กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: รถเมล์ขาวนายเลิศ’ ตำนานรถโดยสารเมืองกรุง

Hybrid View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30

    อ่านข่าวออนไลน์ รถเมล์ขาวนายเลิศ’ ตำนานรถโดยสารเมืองกรุง

    รถเมล์ขาวนายเลิศ’ ตำนานรถโดยสารเมืองกรุง




    ถึงแม้ว่าระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้จะมีความสะดวกทันสมัยมากขึ้น
    เพราะมีทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดินให้บริการแก่คนเมืองหลวงแล้ว แต่ขนส่งมวลชนระบบรางเช่นนี้ ก็ยังเพียงพอรองรับต่อผู้โดยสารส่วนน้อยเท่านั้น เพราะเส้นทางรถไฟฟ้ายังครอบคลุมอยู่ไม่กี่พื้นที่ของกรุงเทพฯ เท่านั้น ฉะนั้น ‘รถเมล์’ จึงยังเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับคนกรุงที่ไม่มีรถส่วนตัวใช้อยู่วันยังค่ำ



    แม้การโดยสารรถเมล์ จะมีข้อดีในแง่ความประหยัด แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ต้องทนกับความเบียดเสียดยัดเยียด โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน รถเมล์บางสายก็รอแล้วรอเล่า นานเหลือแสนกว่าจะเสด็จมาจอดที่ป้ายได้ แต่ก็ไม่มีอะไรแย่เท่ากับความไม่สุภาพ ไร้มารยาท และไม่เคารพกฎจราจรของทั้งคนขับ และกระเป๋ารถ ซึ่งทุกวันนี้หาได้ยากมากที่เราจะเจอะเจอโชเฟอร์ และกระเป๋ารถที่มีมารยาทดีจริงๆ ทำให้ต้องหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งอดีตที่กรุงเทพฯ มีรถเมล์สายแรกวิ่งให้บริการที่เรียกว่า ‘รถเมล์ขาวของนายเลิศ’ ว่ากันว่าทั้งคนขับ และกระเป๋านั้นมีมารยาทสุภาพอ่อนโยนเป็นที่สุด

    รถเมล์ขาวนายเลิศ’ ตำนานรถโดยสารเมืองกรุง

    ตามประวัติรถเมล์ขาวของนายเลิศ นับเป็นรถเมล์สายแรกที่ให้บริการในกรุงเทพฯ
    เริ่มทำการเดินรถมาตั้งแต่ปี 2451 ในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ที่เรียกว่า รถเมล์ขาว ก็เพราะคนสมัยก่อนจะเรียกสายรถเมล์ตามสีของรถ ซึ่งแต่ละสีก็เป็นของแต่ละบริษัท
    มีทั้ง ขาว แดง เขียว เหลือง เส้นทางแรกที่รถเมล์ขาวนายเลิศวิ่งคือ
    ‘ยศเส – ประตูน้ำ (ปทุมวัน)’ จากนั้นก็มีการขยายเส้นทางเรื่อยมา เช่น
    สายสีลม – ประตูน้ำ , บางลำพู – ประตูน้ำ น่าสังเกตว่าเส้นทางวิ่งรถของ
    รถเมล์นายเลิศ จะต้องผ่านประตูน้ำทุกสายเพราะสมัยนั้น ประตูน้ำ หรือ ปทุมวัน คือศูนย์กลางย่านชุมชน และการคมนาคมมาตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ 5 รวมทั้งมีตลาดขายสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งก็คงเหมือนกับ อนุสาวรีย์ชัยฯ ในสมัยนี้



    ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 4 บริเวณดังกล่าวยังไม่มีการติดตั้ง ‘ประตูน้ำ’ แต่อย่างใด การใช้เรือจึงสะดวกสบาย เพราะชาวบ้านสามารถแล่นเรือเข้าไปตามคูคลองต่างๆ ได้ตลอด แต่พอถึงต้นสมัยรัชกาลที่ 5 มีการติดตั้งประตูน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำในคลอง การใช้เรือจึงไม่สะดวกเหมือนเคย เพราะเจ้าของเรือต้องมารอเข้าคิวให้ประตูน้ำเปิดอยู่หลายชั่วโมง ด้วยเหตุนี้ ‘นายเลิศ’ ซึ่งดำเนินกิจการ เรือเมล์ขาว วิ่งในคลองมาก่อน ทั้งคลองแสนแสบ คลองบางกะปิ และคลองพระโขนง ได้มองเห็นลู่ทางธุรกิจ จึงเปิดกิจการรถเมล์ขึ้น เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชนที่ใช้เรือ และต้องมาใช้รถโดยสารต่อ ซึ่งผู้โดยสารที่มาใช้รถเมล์ หรือเรือเมล์ของนายเลิศก็เพียงซื้อตั๋วครั้งเดียว ก็สามารถนั่งต่อทั้งรถทั้งเรือได้ในวันเดียวกัน (โปรโมชั่นแบบนี้ เค้าคิดได้ เค้ามีมาตั้งแต่สมัย ร.5 โน่นแล้ว)








    นายเลิศ หรือ เลิศ สมันเตา นับเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในกิจการรถโดยสาร และเรือรับจ้างมาตั้งแต่แรก เริ่มจากการเป็นพ่อค้าจักรยานมาก่อนในยุคที่เมืองไทยยังไม่มีรถยนต์มีแต่รถม้ารถลาก แกก็ใช้ม้ามาวิ่งลากรถ ทำเป็นรถม้ารับจ้างทั่วไป พอรถยนต์เข้ามาในเมืองไทยแล้ว ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 แกจึงสั่งรถเข้ามาดัดแปลงวิ่งเป็นรถรับจ้าง ก่อนจะพัฒนามาเป็น รถเมล์ประจำทาง ต่อมา



    ยี่ห้อรถที่ นายเลิศ สั่งเข้ามาก็คือ ‘ยี่ห้อฟอร์ด’ โดยทำการออกแบบดัดแปลงรถเมล์ด้วยตัวเอง ต่อเป็นตัวถังไม้ พื้นไม้ ทางขึ้นลงอยู่ตรงท้ายรถ ทำสีขาวทั้งคัน คนทั่วไปจึงเรียกติดปากว่า ‘รถเมล์ขาว’ ส่วนสัญลักษณ์ของรถเป็น ตราขนมกง คือเป็นวงกลมมีกากบาทอยู่ข้างใน ในสมัยแรกนั้นรถเมล์ขาวนายเลิศ จะมีขนาดค่อนข้างเล็กและโปร่ง จุผู้โดยสารได้ 15 – 20 คน ที่นั่งเป็นแถวยาว 2 แถว คงเหมือนกับรถสองแถวสมัยปัจจุบัน แต่ต่อมาก็มีการปรับปรุงรถเมล์ให้มีขนาดใหญ่ แข็งแรง มีความปลอดภัยต่อผู้โดยสารมากขึ้น ในยุคที่กิจการเฟื่องฟูสุดๆ บริษัทนายเลิศมีรถเมล์ให้บริการมากถึง 800 คันเลยทีเดียว



    สาเหตุที่มีคนให้ความนิยมมาก ทั้งๆ ที่เวลานั้นก็มีรถเมล์หลายบริษัทให้บริการเช่นกัน คงเป็นเพราะ นายเลิศ ให้ความสำคัญต่อการเอาใจใส่พนักงาน ทั้งคนขับและกระเป๋า มีการฝึกอบรมให้มีมารยาทต่อผู้โดยสารนั่นเอง จึงทำให้รถเมล์ขาวนายเลิศครองใจมหาชนได้อย่างมาก ส่วนการวิ่งให้บริการนั้นก็ยังก้าวล้ำกว่าใคร เพราะในสมัยนั้นรถเมล์ทุกสายจะวิ่งตั้งแต่เวลา ตี 5 ถึง 3 ทุ่มเท่านั้น แต่ต่อมารถเมล์ขาวนายเลิศสาย 2 คือ บางนา – ปากคลองตลาด ก็นับเป็นสายแรกที่วิ่งบริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ตามประวัติ รถเมล์ขาวนายเลิศ ก็แทบไม่เคยมีสถิติเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้โดยสารเลย



    นอกจากจะประสบความสำเร็จในกิจการเดินรถอย่างงดงามแล้ว นายเลิศ ยังเป็นบุคคลที่มีจิตใจงดงามน่าเอาเยี่ยงอย่าง โรงพยาบาลเลิศสิน ที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้ นายเลิศ ก็เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาเอง นอกจากนี้ในปี 2460 สมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งเกิดน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ นายเลิศ ยังนำเรือเมล์ขาวออกวิ่งช่วยเหลือชาวนาแถวคลองแสนแสบให้ขนข้าวของ วัวควายหนีน้ำโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด คุณความดีนี้เองทำให้ ในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่ นายเลิศ ให้เป็น เสวกตรี พระยาภักดีนรเศรษฐ เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลสืบไป


    รถเมล์ขาวนายเลิศ’ ตำนานรถโดยสารเมืองกรุง


    ทุกวันนี้ รถเมล์ขาวนายเลิศ ได้กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไปแล้ว เพราะรถเมล์สายต่างๆ ในอดีตได้ถูกพัฒนากลายมาเป็น ขสมก. ดังเช่นทุกวันนี้ แต่สำหรับเราๆ ที่ช่างได้รับความประทับใจอย่างเหลือล้นกับการใช้บริการ
    รถประจำทาง ขสมก. อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รู้สึกอยากจะขี่ ไทม์แมชชีน หรือเดินทะลุกระจกในละคร ‘ทวิภพ’ ไปนั่ง รถเมล์ขาวนายเลิศ สักครั้งจริงๆ จะได้เปรียบเทียบกันให้เห็นๆ เลยว่า มาตรฐานบริการรถเมล์ ในยุค 100 กว่าปีที่แล้วกับปัจจุบันมันจะต่างกันราวเหวกับฟ้าขนาดไหน









    เอกสารอ้างอิงการเขียน : ย้อนรอยกรุงเทพฯ. เทพชู ทับทอง. สำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์น. กรุงเทพฯ , 2546



    สิ่งแรกในเมืองไทย. สุวิทย์ วงศ์วิริยะ. สำนักพิมพ์เอกลักษณ์. กรุงเทพฯ , 2533

  2. #2
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430
    เข้ามากรุงเทพฯ เทือแรก มาเรียนรามคำแหง เคยขึ้นรถเมล์ สาย 122 หน้าหมอชิตเก่า ราคา 75 สตางค์ ฮู้สึกแปลกใจมาคือถืกแถะ คนกะแน่น ๆ ต่อมากะ 2.50, 3.50 ตอนนี้รถเมล์พัฒนาหลายขึ้น โล๊ะรถมินิบัสสีเขียวเป็นสีแสด พัฒนารถพัดลมเป็นรถแอร์ แต่กะมีให้เห็นอยู่

    ปัจจุบันมีรถเมล์ฟรี บ่ได้เสียจักบาท อยากให้โครงการรถเมล์ รถไฟฟรี ยังคงอยู่ตลอดไปครับ อย่างน้อย ๆ คนยากคนจนได้ประโยชน์เต็ม ๆ ครับ

  3. #3
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30
    แม่นยุค่ะอ้าย บีก็ไปเรียนได้ขึ้นรถเมล์ฮ้อนไปเรียนยอมรับว่าเฮ้ดให้ชีวิตมันเร้าใจขนาด กลับบ้านไปเทื่อก่อนยังพาลูกไปนั่งรถเมล์ฮ้อนอยู่เลย อยากเห็นการคมนาคมบ้านเฮาดีขึ้นเรื่อยๆรถจังบ่ได้ติด

  4. #4
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    3,644
    บล็อก
    63
    รถเมล์รถไฟกะขึ้นนำเพิ่นอยู่คือกันแต่ขึ้นเอากษัยซือๆบ่ได้เป็นกิจจะลักษณะจักเทือ

  5. #5
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ suny
    วันที่สมัคร
    Nov 2008
    ที่อยู่
    ภูมิลำเนา มหาสารคาม ทำงาน ประจวบ
    กระทู้
    787
    เข้ามากรุงเทพฯแรกๆกะนั่งแต่รถเมย์แดงกับรถสองแถวเนาะครับบ่กล้านั่งรถแอร์ นั่งสาย 38 หมอชิต-บางนา ประมาณ 30 ปีที่แล้ว มาอยู่แถวตรอกไผ่สิงห์โต (สุขุมวิท๙อย16) เขตคลองเตย หลังโรงงานยาสูบ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดถ้วยละ 6 บาท กินเกือบบ่เบิดได้หลายโพด คิดฮอดสมัยก่อนอยากย้อนเวลากลับไปอีกเด้

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •