มีหลายสิ่งหลายอย่างหรือหลายเหตุการณ์ ทำให้เราสงสัยว่าจริง ไม่จริง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง มีโทษ ไม่มีโทษ ควรที่เราจะเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด แต่ในส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะได้คิดกัน หรือสงสัยกัน จะเชื่อถือหรือรับเอามาปฏิบัติโดยทันทีที่เขาบอกว่าดี ถูกต้องแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็บอกได้เลยว่าสังคมเรากำลังอ่อนแออย่างมาก ถูกปั่นหัวได้โดยง่าย ยิ่งทุกวันนี้การสื่อสารมีประสิทธิภาพสูงมาก เมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก เพียงชั่วครู่ก็สามารถกระจายข่าวให้รับรู้กันได้ทั่วโลก ในแต่ละวันเราได้รับข่าวสารมากมายและมันก็ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะถูกต้องดีงามไปทั้งหมด

เพราะฉะนั้นการรับเอาข่าวสารควรมีการพิจารณาเสียก่อน เพื่อไม่ให้ผิดผลาดหรืองมงายไป ในสมัยพุทธกาล ชนชาวกาลามะแห่งเกสปุตตนิคมในแคว้นโกศล มีครูบาอาจารย์สอนเรื่องดับทุกข์อยู่อย่างมากมาย พวกหนึ่งสอนอย่างหนึ่ง อีกพวกหนึ่งก็สอนอีกอย่างหนึ่ง จนชาวบ้านไม่รู้ว่าคำสอนไหนที่เชื่อถือได้ จนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จผ่านมา จึงทูลถามเรื่องที่พวกเขากำลังงงกันไปหมดแล้ว ไม่อาจทราบได้ว่าข้อปฏิบัติอย่างใดจะดับทุกข์ได้โดยตรง


กาลามสูตร
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร


๑. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา
๒. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)
๓. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง
๔. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)
๕. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ
๖. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง
๗. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ
๘. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน
๙. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ
๑๐. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา


แม้จะอ้างว่าบอกต่อๆกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว มันก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะถูกต้อง ดี มีโทษ ไม่มีโทษ ฯลฯ เสมอไป หรือบอกว่าฉันเห็นมากับตาตัวเองเลยว่าเป็นจริง แม้ยืนยันอย่างนี้ก็ยังเชื่อโดยทันทีไม่ได้ แน่ใจหรือว่าอะไรๆที่เราเห็นจะเป็นจริงดังที่เราเห็น ในตอนเช้าหรือตอนเย็น เราเห็นพระอาทิตย์ติดกับพื้นโลก ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ที่เส้นขอบฟ้าเราเห็นท้องฟ้าติดกับพื้นดิน แล้วมันเป็นจริงดังที่เห็นหรือเปล่า เรามองไปบนถนนในตอนกลางวันเห็นถนนมีน้ำอยู่ทางด้านหน้า แต่พอเราเข้าไปใกล้มันกลับหายไป(พยับแดด) เห็นไหมว่ามันไม่แน่หลอกว่าที่เราเห็นจะเป็นจริงไปซะหมด หรือแม้แต่การปฏิบัติต่อๆกันมา ร่วมไปถึงประเพณีต่างๆด้วย บางประเพณีถือปฏิบัติกันมาอย่างผิดๆก็มี และส่วนมากจะตื่นเต้นไปกับการร่ำลือ ที่โน้นดี มีของศักดิ์สิทธิ์ ให้หวยแม่น อย่างนี้ชอบ แล้วก็แห่แหนกันไป แม้จะต้องเสียเงินเสียทองจ้างรถหรือจ่ายค่าหลอกลวงอะไรต่างๆก็ยอม ขอให้ได้สนองความมัวเมาของตัวเองเถอะเป็นเอาทั้งนั้น แต่การทำตนเองให้ศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ค่อยมีใครอยากทำกัน เพราะฉะนั้นเราเห็นอะไรก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินอะไรก็สักแต่ว่าได้ยิน อย่าด่วนตัดสินใจรับหรือปฏิเสธโดยทันที

คนไทยเราสมัยนี้ด้อยคุณภาพเป็นอย่างมาก คอยแต่จะหวังพึ่งของขลังศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ไม่เคยคิดทำด้วยความเพียรพยายามของตนเอง ไม่คิดพัฒนาตนเอง แล้วในที่สุดมันก็ตกอยู่ในความประมาท ปล่อยให้วันคืนผ่านไปเปล่า สิ่งที่ทำด้วยความสามารถของตนเองไม่มีเกิดขึ้นมาให้เสริมคุณค่าของตนเองเลย แล้วมันก็ขาดอิสระภาพ ตกเป็นทาสของขลังศักดิ์สิทธิ์ ต้องคอยส่งส่วย ต้องคอยหาของมาเซ่นไหว้กลัวว่าจะไม่ช่วย บางทีไม่ได้ตามที่ต้องการก็คิดไปว่าเราคงติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อยไป ต้องนำมาให้มากกว่านี้ แล้วอย่างนี้จะหาคุณค่าที่น่าภูมิใจได้ที่ตรงไหน

บ้างก็เชื่อง่ายดายเพียงเพราะรูปร่างลักษณะต่างๆดี ดูแล้วมันน่าเชื่อถือ ใจง่ายอย่างนี้โดนหลอกมานักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทางโทรทัศน์ ทางหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ หรือแม้แต่การโฆษณาตามวัดบางวัด อวดอ้างอิทธิปาฏิหาริย์ แล้วญาติโยมก็ชอบซะด้วย เราได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัท ก็ควรที่จะรู้บ้างว่าสิ่งใดเปลือก สิ่งใดคือแก่นของพระพุทธศาสนา จะเป็นพุทธบริษัทก็ควรเป็นให้สมบูรณ์ มีคุณค่า มีปัญญา อย่าเป็นเพียงพุทธบริษัทที่ด้อยคุณภาพ