`๏’ แนะคนรักสุขภาพ เลิกจับมือทักทาย หันมาจูบกันแทน `๏’

[ต้นข้าว]

ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพอนามัยวิทยา บอกแนะนำว่า ผู้ต้องการรักษาสุขภาพอนามัย เมื่อจะสวัสดีกับใคร ควรจะเลิกจับมือ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มหรือสาว หากแต่ควรจุ๊บเบาๆ ที่แก้มแทน

คณะนักวิจัยระหว่างประเทศ ต้องตกใจในการศึกษาวิจัยสดๆ ร้อนๆ เมื่อพบว่า การสวัสดีด้วยการจับมือตามธรรมเนียมของชาวตะวันตกนั้ น แท้จริงเป็นการแลกเปลี่ยนเชื้อโรคระหว่างกัน ตั้งแต่โรคหวัดไปจนถึงโรคกระเพาะ ยิ่งกว่าการจูบกันเสียอีก

ผู้เป็นหัวหน้าคณะนักวิจัย ศาสตราจารย์ซอลลี บลุมมิลด์ แห่งโรงเรียนสุขอนามัยวิทยาลอนดอนถึงกับระบุว่า มือนับเป็นตัวการใหญ่ ของการแพร่เชื้อโรคให้แก่กัน "เมื่อเราจับมือกัน ก็เท่ากับถูกต้องเนื้อตัวกัน โดยที่เราไม่รู้มาก่อนว่า ผู้ที่เราโดนตัวเขานั้น ได้ไปถูกต้องตัวใครมากี่คนแล้ว พวกเรามักจะหลีกเลี่ยงเลิกจุมพิตกันเมื่อใครเป็นหวัด แต่หารู้ไม่ว่าการจับมือยิ่งทำให้เอาโรคไปติดคนอื่นเ ข้า"

ขณะเดียวกัน อาจารย์คารอล โอ บอยล์ แห่งวิทยาลัยพยาบาล มหาวิทยาลัยมินเนโซตา ก็ให้ความเห็นว่า "สุขอนามัยของมือนับว่าสำคัญ เมื่อออกไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะบนรถสาธารณะ ในสำนักงานและในซุปเปอร์มาร์เกต หรือในร้านอาหาร เพราะเราไม่อาจจะล้างมือได้ในสถานการณ์เหล่านั้น ดังนั้น เราควรพกกระดาษอนามัยที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย เพราะเราจะได้เช็ดมือเมื่อไรก็ได้ได้ดังใจ"



ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ไทยรัฐ

[ไก่น้อย]

ฮ่วย ส่างว่าเเทะ ..สิได้เปลี่ยนวิธีการทักทายเเล้วตั้วบาดนิ ::)

[มั่วหน่าฮ่าน]

เอาล่ะเด้อบาดหนี่...ข่อยสิได้ออกเดินสายหาทักทายซุมหมู่พวกที่เป็นผุสาวคักๆล่ะ...อิอิ..เขาน่าสิออกเป็นกฎหมายเน๊าะ...

[ติ๋ม เปอร์โย]

การทักทายแบบนี่ เป็นเรื่องปกติของชาวตะวันตก อยู่แล้วหละ แม้แต่การจับมือ แต่...อิอิ
ทางเมืองไทยคือสิบ่เหมาะหละมั้ง ไปเฮ็ดให้เฒ่าแม่ข่อยเห็นแหน่ คั่นอยากถืกไม้คาน

[ตรี ศรีเมืองใหม่]

เฒ่ามั่วหน้าฮ้าน..ข้อยว่าเจ้าเริ่มเอามาใช้ประเดิมงานบ้านมหาพาแลงนี้เป็นหยัง อิอิๆๆ(โตไผ๋โตมันกะแล้วกัน)

[ต่าย]

จุ๊บ ได้แต่แก้ม...เด้อ..อ่านดีๆเด้อผู้บ่าวกะดาย....
เกินกว่านั้น....กะเป็นภัยต่อสุขภาพตั๊วหละ..........
ไปอ่านกะทู้..ไวรัสตับอักเสบบี..ของอ้ายหนุ่มบ้านดอนเบิ่งเด้อจ้า....:)