"ยักษ์กาลเวลา" - หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน

ธรรมะเป็นแดนสงบ ธรรมะเป็นที่อยู่ของใจ ธรรมะ คือการรู้ทันสภาพความเป็นจริงของจิตที่คิดอยู่ทุกวันนี้ว่ามันมีอะไรบ้าง

ทำได้ก็ไม่ยาก แต่เราไม่ควรประมาท คนประมาทถือว่าเป็นคนที่ไม่รู้เวลาของตัวเอง หรือไม่รู้อายุของตัวเอง คนที่ประมาทนั้น พระพุทธเจ้าบอกว่า คือคนที่ตายแล้ว

เวลา วันคืนเปรียบเหมือนยักษ์ ยักษ์ตัวนี้เขาเรียกว่า ยักษ์กาลเวลา หรือเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ปฏิจจสมุปบาท คือการวนเวียนย้อนกลับมาตั้งต้นใหม่อยู่เรื่อยไม่จบไม่สิ้น ปฏิจจสมุปบาท เหมือนนาฬิกา สมมุติว่าตอนนี้ 9 โมง 39 นาที แล้ว มันก็จะวนกลับมา 9 โมง 39 นาทีอีก มันก็วนของมันอยู่อย่างนี้ แต่ทุกครั้งที่วนกลับมานั้นมีความหมาย คือ เมื่อมันวนมาบ่อยๆ หลายๆ ชั่วโมง เราก็แก่ไปเรื่อย ๆ

เช่นเรานั่งอยู่นี่ พอมันวนมาอีก 39 นาที เราก็เมื่อย เมื่อยคืออนิจจังเกิดแล้ว ทุกขังเกิดแล้ว เราก็แก่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันวนไปถึงปีเราก็จะแก่ไปอีกปี ถ้ามันวนไปถึงสิบปีเราก็แก่ไปอีกสิบปี เวลานี้มันกินเราไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ตัวหรอกว่า เมื่อตอนเด็ก ๆ มันก็ 9 โมง 39 นาที วันนี้ก็ 9 โมง 39 นาที แต่เราไม่สังเกตหรอกว่า มาถึงวันนี้มันวนมากี่รอบแล้ว

เมื่อสมัยเราอายุ 9 ขวบก็ 9 โมง 39 นาที ตอนนี้อายุ 60 กว่าปี มันก็ 9 โมง 39 นาที แต่ทำไมร่างกายมันไม่เหมือนกัน ทำไมเส้นผมมันเปลี่ยนสี เมื่อก่อนมันดำแต่ตอนนี้มันหงอก มันก็ 9 โมง 39 นาทีเหมือนกันนี่แหละ แต่ว่าเวลามันหมุนเวียนมากินเราเสียจนร่างกายสมัยอายุ 9 ขวบนั้นหายไปแล้ว ยักษ์กาลเวลาตัวนี้มันกินเราไปแล้ว ถ้าเรามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่สมัยโน้นตอนนี้เราก็อาจจะเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แต่ที่จริงไม่รู้ว่าสมัยโน้นเราไปอยู่ที่ไหน และถึงเราจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามก็ไม่ใช่ไปอยู่เฉยๆ นะไปสะสมกิเลสไว้เยอะเลย ไปสะสมลูกหลานบ้านเรือน ไปสะสมความคิดตัวกูของกู ไปสะสมปัญหาต่างๆ มาสุมหัวใจจนเต็มไปหมดเลย

เวลาเดียวกัน แต่ถูกกลืนกินสังขารหายไปหมดเสื่อมไปเยอะเลย นี่ยกตัวอย่างให้ฟังนะ

ยักษ์ตนนี้มีสองตา ตาหนึ่งดำ ตาหนึ่งขาว บนหัวมีมงกุฏกะโหลก 5 หัว ที่หูทัดดอกไม้ไฟ ตัวหุ้มด้วยหนังเสือ เล็บมือเล็บเท้ายาวแหลมคม ข้อมือข้อเท้ามีห่วงเปลวเพลิง

ยักษ์ตนนี้มันกลืนกินหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ก็ดี สัตว์นรกก็ดี สัตว์เดรัจฉานก็ดี เทวดาก็ดี เว้นอยู่จำพวกเดียวคือ พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่มันกินไม่ได้ นอกนั้นล้วนตกอยู่ในอำนาจของกรงเล็บยักษ์ทั้งสิ้น ยักษ์นี่กลืนกินทุกวันเลย แล้วก็อยู่ในวงวัฏจักรอยู่ในชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะทุกข์โทมนัสอุปายาส ยักษ์ตนนี้จะกลืนกินคนที่หลงอย่างนี้เวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้จนไม่จบไม่สิ้น พอเกิดใหม่ก็จะหลงอยู่อย่างนี้

บางคนหลงมาก พอตายไปก็ตกนรก บางคนได้สติมีปัญญารู้จักให้ทานรักษาศีล พอตายไปก็ไปเป็นเทวดา หากทำสมาธิได้ก็ไปเป็นพรหม แต่ก็วนเวียน อยู่ในกาลเวลาใน ปฏิจจสมุปบาทนี่เอง มีอย่างเดียวที่เราทำได้ คือปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8

มรรคมีองค์ 8 คือวิธีปฏิบัติที่พุทธเจ้าชี้ทางให้ เพื่อให้มารู้เรื่องจิตใจของเราว่าอะไรทำให้จิตของเรามืดมน ให้เราตื่นขึ้นรู้ขึ้น เยือกเย็นขึ้น สงบขึ้น เรียกว่ารู้ทันมากขึ้น

ฉะนั้น คนที่ปฏิบัติธรรม คือ ผู้ที่พยายามดิ้นออกจากกรงเล็บของยักษ์ ผู้ปฏิบัติธรรมนี่ ถือว่ากาลเวลากินไม่ได้ แต่ถ้าคนไหนเดินเข้าไปหาชีวิตที่ไม่ได้ปฏิบัติก็ถือว่ายักษ์ตนนี้ครอบงำอยู่ คอยจับกินให้ตายไปกับเวลานั้น แล้วเราก็หนีเวลานี้ไม่พ้นไม่ว่าจะเป็นกลางคืนหรือกลางวันก็หนีไม่พ้น เขาต้องกินเราตลอดเวลาแน่นอน พระพุทธเจ้าจึงปรินิพพานทรงออกจากกงกรรมสารจักร หักเขี้ยวเล็บยักษ์ตนนี้ได้แล้ว พระพุทธเจ้าอยู่เหนือกรรมแล้ว เหนือพระไตรลักษณ์แล้ว เวลาไม่กินท่านอีกแล้ว ท่านจึงได้ชื่อว่าไม่ตาย



มาดิ้นรนออกจาก กรงเล็บของยักษ์กันเถอะค่ะ