ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน


ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน ก่อนเป็นเหยื่อรายต่อไป


นอกจากโรคภัยไข้เจ็บที่มากับฤดูฝนแล้ว
ภัยอันตรายจากไฟฟ้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่คร่าชีวิตมนุษย์ในช่วงนี้อยู่เสมอ
เนื่องจากฝนเป็นพาหะทำให้เกิดไฟดูดมนุษย์

ผศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า
ร่างกายคนเสมือนเส้นทางเดินไฟฟ้า
มีอานุภาพร้ายแรงเมื่อไฟฟ้าไหลต่อเนื่องอย่างครบวงจร
ซึ่งผู้หญิงและคนที่มีรูป ร่างอวบมีโอกาสเสี่ยงถูกไฟฟ้าดูดมากกว่าผู้ชาย
เนื่องจากปริมาณน้ำในตัวมีมาก
และมีความชื้นในตัวสูงที่จะเป็นตัวนำไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี


ขณะเดียวกันในหน้าฝนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ส่วนใหญ่เป็นบริเวณที่มีความชื้นมาก เช่น บริเวณบ่อปลา ปั๊มน้ำ
เครื่องซักผ้า ตู้กดน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น
เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้าที่เกิดไฟฟ้ารั่วโดยไม่ติดตั้งสายดิน
ขณะเดียวกันผู้ใช้งานไม่สวมใส่รองเท้า ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลครบวงจร
โดยไหลผ่านตัวคนลงสู่พื้น ส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ
และทำให้เสียชีวิต
ได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี


กรณีเกิดไฟฟ้ารั่วตอนน้ำท่วมฉับพลัน

อันดับแรกให้รีบสับสวิตช์ลงเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่ว
ความเข้มข้นของกระแส ไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการกระจายของ กระแสไฟฟ้า
ถ้าใกล้กับจุดที่ไฟฟ้ารั่วกระแสไฟฟ้าก็จะมีความเข้มข้นมาก
ห่างออกไปก็จางลงไปตามลำดับ การที่จะพิสูจน์ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่นั้น
ห้ามเอาหน้ามือสัมผัส เพราะโดยธรรมชาติของคนเมื่อโดนไฟฟ้าดูดก็จะกำมือลง
ร่างกายจะหดตัวกำแน่น ทางที่ดีควรใช้หลังมือสัมผัส


อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลังโดนน้ำท่วม

ถ้าจะนำมาใช้ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า
อยู่ในสภาพที่ยังใช้การได้อยู่หรือไม่
สิ่งแรกต้องทำให้แห้งก่อนที่จะเสียบปลั๊ก
หากไม่แน่ใจควรให้ช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบก่อน
แต่ถ้าอุปกรณ์เหล่านั้นเกิดความเสียหายมาก
ก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะนำมาใช้งาน


ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

วิธีป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดไฟฟ้าดูด

หากจะเสียบปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ
ต้องมั่นใจว่าร่างกายแห้งสนิทไม่เปียกชื้น

บริเวณเต้ารับควรดูแลรักษาให้แห้งอยู่เสมอ
หากไม่แน่ใจก่อนเสียบปลั๊กก็ควรสวมรองเท้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ
ด้วยความระมัดระวัง และไม่ประมาท


ก่อนเกิดเหตุ ควรมีการป้องกันไม่ไปสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าที่รั่ว
และห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่โดนน้ำท่วมมาแล้ว

ถ้าบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อไฟฟ้ารั่ว
หรือมีโอกาสเกิดไฟรั่วได้ง่ายควรติดตัวเบรกเกอร์ป้องกันไว้ก่อน


ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

ระหว่างที่เกิดเหตุ บุคคลที่มาช่วยไม่ควรจะไปสัมผัสร่างกายผู้เคราะห์ร้ายโดยตรง

ควรหาฉนวน เชือกแห้ง เสื้อแห้ง ๆ ดึง หรือ ผลักออกไป
และสิ่งสำคัญควรรู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เหมาะสม

โดยปกติผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูดจะหมดสติ กล้ามเนื้อเกร็ง เราต้องปั๊มหัวใจ หรือผายปอด
โดยการเป่าปาก ชุมชนส่วนใหญ่ ควรที่จะมีการอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ให้ความรู้แก่ ชาวบ้านเกี่ยวกับการช่วยผู้ป่วย

และตู้โทรศัพท์สาธารณะก็มีสิทธิที่จะไฟฟ้ารั่วได้เช่นกัน
ตู้โทรศัพท์สาธารณะส่วนใหญ่จะเป็นโลหะ
ตอนติดตั้งควรจะต้องต่อสายลงดิน
ตามเสาไฟฟ้าที่มีใบไม้พาดรกรุงรังก็อาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้เช่นกัน

ตรงนี้องค์การไฟฟ้าต้องสังเกตการณ์

ณ จุดนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงสูงควรที่จะติดตั้งสายดิน
เมื่อมีกระแสไฟฟ้ารั่วแทนที่จะวิ่งไปสู่คน กระแสไฟก็จะวิ่งลงดินไปเลย
สายดินมีความต้านทานน้อยกว่าเรา
กระแสไฟฟ้ามักจะวิ่งไปในสิ่งที่ที่มีความต้านทานน้อยกว่า
สายดินที่มีความใหญ่จะยิ่งดี ถ้าติดตั้งสายดินความลึกต้องไม่ต่ำกว่า 2 เมตร
ดินตรงนั้นต้องมีความต้านทานต่ำด้วย

