ในช่วงที่ผมรับราชการใหม่ ๆ ที่ จ.กาญจนบุรี ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังข้าวใหม่ปลามัน ผมรับราชการได้เพียง 3 เดือน ผมก็แต่งงาน เพราะรอต่อไปไม่ไหว ไม่ใช่เพราะความรักสุกงอมหรืออะไร แต่กลัวว่าสาวเจ้าจะเปลี่ยนใจมากกว่า เพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่โชคร้ายหลุดเข้ามาในวงจรชีวิตของผม
ผมจะกลับชัยภูมิทุกอาทิตย์ ไปถึงบ้านตอนเช้าวันเสาร์ก็ขลุกอยู่แต่ในห้องเพราะเวลามีน้อย จะเห็นหน้าผมอีกทีก็ตอนบ่าย หรือไม่ก็ตอนกินข้าวเย็น และวันนั้นคนในครอบครัวจะพากันส่งซิก กินข้าวและนอนแต่หัวค่ำ ประมาณ 1 ทุ่มกว่า ก็พากันปิดไฟนอนและเงียบสนิท เหมือนจะรู้ใจ
ฮ้า....ตื่นขึ้นตอนเช้าวันอาทิตย์ด้วยความรู้สึกสดชื่น หลอดไฟนีออนในห้องเป็นสีเหลืองยังไงพิกล เปิดหน้าต่างมองไปที่ท้องฟ้าก็เป็นสีเหลือง โอ้ว...แสดงว่าสายตาเราเป็นปกติ
เกือบ 20 กว่าปีที่ไม่ได้กลับชัยภูมิทุกอาทิตย์ แต่ระยะหลังมานี้ผมกลับชัยภูมิติดต่อกันมาแล้วประมาณ 5 อาทิตย์ ไม่ใช่เพราะทะเลาะกับภรรยาที่บ้าน แต่เพราะไปเยี่ยมแม่ต่างหาก
กับวัยเกือบ 80 ปี กับสังขารและสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป สภาพร่างกายของแม่ในวันนี้จึงไม่เหมือนก่อน ถือได้ว่าท่านเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้ว
สิ่งที่ผมทำได้คือการได้เดินทางไปกินข้าวกับแม่ทุกอาทิตย์ เพราะอยู่ที่บ้านไม่ใช่ว่าข้าวก็ไม่ใหม่ ปลาก็เริ่มไม่มัน แต่การที่ได้ไปพบหน้าแม่ ได้อาบน้ำให้ท่าน ได้ปรนนิบัติท่าน มันเป็นความสุขทางใจที่ผมไม่สามารถที่จะอธิบายมาเป็นคำพูดได้
หากพระอรหันต์ทั้งสองของท่านยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง กลับไปดูแลท่าน กลับไปใส่ใจท่านกว่าที่เคย หรือทำอะไรก็ได้ที่จะแสดงออกว่าเราเคารพรักและห่วงใยท่าน อย่างน้อย ๆ โทรศัพท์ไปพูดคุยกับท่านก็ยังดีครับ
ปล. ขอบคุณนะที่แอบแวะมาอ่าน.....รักนะ...จุ๊บ ๆ :,1-
Bookmarks