-
ดูแลตรวจสอบเนื้อหา
'ข้าวคุณธรรม' ผลผลิตเกรดเอ จากชาวนาผู้รักษาศีล
ปลายทางของความ ใฝ่ใจในทางธรรม ล้วนแต่ส่งผลมาสู่ผู้ปฏิบัติเสมอ ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ในสังคมแบบใดก็ตาม หลักความจริงแห่งการทำความดี ย่อมสะท้อนถึงเรื่องราว น่าชื่นใจจากแง่มุมต่างๆ ของการทำดีตามมาอย่างแน่นอน ทำดี...ย่อมได้ดี จึงเป็นความจริงเสมอโดยไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา
กลุ่มชาวนารวมตัวก่อตั้งเครือข่ายข้าวคุณธรรม
ด้วยแนวคิดข้างต้นนี้เอง กลุ่มชาวนาซึ่งเรียกตัวเอง ว่า เครือข่ายคุณค่าข้าวคุณธรรม โดยการนำของ คุณพ่อวิจิตร บุญสูง ปราชญ์ชาวบ้านระดับชาติ ภายใต้เครือข่ายของมูลนิธิธรรมร่วมใจ วัดป่าสวนธรรม อ. นาโส่ จ.ยโสธร จึงเกิดขึ้นมา อย่างมั่นคงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจาก รศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการด้านสหกรณ์ ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นฝ่ายสนับสนุนในการร่วมพัฒนาแนวคิดของชาวนากลุ่มนี้ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับข้าวที่ผลิตได้ ด้วยการชูสโลแกนเรื่องคุณธรรมของชาวนาผู้ผลิตข้าว เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการพัฒนาคนและผลผลิตควบคู่กันไปในการสร้างแบรนด์ ข้าวคุณธรรม
จุดเริ่มต้นของโครงการเกิดจากการดำเนินงาน โครงการวิจัยขบวนการพัฒนาสหกรณ์ใน พื้นที่ จ. ยโสธร ภายใต้ชุดโครงการวิจัย การพัฒนาโครงการสหกรณ์ในพื้นที่ 36 จังหวัด โดย ทีมงานและผู้ประสานงานกลางของ รศ.จุฑาทิพย์ ได้พบปะพูดคุยกับแกนนำชาวนา อ. ป่าติ้ว จ. ยโสธร และนัดหมายจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่วัดป่าธรรมะร่วมใจ ใน อ. ป่าติ้ว อีก 3 ครั้ง จึงได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาข้าวเกษตรอินทรีย์ โดยการสร้างพรีเมี่ยม แบรนด์ของข้าวอินทรีย์ กระจายอยู่ในพื้นที่ ใน 4 จังหวัดของภาคอีสาน
ทั้งนี้ กรอบแนวคิดของเครือข่ายข้าวคุณธรรม มีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ของข้าวอินทรีย์ในพื้นที่ โดยเริ่มต้นจากกลุ่มชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มาแล้วมากกว่า 3 ปี ภายใต้แบรนด์ ข้าวคุณธรรม ซึ่งมีเจตนารมณ์สำคัญ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาการขายข้าวของชาวนาที่ได้ราคาต่ำ เพราะต้องพึ่งอาศัยคนกลางในระบบตลาดเสรี โดยมุ่งหวังให้เกิดการค้าที่ยุติธรรมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ ชาวนาผู้ผลิต ผ่านกระบวนการตลาด จนถึงมือผู้บริโภค จะต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ที่สำคัญ คือ ต้องก่อให้เกิดอุดมการณ์แห่งความร่วมมือ ซึ่งจะได้ต้นแบบใน 2 มิติ ดังนี้ มิติแรก คือ การเป็นต้นแบบห่วงโซ่อุปทาน (ความต้องการซื้อสินค้า) ที่มีคุณค่า บนกรอบ ความคิด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการนำผลผลิตข้าวจากชาวนาไปสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย อันจะนำไปสู่ผลผลิตชนิดอื่นและพื้นที่การเกษตรอื่นๆ ต่อไป มิติที่สอง เป็นต้นแบบของการพัฒนาคนให้มีความร่วมมือกันที่จะสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในกลไกการผลิต และการตลาด ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะช่วยให้เกิดการสร้างคน ในทางปฏิบัตินอกห้องเรียน อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ภายหลังจากที่รับทราบถึงปัญหาของตัวเองและตั้งเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ที่จะแก้ไขแล้ว การหยิบยกเอาเรื่องคุณธรรมเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร จึงเป็นกระบวนการที่ถูกต่อยอดจากคุณธรรมตามศีล 5 ที่ชาวนากลุ่มนี้มีอยู่แล้วแต่เดิมในเวลาต่อมา
เจ้าของแปลงนาต้องถือศีล 5
คุณพ่อวิจิตรเล่าว่า ถึงตอนนี้ มีชาวนาเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวนทั้งสิ้น 108 คน จาก 4 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร มุกดาหาร อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มมาตรฐาน ดังนี้ 1. กลุ่มข้าวคุณธรรมเต็มรูปแบบ คือ ชาวนาที่ได้รับมาตรฐานข้าวอินทรีย์ตามาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย (มทก.)แล้ว และ 2. กลุ่มข้าวคุณธรรมปรับเปลี่ยน จะหมายถึงชาวนาที่ผลผลิต ของตัวเองยังไม่ได้คุณภาพ ตามมาตรฐาน มทก. แต่ก็เข้าสู่กระบวนการข้าวคุณธรรมของโครงการด้วย
ในกระบวนการผลิตข้าวคุณธรรมนั้น เริ่มต้นจากการหว่านข้าวลงในแปลงนา ซึ่งเจ้าของแปลงต้องเป็นชาวนาผู้ถือศีล 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเคร่งครัดในการ ลด ละ เลิก อบายมุข 3 ประการ คือ การงดเสพสุรา ของมึนเมา ไม่สูบบุหรี่ และ ไม่เล่นการพนัน นอกจากนี้ ในส่วนของกระบวนการตลาด โครงการนี้ก็ต้องการเน้นให้ การดำเนินการเป็นไปโดยโรงสีชุมชน ซึ่งจะคอยทำหน้าที่รวบรวมข้าวสู่คลังสินค้า ตลอดจนการสีข้าวตามการสั่งซื้อร่วมกันและรับหน้าที่การตลาดตามข้อตกลง
ปัญหาเดิมที่คั่งค้างแม้ว่าจะพากันละทิ้งแนวทางของเกษตรเคมี และหันมาปลูกข้าว หอมมะลิในแบบเกษตรอินทรีย์แล้วก็ตาม แต่สภาพความเป็นจริงของชาวนาที่เป็นมาตลอด นั่นคือ แม้ข้าวที่ปลูกจะได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว แต่ก็ต้องประสบกับภาวะของราคาข้าว ตกต่ำ มิหนำซ้ำ แม้ปลูกข้าวเองแต่ทุกวันนี้ก็ยังต้องซื้อข้าวกิน หมดเงินไปกับการจับจ่ายจนแทบไม่มี เงินเหลือเก็บ เป็นหนี้เป็นสิน ทำให้ชาวนาอย่างพวกเราต้องร่วมกันคิดหาวิธีแก้ไข และสร้างกระบวนการความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในชุมชนขึ้นมา คุณพ่อวิจิตร กล่าว
เหตุผลข้างต้นจึงกลายเป็นที่มาของการใช้ศีลธรรมประจำใจที่หลายคนในกลุ่มถือปฏิบัติอยู่แล้ว ถูกหยิบนำมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนา ลบภาพที่มักจะติดตา คนทั่วไปว่า เป็นชาวนาแต่ต้องเป็นหนี้และมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี เนื่องจากที่ผ่านมารายได้ที่มีนั้นแทบจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายในครัวเรือน ทั้งที่เป็นรายจ่ายที่จำเป็นและค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับการดำเนินชีวิต เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และใช้รายได้ครัวเรือนให้หมดไปกับการพนันต่างๆ จนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท ไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัวตามมาในที่สุด และเมื่อมีการเริ่มโครงการก็สามารถช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ ซึ่งจะนำ ไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนได้อีกทางหนึ่ง
