กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: +เมื่อฉันแก่ตัวลง+

  1. #1
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ sompoi
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    ที่อยู่
    japan
    กระทู้
    5,708
    บล็อก
    23

    +เมื่อฉันแก่ตัวลง+

    สำหรับคนที่อยู่ห่างไกลพ่อแม่ และ อยากมีอนาคตที่สวยงาม
    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่งที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลงและพ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง
    ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด

    เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเองตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อๆ
    เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง...ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามากจนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75
    เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว
    พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษแม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอา
    สมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่...
    สำหรับคนอายุ 75เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
    >> > >>>
    พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบินเคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
    ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่นช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย... แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ
    โดยที่หาทราบไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ
    บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบไม่สบายกายเลย
    แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้วแต่เขาก็ไม่บ่นอะไร
    เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน
    พอเริ่มได้พักแม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว
    พอลูกบอกให้ฟังว่าปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้วแม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม
    >> > >>>
    เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลงโดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา
    แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาดของแปลกปลอมเยอะ
    เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคนแม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย
    ผมเลยพูดไม่ออกพอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วยทำเอาวันนั้นทั้งวันพวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...
    >> > >>>
    พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว
    แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น
    แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลงไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่
    ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
    >> > >>>
    “ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ ในช่วงที่ผม
    ไปอยู่เมืองนอกแม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้
    ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่าอยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ
    ครั้งหนึ่งมีเรื่องคน ี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีนมีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก
    ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ ี่ปุ่นได้อย่างไรตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ ญี่ปุ่น
    แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบากวางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง
    มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความ
    ยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบแต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจ
    เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไรขอผมดูหน่อยนะ”แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้นแล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า
    >> > >>>

    “เมื่อฉันแก่ตัวลง”
    ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004
    เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก
    ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นทันที ....
    >> > >>>
    >> > >>>เมื่อฉันแก่ตัวลง.....ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
    >> > >>> ถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง....ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า
    ขอให้คิดถึงตอนเธอเด็กๆ...ที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง
    >> > >>> ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ….ขอให้อดทนสักนิด
    อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย
    >> > >>>
    >> > >>>ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆได้ไหม
    ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบเพื่อให้....เธอยอมอาบน้ำ
    >> > >>> ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน…. จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม
    “ทำไม ทำไม”ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม
    >> > >>> ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอ....จงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน
    เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ
    >> > >>> หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว.....กำลังพูดเรื่องอะไร
    ไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน......ฉันก็พอใจแล้ว
    >> > >>> ตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง...ไม่ต้องเสียใจ...ขอให้เข้าใจฉัน....สนับสนุนฉัน
    ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ในตอนนั้น....ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
    ตอนนี้....ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิต……
    >> > โปรด....ให้ความรักและความอดทนต่อ....ฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ....
    ในแววตาอันฝ้าฟางของฉัน....มีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่ม ีให้กับ..........เธอ
    >> > >>>
    >> > >>>ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที.... เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
    ตอนนั้นแม่เดินออกมาผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้
    หลังจากผม กลับไปแล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทางผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว
    จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภ
    สำหรับผมและเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้นผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่งแม่ตามมาส่งผม
    จนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ “เมื่อฉันแก่ตัวลง”
    บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบเอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป
    >> > >>> ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ให้กับลูกๆทั้งที่พเนจรและไม่ได้พเนจรทั้งหลาย...ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่าน
    หรือไม่ก็โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ....
    >> > >>>ท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่า...แค่ได้รับรู้ว่าเราสุขสบายดี..ถ้าหากเราไม่สามารถไปเยี่ยมท่าได้....
    ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน...
    >> > โปรดยิ้มให้กว้างๆและยิ้มบ่อยๆ...แม้ท่านจะมองไม่เห็น..แต่ท่านจะรู้สึกได้......
    มองต่าง..อย่างปลง

  2. #2
    Super Moderator สัญลักษณ์ของ ไก่น้อย
    วันที่สมัคร
    Aug 2006
    ที่อยู่
    นครโคราช
    กระทู้
    4,928
    บล็อก
    8
    จำได่ว่าเคยอ่านตะดนเติบเเล้วค่ะ...กลับมาอ่านอีกรอบยัง ซึ้งใจยุคือเก่า ไคยุจ้าไก่น้อยได้ ดูเเลกันยุสูมื้อยุกับบุพการี
    กระเบื้องจะฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม เมฆจะหล่นฟ้าปลาจะกินดาว ลาวจะครองเมือง ::)

  3. #3
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ โป้ยก่าย
    วันที่สมัคร
    Jun 2007
    กระทู้
    1,603
    เคยอ่านคือกันครับ ประทับใจหลาย
    เรื่องคล้ายๆกับความรู้สึกของผู้บังเกิดเกล้า ของผมเลย ผมรู้ว่าท่านห่วงผมมาก
    แต่สิ่งที่ท่านต้องการ ผมก็เข้าใจท่านดี และท่านก็พยายามเข้าใจผม
    ผมรู้ว่าไม่มีใครรักเราเท่าแม่ครับ ผมกลับไปบ้านปีใหม่ได้กราบเท้าท่านผมมีความสุขมาก
    จงเอาชนะในความยาก มิฉะนั้นความยากจะชนะท่าน

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •