1.น้ำจากชายคากระเด็นเลอะเทอะ
แม้จะทำชายคายื่นออกไปกันฝนสาด แล้ว แต่น้ำที่ไหลจากหลังคาลงมา กลับกระเด็นมาเปียกพื้นระเบียงจนได้

แก้ไขทันใจ
วางกระถางต้นไม้ตามแนวชายคา แล้วใส่กรวดที่หน้าดินป้องกันดินกระเด็น ก็ช่วยลดแรงกระแทกของน้ำได้

สบายใจถาวร
- ถ้าปริมาณน้ำที่ไหลลงมาไม่มาก ให้ทำเป็นพื้นโรยกรวดยาวตลอดแนวที่น้ำไหลลงมา น้ำก็จะกระเด็นออกมาน้อยลง
- ถ้ามีปริมาณน้ำจากหลังคาเยอะ ควรทำรางน้ำแล้วต่อท่อลงมายังท่อระบายน้ำ ก็จะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังด้วย โดยใช้รางน้ำขนาดกว้างอย่างน้อย 4 นิ้วสำหรับพื้นที่หลังคาไม่เกิน 80 ตารางเมตร และกว้าง 5 นิ้วสำหรับพื้นที่ 80 - 160 ตารางเมตร หรือร้อยโซ่ต่อจากรางน้ำลงมาที่พื้น น้ำก็จะไม่กระเด็นเลอะเทอะ แล้วอย่าลืมทำตะแกรงป้องกันใบไม้อุดรางน้ำล่ะ

รับมือ 8 ปัญหาหน้าฝน

2.พื้นเปื้อนรอยรองเท้าอีกแล้ว
เวลาฝนตก พื้นระเบียงหน้าบ้านก็จะเปื้อนรอยรองเท้าซึ่งเกิดจากฝุ่นที่ติดมา จะแก้ไขอย่างไรดี

แก้ไขทันใจ
วางที่เช็ดรองเท้าซึ่งทำจากวัสดุทนน้ำ เช่น เส้นใยกาบมะพร้าวหรือพีวีซีไว้ตรงก่อนทางขึ้น ระเบียง ก็ช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกได้บ้าง

สบายใจถาวร
- ยกพื้นส่วนที่ต้องถอดรองเท้าให้สูงกว่าส่วนที่ใส่รองเท้าเดินเข้ามาได้ 10 ซม. ส่วนที่เปื้อนก็จะไม่เลอะเทอะไปทั่ว อีกทั้งใช้วัสดุปูพื้นให้ต่างกันเพื่อความชัดเจน
- เลือกใช้วัสดุปูพื้นที่มีสีไม่เข้มหรืออ่อนเกินไป และมีลวดลายเล็กน้อย อย่างลายดินเผา ลาย หิน ก็จะสังเกตเห็นรอยเปื้อนต่างๆได้ยากกว่าสีเรียบๆ

รับมือ 8 ปัญหาหน้าฝน

3.เก้าอี้สนามเริ่มขึ้นสนิม
ตั้งเก้าอี้สนามตากแดดตากฝนมานาน ส่วนที่เป็นเหล็กเริ่มขึ้นสนิม ถ้าปล่อยทิ้งไว้ต้องแย่แน่

แก้ไขทันใจ
ใช้กระดาษทรายขัดสนิมออกหรือใช้น้ำยาขจัดสนิมทา แล้วทาสีกันสนิม 1 ครั้งและสี น้ำมันทับอีก 2 ครั้ง

สบายใจถาวร
- แม้จะเป็นเฟอร์นิเจอร์สนามที่ใช้วัสดุทนทาน แต่การตากแดดตากฝนก็ทำให้อายุการใช้งาน สั้นลง จึงควรตั้งในที่ไม่ถูกแดดและฝนโดยตรง อย่างระเบียงที่มีหลังคา หรือศาลาในสวน อีก ทั้งหลีกเลี่ยงบริเวณน้ำขังและสัมผัสกับพื้นดินโดยตรง
- หมั่นตรวจสภาพและคอยซ่อมแซม แม้จะเป็นเพียงสนิมเล็กน้อย ความเสียหายก็จะไม่ ลุกลามไป

รับมือ 8 ปัญหาหน้าฝน

รับมือ 8 ปัญหาหน้าฝน

4.พื้นลื่นแถมมีน้ำขัง
ฝนตกทีไรพื้นระเบียงหรือทางเดินลื่นทุกที บางครั้งก็มีน้ำนองเฉอะแฉะ ทำให้เดินลำบาก

แก้ไขทันใจ
ถ้าพื้นลื่นเพราะผิวสัมผัสเรียบเกินไป เช่น กระเบื้อง หิน คอนกรีต ก็เพิ่มการยึดเกาะด้วยการติดแถบหรือเคลือบน้ำยากันลื่น
- หากพื้นทางเดินในสวนเกิดตะไคร่น้ำ ลองใช้น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำก็จะขัดออกง่ายขึ้น แล้วยังชะลอการเกิดตะไคร่ใหม่ด้วย
- ปูด้วยแผ่นพื้นไม้สำเร็จรูปที่ถอดประกอบได้และมีน้ำหนักเบา โดยเลือกชนิดโครงรองพื้นเป็นพลาสติก ก็จะระบายน้ำและความชื้นได้ดี

สบายใจถาวร
- พื้นภายนอกควรใช้วัสดุที่มีผิวหยาบ เช่น กระเบื้องกันลื่น, หินผิวหน้าหยาบอย่างหินแกรนิตพ่นไฟ อาจปูสลับกับผิวมันก็ได้ หรือออกแบบแนวกันลื่นด้วยการทำผิวทรายล้าง กรวดล้าง แล้วเคลือบด้วยน้ำยากันซึม ก็ไม่ทำให้เกิดตะไคร่น้ำ
- การเปลี่ยนวัสดุปูพื้นใหม่ ไม่ควรปูทับของเดิม เพราะทำให้การยึดเกาะไม่ดี แล้วยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้พื้นมากเกินไป
- น้ำขังอาจเกิดจาก พื้นอยู่ต่ำกว่าทางระบายน้ำ, พื้นทรุด, พื้นไม่ลาดเอียงหรือไม่มีทางระบายน้ำ ถ้าน้ำขังมากก็จำเป็นต้องสกัดผิวหน้าพื้นเดิมออกแล้วเทพื้นปรับระดับใหม่ โดยทำพื้นลาดเอียงอย่างน้อย 1 : 200 ไปยังทางระบายน้ำ
5.ผ้าเหม็นอับเพราะเปียกฝน
เวลาตากผ้าไว้แล้วออกไปทำงาน ต้องคอยลุ้นว่าฝนจะตกหรือเปล่า เพราะอาจต้องกลับไปซักใหม่หรือไม่ก็เหม็นอับอีกแล้ว

แก้ไขทันใจ
ใช้เครื่องอบผ้าหรือเลือกเครื่องซักผ้าที่มีระบบอบผ้าแห้ง ซึ่งมีประโยชน์ทั้งวันที่เร่งรีบและในหน้าฝน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคอนโดนิเนียมที่ไม่มีที่ตากผ้าอีกด้วย
- ลดกลิ่นอับของผ้าที่ตากในร่ม โดยหลังซักผ้าเสร็จ นำผ้าไปแช่ในน้ำผสมสารส้มประมาณ 10 นาที แล้วค่อยนำไปตากก็ช่วยได้มาก

