....ช่วงกระแสการต่อต้าน และ อารมณ์ของการไม่ยอมรับการปฏิบัติต่อ ผู้ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ ของค่ายเพลงใหญ่ค่าย
ดูเหมือนจะเป็นไฟลามทุ่ง ส่งต่อ ลุกลามไปทีละน้อย จนยากที่จะคาดคะเน แต่พอเดาอารมณ์และความรู้สึกได้ ไม่เฉพาะ
ผู้ที่ได้กระทำความผิดเกี่ยวกับ พรบ.ลิขสิทธิ์ โดยตั้งใจ หรือ ไม่ได้ตั้งใจ

.....แต่รวมและส่งต่อ ไปถึงผู้คนอีกหลายพัน หลายหมื่นแสน ที่เกลียดการเอาเปรียบผู้คน กัดกินเนื้อแท้ของวงการ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ ดูถูกคนฟัง ด้วยการยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี คิดว่าใช่ ให้เขาฟัง ด้วยอำนาจเงินและสถานีวิทยุ ทีวีดาวเทียม สื่อในสังกัดที่ใหญ่คับประเทศ

....โดยที่ชาวบ้านผู้คนยังไม่มีโอกาสได้พิจรณาตั้งรับ โดนกรอกหูอยู่ทุกวัน หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย(อย่าแม้..แต่จะคิด)

.....สุดท้ายสรุปเองว่า เพลงดัง กอบโกยผลประโยชน์ จนลืมแก่นแท้ความเป็นค่ายเพลงลูกทุ่ง ลืมความเป็นลูกทุ่งที่ยืนอยู่ข้างคนฟัง ศิลปิน ครูเพลง
นักดนตรี แฟนเพลง ที่ต้องช่วยกันประคับประคองบทเพลง ที่มีคุณค่าที่แท้จริง

ลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองได้ความมั่งคั่งทางธุรกิจ เกิดจากการฟังและชื่นชอบชื่นชม บอกกล่าว เล่าต่อ โดยสุจริตใจน้ำใจแท้ๆของคนลูกทุ่ง
หรือชาวไร่ชาวนาตาดำๆ ที่เพียงอยากให้เสียงเพลงกล่อมเกลาชีวิตที่ยังขาดๆเกินๆ ปลอบใจผ่อนคลาย ไม่ได้คิดอะไร

สุดท้ายคุณ(ค่ายเพลง)ก็ใช้ผู้คนเหล่านั้นเป็นสะพานไม้ไผ่ให้คุณเดินและกอบโกยผลประโยชน์ ใช้วิธีแยบยลของสัญญาทาสต่างๆ มาเล่นงาน
กับคนที่มีพระคุณ โดยไม่แยกแยะความผิด จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

.......ปล่อยให้บุคคลบางกลุ่ม แสวงหาประโยชน์ ข่มขู่คุกคาม ใหญ่โตคับวงการ ไม่เว้นแม้แต่ นักร้องระดับรากหญ้า ของผู้เขียนเอง
ที่ดันไปมีเสียงละม้ายคล้ายกับศิลปินค่ายใหญ่ที่โด่งดัง ผมทำเพลงใหม่ให้ ไม่เคยไปละเมิดใคร ยังถูกยึดซีดีไปตรวจสอบ ทำได้แค่ยืนอ้าปาก...ค้าง

........นักร้อง ศิลปิน นักเพลงข้างถนน วงดนตรีลูกทุ่ง หมอลำ ทุกวันก็ฝืดเคืองอยู่แล้ว โดนห้ามร้องเพลงที่ละเมิดสิทธิ์ อะไรจะเกิดขึ้น วันนี้แค่หายใจก็ยังลำบาก
พวกเขาหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเพลงที่อยากร้อง อยากถ่ายทอดให้คนฟัง ฟังดูแล้วพิลึก

........นักร้อง ศิลปินที่หลุดโช่ตรวนจากค่าย ออกมาเป็นอิสรภาพสู่โลกภายนอก ไม่ต่างจากสุนัขล่าเนื้อ เพลงตัวเองแท้ๆ ก็โดนสั่งห้ามสั่งแบน
ละเมิดเมื่อไหร่มึงโดน ลืมไปว่ามันเป็นเสียงต้นฉบับ(ฮา)

........นี่ยังไม่รวม อินสะแกรม เว็บไซด์(รวมถึงบ้านมหาดอทคอมเราด้วย) โซเชียลมิเดียต่างๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ผับดารา บาร์ต่างๆ ปรับตัวกันแทบไม่ทัน ได้แต่หวั่นๆ รอโชคมาเคาะประตูหน้าบ้าน กลัวโดนแจ็คพอต ตามเแฟชั่น กับเขาบ้าง

........สุดท้าย มันก็เป็นอารมณ์นี้ ประมาณนี้ ของขึ้นประจำวันตามโซเชียลมิเดีย ประมาณว่า ไม่ให้กูร้อง กูก็ไม่ร้อง ไม่ให้ฟัง กูก็ไม่ฟัง เป็นอารมณ์ประชดประชัน
แดกดัน กระทบชิ่งไปหา นายทุนหน้าเลือด กับผู้ถือหุ้นไม่กี่คน รวมถึงคนในวงการบางคน บางกลุ่ม ที่ตกเป็นเครื่องมือ เครื่องจักรคอยพิทักษ์คำว่า.

ข้าคือเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่ผู้เดียว ...

ลืมนึกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น..หรือนี่จะเป็น อารยธรรมลูกทุ่งใหม่แล้วหรือ..........

กูไม่ร้อง....กูไม่ฟัง