มีการตรวจสอบศีลอย่างเคร่งครัด
ขั้นตอนของการตรวจสอบศีลนั้น เป็นไปอย่างเคร่งครัดมีทั้งหมด 3 ระดับ โดยแกนนำคนสำคัญ มีทั้งผู้นำกลุ่มชาวนา พระสงฆ์ในชุมชน ผู้ทำหน้าที่สอนเรื่องหลักธรรมให้กับสมาชิกในกลุ่มชาวนา นักส่งเสริมผู้ทำหน้าที่่ประเมินเกษตรกรตามมาตรฐานโครงการ คือ การตรวจที่แปลงนา (ตรวจว่าไม่มีการใช้สารเคมีปนเปื้อนตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่) ส่วนในระดับเพื่อนบ้าน (จะช่วยกันตรวจสอบว่ามีการใช้สารปนเปื้อน และมีการละเมิดผิดศีล หรือเปล่า) และสุดท้ายเป็นการตรวจศีลที่วัด (การจัดสร้างเวทีให้ความรู้และเสวนาธรรมโดย มีพระคุณเจ้าพรหมมา สุภทฺโธ เป็นผู้ตรวจสอบ)
คุณพ่อวิจิตร เล่าว่า ถือเป็นความท้าทายมากว่าจะสามารถรักษาศีลและทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งในทางปฏิบัติและวิธีการตรวจสอบ ก่อนอื่นก็ต้องอาศัยความจริงใจและความซื่อสัตย์ของสมาชิกในกลุ่มที่จะคอยเป็นหูเป็นตาไม่ให้ความตั้งใจของกลุ่มเสียหลักการไปตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ ที่ขาดไม่ได้ นั่นคือกรรมการบริหารโครงการ ซึ่งจะทำหน้าที่คอยสอดส่อง ตรวจสอบศีล และควบคุมคุณธรรมของสมาชิกในกลุ่ม โดยที่ตัวเองก็ต้องเป็นผู้รักษาศีลและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสียก่อน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสมาชิกในกลุ่มให้ดีขึ้น ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกลุ่ม มีคุณธรรมในทุกๆ ขั้นตอน จนในที่สุดจาก 108 รายที่เข้าร่วม โครงการเหลือเพียง 38 รายที่ผ่านการคัดเลือกมาตรฐานคุณธรรม
ในระบบการตรวจสอบจะมีผู้ตรวจศีล ซึ่งก็คือชาวนาให้ชาวนาตรวจสอบตนเอง และการตรวจสอบจากผู้ตรวจศีล ซึ่งจะเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ในหมู่บ้าน รวมทั้งญาติพี่น้องของ ชาวนาจะช่วยกันสอดส่องดูแล ตักตือน และคอยจดบันทึกเพื่อนำมารายงาน โดยทุกๆ ขั้นตอนจะมีระบบการตรวจสอบจากกลุ่มชาวบ้านด้วยกันอย่างเคร่งครัด
คุณพ่อวิจิตรย้ำว่า เพราะถ้าเราบอกกับใครๆว่า เราเป็นชาวนาผู้รักษาศีลที่ปลูกข้าวคุณธรรม แต่เรายังไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองว่า เราทำอะไรลงไป ก็คงจะเสียความน่าเชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้น อาจะทำให้เกิดข้าวคุณธรรมเถื่อนที่แอบอ้างคุณสมบัติตรงนี้ขึ้นมา โดยที่ชาวนาผู้ปลูกข้าว อาจจะไม่ได้รักษาศีลอย่างแท้จริง
++++++++
มีต่อ..........
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 86 ม.ค. 51 โดยภาษิตา)
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
มาเว่าเป็นตาคึดยากแท่ ห่าไปซื้อเพิ่นถามว่ามีคุณธรรมบ่ สิตั๋วว่าจั่งใด๋น้อ บาดนี่ คึดยากหลาย
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
เป็นกุศโลบายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คะ สิ่งที่ชัดเจน คือ
1. ผู้ปลูกข้าวจะมีสุขภาพกายดี เพราะไม่มีสารเคมีปนเปื้อนในกระบวนการเพาะปลูก
2. ผู้ปลูกมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะได้รับอานิสงส์จากการรักษาศีล
3. ชุมชนเข้มแข็ง มีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต
ขอชื่นชมด้วยความจริงใจคะ หากมีโอกาสผ่านเมืองบั้งไฟโก้อีกจะแวะเด้อค๊า :g
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks