปลี่ยนสถานะตัวเองเป็นผู้จัดการนาคือจัดการทุกอย่าง
ยกเว้นลงมือทำเอง ครอบครัวของฉันก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น ทุกวันนี้ไม่มี
พิธีกรรม “ปักกกแฮก” (แรกนาขวัญ) ไม่มีการไถนาฮุด หรือ
ซ่ามคันแท (ซ่อมคันนา) แล้ว ผืนนาที่แบ่งเป็นกระทงเล็กกระทงน้อย
เพื่อกักน้ำตามความลาดเอียงของพื้นดินถูกรถไถคันใหญ่ปรับพื้นดินให้ราบเรียบ
คันนาเล็ก ๆ ถูกทำให้ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมเมื่อหน้านามาถึง
และเปลี่ยนเป็นแปลงนาขนาดใหญ่ หลังสงกรานต์ผู้ประกอบการรถไถจะถูกว่าจ้าง
ให้ไถ และหว่านข้าวเปลือกให้เสร็จสรรพก่อนที่ฝนจะมา พอฝนมาก็จะถูกจ้าง
ให้มาฉีดยาฆ่าหญ้าอีกหน คราวนี้ผักแขยง ผักแว่น ผักแพงพวย เจ้าของนา
หมดสิทธิ์เก็บมากินเพราะฤทธิ์ยาฆ่าหญ้า ผักปลอดสารพิษจากคันนา
เปลี่ยนเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารพิษ ฉันจำไม่ได้ว่าฉันกิน
หมกฮวกที่เกิดตามธรรมชาติครั้งล่าสุดเมื่อใด เมื่อฉันยังเด็ก ก่อนหน้านาพ่อไถนาฮุด
(ไถดะ) พอถึงเดือน 7 ฝนมาน้ำนองเต็มกระทงนา กบมีที่วางไข่ จนเป็นฮวก
(ลูกอ๊อด) อาหารเลิศรสที่มาพร้อมสายฝน แต่ทุกวันนี้กว่าฝนจะมาให้กบวางไข่
ข้าวที่หว่านไว้ก็แตกยอดแล้ว ลงช้อนในนาไม่ได้แล้ว ดีเหมือนกันลูกอ๊อดจะได้เติบโต
เป็นกบต่อไป โดยปกติแล้วฉันไม่ใช่คนหัวอนุรักษ์นิยม ฉันพร้อมที่จะยอมรับการ
เปลี่ยนแปลงหากสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงแล้วมันดีขึ้น แต่บางสิ่งบางอย่างที่ควร
จะเก็บรักษาไว้ฉันก็เห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยน ปล่อยให้กาลเวลาเป็นตัวกำหนด
อย่างช้า ๆ ดีกว่าเราไปเร่งให้มันเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลกระทบที่ตามมามันอาจส่ง
ผลเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อย ๆ ดีกว่าหรือไม่นะ....
Bookmarks