สบายใจถาวร
- ทำที่ตากผ้าในร่มให้อยู่ด้านทิศใต้หรือตะวันตกและมีลมพัดผ่านตลอด ไว้สำหรับตากผ้าที่หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ และใช้ตากผ้าในหน้าฝนได้ โดยมุงด้วยหลังคาโปร่งแสง เช่น กระเบื้องลอนโปร่งแสง, แผ่นพอลิคาร์บอเนต ก็ตากผ้าได้โดยไม่กลัวเปียกฝนแล้ว
6.ลมแรงๆฝนสาดเข้าหน้าต่าง
ฝนตกแต่ละที ปิดหน้าต่างกันไม่ทันเลย นอกจากน้ำเข้าบ้านแล้ว ยังพาลให้เจ้าจิ้งจกที่อยู่ตรงขอบหน้าต่างตายไปหลายตัว ขออโหสิกรรมนะ

แก้ไขทันใจ
ใช้อุปกรณ์ช่วยปิดสำหรับหน้าต่างบานเปิด ที่ปิดได้โดยไม่ต้องเปิดมุ้งลวด อีกทั้งไม่วางสิ่งของที่เปียกชื้นง่ายไว้ริมหน้าต่าง
ติดขอบยางรอบหน้าต่าง ก็ป้องกันน้ำซึมเข้ามาได้

สบายใจถาวร
- ทำกันสาดยื่นออกไป 1.00 – 1.50 ม. และส่วนด้านข้างทำกว้างกว่าขอบหน้าต่างข้างละอย่างน้อย 60 ซม. ช่วยป้องกันฝนสาดด้านข้างได้
- ช่องระบายอากาศหรือหน้าต่างที่มักจะเปิดค้างไว้ ควรทำเป็นบานเกล็ดหรือบานกระทุ้ง ก็จะป้องกันฝนสาดได้ดีกว่าแบบอื่นๆ
- ทำแผงไม้ระแนงด้านที่มีลมแรงมากๆ ช่วยชะลอแรงลมและฝนไม่ให้สาดเข้าบ้าน

รับมือ 8 ปัญหาหน้าฝน

7.ช่วยด้วย! สารพัดสัตว์หนีน้ำเข้าบ้าน
ทั้งมด งู ตะขาบ และสารพัดสัตว์พากันยกพลขึ้นบ้าน จะทำอย่างไรดี

แก้ไขทันใจ
-ปิดช่องทางที่สัตว์เหล่านั้นอาจจะเข้ามาให้มิดชิด เช่น ปิดช่องว่างใต้ประตูด้วยแถบยางที่มีขายทั่วไป และถ้ารูระบายน้ำในห้องน้ำเป็นชนิดไม่มีที่ดักกลิ่นซึ่งสัตว์สามารถขึ้นมาตามท่อได้ อาจป้องกันด้วยการวางตะแกรงรูถี่ๆปิดด้านบนเป็นการชั่วคราวก่อน และอุดช่องห่างของผนังด้วยปูนอุดรอยรั่วสำเร็จรูป หรือซิลิโคน
- โรยรอบๆบริเวณบ้านด้วยปูนขาวซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง เวลาสัตว์เลื้อยคลานมาโดนก็จะหนีไป
- อุดรูที่มดเดินด้วยพริกป่น, ใบสะระแหน่แห้ง หรือบอแร็กซ์ แล้วใช้ผงฟูโรยตามทางเดินของมด หรือปลูกสะระแหน่ไว้รอบบ้าน มดก็จะไม่เข้าใกล้
- จัดเก็บบ้านให้เรียบร้อย โดยเฉพาะซอกมุมอับและกำจัดขยะ เศษอาหารทุกวัน และตัดแต่งสวนให้โปร่ง ก็จะไม่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ไม่พึงประสงค์แล้ว

สบายใจถาวร
- ถ้ากำลังจะสร้างบ้าน ควรยกพื้นบ้านให้สูงจากพื้นดินหรือจากระดับที่เคยน้ำท่วมอย่างน้อย 1.00 ม. หรือถ้าเป็นบ้านมีใต้ถุน ให้หุ้มรอบเสาด้วยแผ่นพลาสติกที่ใช้ห่ออาหาร หรือแผ่นสังกะสีกว้าง 30 ซม.ก็ป้องกันสัตว์เลื้อยขึ้นบ้านได้
- เปลี่ยนรูระบายน้ำในห้องน้ำเป็นชนิดมีที่ดักกลิ่น ซึ่งเป็นระบบที่มีน้ำหล่ออยู่ตลอดเวลา ทำให้สัตว์และกลิ่นขึ้นมาไม่ได้
- ทำรั้วบ้านเป็นผนังทึบสูงขึ้นมาอย่างน้อย 80 ซม. และปิดขอบล่างของประตูหน้าบ้านที่มักจะเป็นช่องว่างให้มิดชิด เพราะปกติเวลางูเลื้อยมาเจอผนังทึบก็จะเปลี่ยนทิศทางไปเอง
- ไม่ควรปลูกต้นไม้ติดกับตัวบ้าน และทำบริเวณรอบๆตัวบ้านให้โปร่งไว้ ไม้ให้เป็นที่ซ่อนตัวของสัตว์ต่างๆ อีกทั้งยังสังเกตเห็นความผิดปกติได้ง่ายอีกด้วย

8.เฟอร์นิเจอร์ผ้า, พรมเหม็นอับ
อากาศชื้นๆอีกทั้งละอองฝน ทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าและพรมมีกลิ่นอับชื้น ไม่ชอบเลย

แก้ไขทันใจ
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้ทั่วบ้าน หาที่มาของกลิ่นอับแล้วทำความสะอาด โดยนำไปซักแล้วตากแดดให้แห้ง ( ถ้าสามารถทำได้ )
- ขจัดกลิ่นอับที่พรม ด้วยการใช้ผงขจัดกลิ่นอับสำเร็จรูปที่มีขายทั่วไป หรือใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ผงฟู หรือ เบคกิ้งโซดา” โรยบนพรม โดยใช้อัตราส่วน 1 ถ้วย ต่อพื้นที่ห้อง15 ตร.ม. ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก ถ้ากลิ่นติดแน่นให้ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก ( ผงฟูที่ใช้ต้องเป็นผงฟูบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆอย่างบางยี่ห้อ ที่ใช้ทำขนมเท่านั้น )
- ลดกลิ่นอับภายในห้อง ด้วยสเปรย์กำจัดกลิ่น หรือใช้น้ำส้มสายชูหรือผงฟู 2-4 ช้อนโต๊ะ ใส่จานแล้ววางทิ้งไว้ก็ช่วยได้

สบายใจถาวร
- ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยผ้า ด้วยการใช้ไม้ขนไก่หรือเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นสะสมจนเกิดคราบสกปรกและกลิ่นอับ และเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถถอดผ้าออกมาซักได้ ก็จะทำความสะอาดง่ายขึ้น
- การดูแลรักษาพรม โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1- 2 ครั้ง ถ้าพรมผืนไม่ใหญ่ก็นำออกมาซักเป็นครั้งคราว โดยผสมน้ำยาซักพรมกับน้ำ แล้วใช้แปรงขนอ่อนแปรงไปทางเดียวกัน ล้างให้สะอาดและผึ่งให้แห้ง แต่ถ้าพรมผืนใหญ่มาก ก็ควรให้ร้านซักพรมมาทำความสะอาดอย่างน้อยปีละครั้งก็จะสะดวกกว่า
- เลือกใช้พรมที่ผลิตจากเส้นใยอะคริลิก, ไนลอนและโพลีพรอพไพลีน ซึ่งทำความสะอาดง่ายและดูดซับความชื้นต่ำ
- หลีกเลี่ยงวางเฟอร์นิเจอร์ผ้าและปูพรมในบริเวณที่อาจเปียกชื้น เช่น ริมหน้าต่าง พื้นประตูเข้าออก หรือหน้าห้องน้ำ

แหล่งที่มา http://www.roommag.com