สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


บุญบาปมีจริงและให้ผลจริง...

บุญบาปมีจริง และให้ผลจริง นั่นก็คือกรรมมีจริง กรรมให้ผลจริง

ผลของกรรมตรงตามเหตุจริง

น่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้วนับครั้งนับหนไม่ถ้วน และก็น่าจะพากันลืมเสียสนิทอย่างนับครั้งนับหนไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน

จึงพากันทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลมิได้ว่างเว้น ลืมกลัวผลร้ายที่จะเกิดตามมา พากันเดือนร้อนด้วยผลร้ายแรงต่างๆ นานา
โดยหารู้ไม่ว่านั่นเกิดแต่ตนได้ทำไว้ด้วยตนเอง
เป็นการทำร้ายตนเอง มิใช่มีใครมาทำร้ายรังแกอย่างเป็นที่เข้าใจอยู่ทั่วไป

พาให้ก่อกรรมอันเป็นบาปอกุศลเพิ่มขึ้นไม่รู้จบสิ้น
ด้วยการคิดตอบโต้ผู้ที่คิดว่าเป็นผู้ทำร้ายตน
ทั้งที่ความจริงทุกคนที่ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน หนักบ้างเบาบ้าง จากเหตุนั้นเหตุนี้หาใช่เป็นเหตุที่ผู้อื่นทำทั้งสิ้น
ตนเองทำตนเอง แต่อาจมิใช่ในภพภูมิปัจจุบันที่จำได้
อาจเป็นภพภูมิในอดีตที่นานไกล ซึ่งไม่อาจระลึกรู้ได้ กลายเป็นผู้อื่นทำเราทั้งนั้น การตอบโต้ให้หายเจ็บแค้น จึงเกิดตามมาไม่จบสิ้นเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันไม่รู้แล้ว

กรรมหมายถึงการกระทำ ๓ ประการ คือ
การกระทำทางกาย คือใช้ไม้ใช้มือ
การกระทำทางวาจา คือพูด
การกระทำทางใจ คือคิด

ทำดีพูดดีคิดดีคือกรรมดี ทำชั่วหรือทำไม่ดี พูดชั่วหรือพูดไม่ดี คิดชั่วหรือคิดไม่ดีคือกรรมชั่วหรือกรรมไม่ดี
ส่อแสดงให้เห็นจิตใจของผู้ทำดี ผู้พูดดี ผู้คิดดี ว่าเป็นผู้มีจิตใจดี และส่อแสดงให้เห็นจิตใจของผู้ทำไม่ดี ผู้พูดไม่ดี ผู้คิดไม่ดี
ว่าเป็นผู้มีจิตใจไม่ดี นี้เป็นความจริง

ปราชญ์ท่านจึงกล่าวว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงภาษิตไว้ มีความว่า

...โลกถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป สัตว์ทั้งปวงอยู่ในอำนาจแห่งจิตอย่างเดียว..

ประโยชน์หรือวลีที่แทบทุกคนเคยเอ่ยปากพูด หรือไม่ก็เขียน
หรือไม่ก็กราดเกรี้ยวอยู่ในใจ ก็คือไม่ได้อย่างใจเลย ไม่ได้ดังใจจริงๆ แสดงถึงจิตใจของผู้คนส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ของผู้เป็นปุถุชนทั้งปวงว่า ไม่ตั้งใจให้เป็นเหตุตรงตามที่ปรารถนาให้เกิดผล
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องไม่ได้อย่างใจ

ดังที่เอยปากรำพันกันอยู่เป็นประจำ แทบจะไม่มียกเว้นเลยสักคน
แม้ต้องการผลอย่างใด ต้องทำเหตุให้ตรง จึงจะได้อย่างใจ
และทุกคนแน่นอนที่ต้องการแต่อะไรๆ ที่ดีที่งามทั้งนั้น
เพื่อให้สมหวัง ให้ได้อย่างใจ จึงต้องทำเหตุที่ดีที่งาม ไม่เช่นนั้นก็ต้องผิดหวังต้องไม่ได้อย่างใจตลอดไป

ผลย่อมเกิดแต่เหตุ แน่นอนเสมอ

ทำเหตุใดย่อมได้รับผลนั้น ตรงตามเหตุที่ได้กระทำแล้ว จะไม่เกิดผลที่

ไม่ตรงตามเหตุที่ได้กระทำ
และไม่มีผลใดเกิดแต่เหตุที่ไม่ได้กระทำแล้ว
และไม่มีเหตุใดที่ได้กระทำแล้ว จะไม่ส่งผลให้เกิดตรงตามเหตุที่ได้กระทำ
กล่าวสั้นๆ ดังปรากฏในพระพุทธศาสนา
ที่ได้ยินได้ฟังกันแทบทุกเวลาก็คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนเสมอไป



: ทำบุญแผ่นดินไทย ๒๕๔๕
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก