เครื่องปรุง
สำหรับเครื่องปรุงที่ใช้ในการเฮ็ดต้มอึ่ง กะคือกับการ เฮ็ดต้มส้มทั่วไป ซึ่งกะได้แก่ ตะไคร้ ใบบักกรูด หรือใบบักหูดบ้านเฮานี่หละ หัวข่า(เอาข่าแก่ๆกะได้) กระเทียม หัวผักบั่ว ผักหอม ผักซี เหล่านี้ เป็นผักที่เฮ็ดให้หอม แล้วกะกลบความคาว ความกุย ของอึ่ง เอ้อลืม บักพริกนำเด้อ สิได้ออกเผ็ดจักหน่อย แล้วกะอย่าลืม ใบบักขาม ใบบักขามส้มอ่อนๆ จักกำหนึ่ง เครื่องปรุงรส กะมี เกลือ กับน้ำปลา กะพอ แต่ผู้ลังคน ย่านบ่แซบ กะอาจสิใส่ รสดี หรือ คะนอร์ต้มยำ ลงไปนำอันนี่กะบ่ผิดกติกา เพราะว่ากติกา การเฮ็ดอาหารอีสาน บ่มีสูตรตายโต เฮ็ดจั่งได๋กะได้ ว่าแต่ แซบ
วิธีปรุง
๑.เอาอึ่งที่เฮาหามาได้ มาล้างน้ำให้สะอาด ให้ขี้ดิน ขี้หยังเหยี่ย ที่ติดอยู่ออกให้เหมิด แล้วกะเอามาเฮ็ดให้อึ่งเสียชีวิตก่อน(บางคนกะบ่ต้องเฮ็ดให้มันสิ้นชีพก่อนกะมี เอาเทลงหม้อน้ำเดือดเลย แต่ข้าพเจ้าว่า มันโหดโพด กะเลยต้องเฮ็ดให้มันสิ้นใจก่อนจั่งเทลงหม้อ) การฆ่าอึ่ง กะบ่ยากบ่ทรมารหลาย ผู้ลังคนกะสงสัยว่า สิเอาไม้เคาะหัวอึ่งให้มันตาย คือเคาะหัวแย้ หัวกะปอม มันคือสิเป็นตายากแท้ จักว่าหม่องได๋เป็นหัวอึ่ง หม่องได๋ เป็นคอ จักว่าสิเคาะหม่องได๋ มันบ่ต้องยากปานนั้นดอก แค่เอาเกลือโฮยลงไปใส่โตอึ่ง แล้วกะซาวให้เข้ากัน เท่านั้นอึ่งกะสิ้นชีพแล้ว เพราะเกลือสิไปดูดเอาน้ำที่อยู่ผิวหนังของอึ่งออก ทำให้อึงเกิดสภาวะ Dehydrate อึ่งกะสิช๊อกตาย อย่างบ่ทรมารเท่าเทลงในน้ำเดือด (การประหารชีวิตแบบนี้ ใช้ได้กับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทุกชนิด บ่ว่าสิเป็น อึ่ง กบ เขียดจิโม้ เจียดจินา เขียดน้อย เขียดขาคำ รวมไปฮอด ขี้ตมปาด พุ่นหละ)
๒.ข้างหม้อ โดยใส่น้ำประมาณครึ่งหม้อ อย่าฟ่าวใส่น้ำหลาย จั่งค่อยเถี่ยนน้ำทีหลัง ถ้าต้มไปแล้วน้ำมันบก หลังจากนั้น กะทุบหัวตะไคร้ หรือบางคนกะปุ้มใบตะไคร้ใส่พร้อม ทุบหัวข่า ใส่ลงไป เอาหัวผักบั่ว หัวผักเทียม มาหมกไฟจักหน่อยจั่งค่อยถิ่มลงหม้อ จี่บักพริกแห้งใส่จักสี่ห้า หน่วย แล้วกะใส่เกลือลงจักช้อนโต๊ะ อย่าพึ่งใส่หลาย จั่งค่อยเติมทีหลังถ้ามันจาง