ถ้าดินตรงนั้นมีความต้านทานสูงก็ควรปักลึกลงไปอีก
หรือมีทางแก้คือ ต้องโรยด่างบริเวณที่จะปักสายดินเพื่อเพิ่มความต้านทานของดิน


ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก่อนหน้าฝนควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านและสายไฟ

หากบ้านเก่ากว่า 10 ปีขึ้นไป อุปกรณ์เหล่านี้มีอายุการใช้งานนาน
ฉนวนก็มักเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ส่วนบ้านที่มีการติดตั้งปั๊มน้ำ
ถ้าปลั๊กเสียบอยู่ต่ำยิ่งจะมีความเสี่ยงมากหากพื้นบริเวณดังกล่าวเปียก
ก็อาจเกิดไฟดูดได้ ขณะเดียวกันเต้าเสียบภายในบ้าน
ควรอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 10 ซม.



“การเสียชีวิตที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่
เกิดจากไฟฟ้าช็อตตายอย่างฉับพลัน
และไฟฟ้ารั่วปริมาณกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่หัวใจเกินค่ามาตรฐาน”



การช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกไฟฟ้าดูด
คือเมื่อมีผู้ถูกไฟฟ้าดูดห้ามเอามือไปสัมผัสโดยตรง
ให้สวมรองเท้าแล้วนำวัสดุที่เป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้า
เช่น ผ้าแห้งกระชากหรือดันตัวผู้ถูกไฟฟ้าดูดออกไป

ถ้าเราสัมผัสตัวผู้ประสบภัยโดยตรงไม่มีเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า
ก็จะวิ่งเข้าสู่ตัวเราอีกคน ลักษณะแบบนี้ทางเทคนิคเรียกว่า แบบขนาน
ทำให้ทั้งสองคนเสียชีวิตเร็วขึ้น
เหมือนเป็นการแบ่งความแรงของไฟฟ้ากันคนละครึ่ง
เพราะความต้านทานรวมลดลง กระแสไฟฟ้าจะแบ่งไหล
วิธีการช่วยชีวิตแบบเร็วที่สุด คือการสับสวิตช์เบรกเกอร์
หรือสับตัวต้นทางทิ้งไป โดยปกติทางการแพทย์ศึกษามาแล้วว่า
คนที่ถูกไฟฟ้าดูดประมาณ 0.01-0.04 วินาที
แล้วสับสวิตช์เบรกเกอร์ทันจะปลอดภัย

ถ้าเกินกว่านั้นจะทำให้เสียชีวิตทันที
แต่ละคนระยะเวลาการเสียชีวิตจะเฉลี่ยกันไป
คนอ้วนมีโอกาสเสียชีวิตเร็วกว่าปกติ

ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

ปัจจุบันมีเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่มีคุณสมบัติทนต่อน้ำท่วม
โดยจะมีค่ามาตรฐานสากล สังเกตได้จากรหัส IP
ที่ติดไว้ด้านข้างเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแสดงด้วยตัวเลขสองหลัก
ตัวเลขหลักแรก บอกการป้องกันการกระแทกจากของแข็ง
ตัวเลขหลักที่สองบอกการป้องกันของเหลว
เช่น น้ำ หากตัวเลขสองหลักมีค่าสูงสามารถ ป้องกันฝุ่นละอองได้

ป้องกัน 'ไฟดูด' หน้าฝน

ตัวอย่างเช่น IP56 สามารถ ป้องกันของแข็งได้ระดับ 5
และสามารถป้องกันน้ำได้ระดับ 6 ซึ่งเป็นค่ามากที่สุด
ทนทานต่อความเค็มของน้ำทะเล


นพ.อรรถ นิติพน ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า
คนไข้ที่ถูกไฟดูดส่วนใหญ่มีอยู่ 2 กรณีคือ 1. มีอาการหมดสติ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นควรตรวจดูว่ายังมีลมหายใจหรือไม่
โดยการจับชีพจรหรือ ฟังการหายใจ หากคนไข้ถูกไฟดูด
นานกว่า 5 นาที มีโอกาสเสียชีวิตสูง
ซึ่งควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นควรตรวจดูในช่องปากและจมูก
ไม่ให้สิ่งใดตกค้างและทำการผายปอดและปั๊มหัวใจ
และต้องนำส่งโรงพยาบาลทันที


กรณีที่ 2 คนไข้ที่มีสติ อาจมีกล้ามเนื้อภายในสุก
โดยควรตรวจดูบริเวณข้อพับต่าง ๆ
ซึ่งหากมีการผิดปกติพับงอไม่ได้ต้องไปพบแพทย์ทันที


“หมอมักพบคนไข้ที่ถูกไฟดูดเกิดอาการหัวใจขาดเลือด
โดยคนไข้เจ็บหน้าอกและมีอาการหายใจไม่เต็มที่
อาการเหล่านี้อย่าประมาทควรไปพบแพทย์ทันที”


นพ.อรรถ ทิ้งท้ายว่า ในช่วงฤดูฝนนี้ผู้ปกครองควรหมั่นดูแลลูกหลาน
เพราะบางครั้งเด็กอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้เสียชีวิตและทรัพย์สินได้


อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การไม่ประมาท
เพราะนั่นอาจหมายถึงอีกหลายชีวิตที่ต้องเสียไป





ที่มา...เดลินิวส์/ศราวุธ ดีหมื่นไวย์/ศรัณญา ดำรงพิริยะพงศ์/เวป ธรรมจักร.เน็ต
ภาพประกอบ internet
บ้านมหา.คอม