เรื่อง “อตัมมะยะตา” ซึ่งแปลกันตรงๆเผงๆก็แปลว่า “กูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย...!”


กูไม่เอาแล้วโว้ย

เหมือนผัวกับเมียอยู่ด้วยกันนานแล้ว ตีกันหัวแตกบวมช้ำกันมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดสุดเอียนสุดเบื่อจนทั้งคู่บอกว่า “กูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย...!” เลิกรากันไป พอเลิกกันแล้วไม่ใช่ว่าไม่เอากับไอ้คนนี้แล้วจะไปเอากับคนอื่นอีก เพราะ ”อตัมมะยะตา” หมายความว่าไม่เอาแล้วไอ้เรื่องราคะ ไอ้เรื่องเนื้อหนัง หรือไอ้สิ่งนี้ไม่มีทางมาทำให้เราต้องเจ็บปวดกับมันอีกต่อไป เพราะเราเบื่อแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ยุ่งกับมันแล้ว

เราลองมาตวาด บอกว่ากูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย...! พอแล้วที่มึงไสหัวกูมานี่ แหม... คำอธิบายที่ท่านพุทธทาสสอนมานี่อาตมาไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน ไปอยู่สวนโมกข์ 7 ปีก็ได้ฟังเรื่อง “อตัมมะยะตา” พอดี ก็เลยประทับใจ แล้วก็เอาเรื่องนี้มาบรรยายหลายแห่งหลายที่

เราถูกโทสะเล่นงานเราให้โกรธให้ฉุนเฉียว เราเจ็บปวดที่ถูกไอ้ตัณหานี่มามากนัก เราจะต้องตวาดมันบ้าง “เฮ้...! มึงนี่เอากันมากไปแล้วนะ ไสหัวกูมากไปแล้วนะ ไม่เอาแล้วนะ” ให้พูดออกไปว่า “อตัมมะยะตา”

ไอ้ความโลภก็เหมือนกัน มันใช้เรามากเราต้องแสวงหาหัวหกก้นหวิด หัวปักหัวปำ พอถึงจังหวะดีๆพิจารณาเห็นโทษของมันที่มันไสหัวเราจนหลุดปากบอก “กูไม่เอากับมันแล้วโว้ย...!”

เหล้าก็เหมือนกัน บุหรี่ก็เหมือนกัน เรากินเราสูบจนสุขภาพเสียบรรลัยหมด เราจะต้องพูดออกมาว่า “กูไม่เอามันแล้วโว้ย...!” จะทำให้ไม่ต้องมาบ่นว่าหาเงินหาทองแทบตายแต่ต้องมาหมดเพราะเหล้า

เมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เราต้องพูดว่า “กูไม่เอากับมันแล้วโว้ย...!” ไอ้ของชั่วๆเลวๆ ติดๆหลงๆกันนี่ รีบตะเพิดตวาดให้ได้ไวๆเถอะ มันจะได้ “อตัมมะยะตา” คือญาณที่หยั่งรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ควรเอากับมันแล้ว เอาเหล้ามากิน เอายามาเสพ เอาเนื้อหนังมาหลงมาใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ติดจมไม่เอาแล้ว พอแล้ว และนี่ก็คือความหมายของคำว่า “อตัมมะยะตา” ตามที่ท่านพุทธทาสสอนไว้ ท่านบรรยายไว้เยอะ ยาวหลายตอนสิบกว่าตอน อาตมาจำสรุปความย่อๆไว้ อาตมาอยากจะฝากไว้ว่า

พระพุทธเจ้าท่านทรงมี “อตัมมะยะตา” โดยคืนก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ บ้านก็ดี เมืองก็ดี ปราสาทก็ดี ตำแหน่งกษัตริย์ก็ดี เวียงวังสะสวยผูกมัดพัดพามาด้วยหลายชาติหลายภพ พระองค์บอกว่าไม่เอาอีกแล้วตำแหน่งกษัตริย์ ตำแหน่งเจ้า ลูกรักเมียงาม นางสนมเลอโฉม ไม่เอาอีกแล้ว พระองค์ได้ตรัสรู้ก็เพราะเหมือนได้ “อตัมมะยะตา” ที่ว่านี่แหละ ใครได้ไปคนนั้นก็สบายทั้งภพทั้งชาติ ไม่ต้องตกระกำลำบากทั้งภพทั้งชาติ

คนเดี๋ยวนี้มันจะเอาตะพึด จะเอา ส.ส. จะเอา ส.ว. จะเอาตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ เมื่อไหร่มันถึงจะหลุดปากว่า “กูไม่เอากับมันแล้วโว้ย...!” ลงครั้งสุดท้ายแล้ว ส.ส. ไม่กระเสือกกระสนทุรนทุรายต่อไป แล้วจะสบายไปตลอดชาติถ้ามี “อตัมมะยะตา” อยู่ในตัว



ที่มา : พยอมวันนี้ โดย พระอาจารย์พยอม