๓.ต้มหม้อให้เดือด โดยเชื้อเพลิงที่เอามาใช้ในการต้มอึ่ง ที่ดีกะคือ ฟืน หรือถ่าน ถ้าต้มเตาแก้ส มันบ่ดี ไฟมันแฮงโพด อึ่งบ่เปื่อยดี พอน้ำเดือด จน ฟดเละๆ แล้ว กะเอาอึ่งที่เฮาเตรียมใว้ เทลงไปในหม้อ ปิดฝา ต้มไว้ โดยระวังอย่าให้ไฟมอด หรือหม้อปูม ถ้าหม้อปูม กะเปิดฝาออกจักคาว เวลาในการต้ม ถ้าเป็นอึ่งลื่ง หรืออึ่งยาง ใช้เวลาประมาณสามสิบนาที กะเปื่อยแล้ว แต่ถ้าเป็นอึ่งเพ่า โตใหญ่ๆต้องใช้เวลาหลายขึ้นไปอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั่น เวลาบ่เป็นที่ตายโต เฮาต้องทาว ตักขึ้นมาเบิ่งเองว่า มันเปื่อยหรือยัง
๔.เมื่ออึ่งใกล้สิเปื่อย เฮากะใส่ใบบักขามอ่อน ที่เตรียมไว้จักกำ แต่ถ้าย่านมันบ่ส้ม กะทุบหน่วยบักขามดิบลงใส่นำกะได้ แต่กะอย่าให้ส้มคักหลายเด้อหละ กินแล้วมันสิไข้หลี (ขี้ไหล) ใส่ใบบักหูด ลงไปต้มต่ออีกจักหน่อย
๕.เมื่อทาวอึ่งขึ้นมาเบิ่ง ว่ามันเปื่อยดีแล้ว กะเริ่มซีม เบิ่ง ถ้ามันจางกะใส่น้ำปลาลงไป ถ้ามันเค็มกะเติมน้ำลงไปอีก ถ้ามันบ่นัวกะใส่รสดี หรือผงชูรส ลงไป ถ้าแซบแล้ว กะหั่นต้นหอม ต้นผักชีลงไป แล้วกะปงหม้อลง จากนั้นเฮากะสิได้ ต้มอึ่งที่หอม แซบ ส้มป่อยหล่อย ถืกปากผู้เฒ่า ตักใส่ถ้วย กินได้ทันที แต่กะให้ระวังแหน่หละ โตได๋ท้องใหญ่ๆ อย่าสะคึดแต่ว่า อึ่งไข่หลายเด้อ บัดเอาซ้อนสักท้องแตก เดี๋ยวสิมีแต่แมงเม่าฟูเต็มถ้วย เดี๋ยวสิหาว่าบ่เตือน
เฮาสิสังเกตได้ว่าการเฮ็ดต้มอึ่ง ต้องใช้เวลานานพอสมควร ต้องใจเย็นๆอยากกินของแซบ ต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อน เพราะว่าถ้าต้มอึ่งบ่เปื่อย ปรุงรสให้แซบปานได้ กะกินบ่แซบ เพราะอึ่งมันหยาบ ต้องใจเย็นๆ ยามซดกินกะต้องใจเย็นก่อนสิซดกะเป่าให้มันเย็นก่อนเด้อ เดี๋ยวมันสิด้วกดิ้น เด้
สมัยก่อน สมัยเป็นหนุ่ม กินสุราขาวแกล้มกับต้มอึ่ง โฮ้...แซบเป็นตาหน่าย แต่ซุมื่อนี้ กินสุราขาวบ่ได้ เพราะเป็นโรคกระเพาะ กะเลยหันมาดื่มเบียร์ แกล้มต้มอึ่ง แซบคือกัน มา..มา..มากินต้มอึ่ง นำกันเด้อ....
Bookmarks