4 โรคทางจิตเวชยอดอิต

[COLOR="Blue"]ชีวิตคนเมืองอย่างเราๆ ต้องเจอกับมลพิษต่างๆ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่ว่าจะตั้งแต่ออกจากบ้านก็ต้องเจอกับรถติด เครียดจากการทำงานบ้าง กินอาหารไม่ตรงเวลาบ้าง พอตกเย็นก็เพียลซะจนไม่อยากออกกำลังกาย เช่นนี้ทำให้คนเมืองเกิดโรคทางจิตได้ง่ายๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ[/COLOR]

* ซึมเศร้า - สาเหตุใหญ่ที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าคือปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ตกงาน ปิดกิจการ ล้มละลาย รวมทั้งการถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง เช่น คนชราถูกทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว ต้องไปพบแพทย์เมื่อ : ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า ร้องไห้ง่าย จิตใจหดหู่ รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ท้อแท้ สิ้นหวัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลียไม่มีแรง อยากทำร้ายตัวเอง และรู้สึกอยากตาย


* วิตกกังวล - เกิดได้ทั้งปัจจัยภายใน เช่น ขาดความมั่นคงในจิตใจ จิตใจอ่อนแอ อ่อนไหวง่าย ต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่เสมอ และปัจจัยภายนอกที่พบได้คือ ใกล้สอบแต่ดูหนังสือไม่ทัน คับข้องใจเรื่องธุรกิจที่ไม่ราบรื่น ตกงาน หรือต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์แปลกใหม่ เช่น ย้ายโรงเรียนใหม่ เริ่มทำงานครั้งแรก แต่งงานใหม่ คลอดลูกคนแรก เป็นต้น

ต้องไปพบแพทย์เมื่อ : ผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลอย่างมากต่อเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันเกือบทุกวัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ไม่สามารถควบคุมความวิตกกังวลของตัวเองได้ มีอาการต่อไปนี้ไม่น้อยกว่า 3 ใน 6 อย่างได้แก่ กระสับกระส่าย อ่อนเพลียง่าย สมาธิไม่ดี หงุดหงิดง่าย ปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ ของร่างกาย และนอนไม่หลับ ก่อผลเสียต่อการทำงานและเข้าสังคม

* โรคจิตเภท - เป็นความผิดปกติทางจิตใจ ผู้ป่วยจะไม่คิดว่าตัวเองป่วย ไม่ยอมรับการรักษา ก่อให้เกิดความผิดปกติทางบุคลิกภาพ มีความคิดอ่านและประสาทรับรู้ไม่อยู่ในความเป็นจริง

ต้องไปพบแพทย์เมื่อ : มีอาการหลงผิดต่างๆ เกิดประสาทหลอนทางหูหรือตา และยังมีพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เช่น นิ่งเฉย พูดมาก พูดไม่หยุด วุ่นวาย หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ผุดลุกผุดนั่ง เดินไปเดินมา การพูดจาบางครั้งได้เรื่องได้ราว บางครั้งก็ไม่มีใครเข้าใจความหมาย ซักถามก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งมีอาการตกใจกลัวว่ามีเสียงคนขู่จะฆ่า


* โรคย้ำคิดย้ำทำ - มักพบในคนที่มีภาวะเศรษฐกิจและสังคมระดับกลางและสูง มีเชาว์ปัญญาดี มีการศึกษาดี เป็นคนที่ชอบคิดชอบทำงาน และรับผิดชอบงานที่ทำ เกิดจากสาเหตุทางจิตใจ และความผิดปกติของสารเคมีในสมองชื่อซีโรโทนินต่ำกว่าปกติ ทำให้เกิดการย้ำคิดย้ำทำ และมีอารมณ์เศร้าร่วมด้วย

ต้องไปพบแพทย์เมื่อ : มีความวิตกกังวลในความผิด ความไม่ดีของตนเองในอดีต ทนถูกตำหนิไม่ได้ นอกจากนี้ในบางรายยังเป็นลักษณะย้ำคิดย้ำทำเกี่ยวกับเรื่องของความสะอาด จะล้างมือ อาบน้ำวันละหลายๆครั้ง ครั้งละนานๆ


วิธีดูแลตัวเองก่อนป่วย

* กิจกรรมทางเลือก - เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะมีปฏิกิริยาที่เรียกว่า "สู้หรือหนี" ซึ่งเป็นสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ แต่ปฏิกิริยาโต้ตอบภัยคุกคามอย่างทันควันนี้ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบันที่ไม่ยอมรับวิธีแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังเข้า " สู้" หรือ "หนี" คนยุคนี้จึงต้องทนฝืนรับความเครียด แต่ความเป็นจริงแล้วเราควรปลดปล่อยมันออกไป โดยเร็วที่สุดเมื่อรู้ว่าเครียด เปลี่ยนมาทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เดินเล่น รำกระบอง ทำสวน อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ เต้นรำ ความเพลิดเพลินที่ได้รับจะช่วยให้ผ่อนคลาย

* ก้าวออกไปพูดคุยกับใครสักคน - การเกื้อกูลทางสังคมช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้มกันได้ จากการศึกษาของนักเรียนแพทย์ในช่วงสอบไล่ พบว่าเซลล์ชนิดหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันของนักเรียนเหล่านี้ไม่ทำงาน แต่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครอบครัวจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี ดังนั้นลองติดต่อกับเพื่อนเก่าหรือญาติสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ รื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าในอดีต หรือแปรงานอดิเรก เช่น อ่านหนังสือ สะสมสแตมป์ ให้เป็นโอกาสที่จะได้คบเพื่อนที่มีความสนใจร่วมกัน

* ลดความคาดหวัง - ทำใจให้ได้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ความเครียดมักจะถามหาคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในทุกๆสิ่ง แม้ว่าจะทำสิ่งต่างๆได้ดีเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่เขาจดจ่อและกระวนกระวายใจ จนหาความสุขไม่ได้มักจะเป็นอีก 1 เปอร์เซ็นต์ที่ทำไม่ได้มากกว่า พยายามมองโลกในมุมกลับเสียบ้าง เรียนรู้จากข้อผิดพลาด บางทีเมื่อรู้สึกสบายๆที่จะทำอะไรต่อมิอะไร ความกดดันต่างๆก็จะหายไป และพร้อมเสมอสำหรับความท้าทายใหม่ในชีวิต

* ทำงานด้วยหัวใจ - กุญแจสู่ความสุขของคนเราคือ มีความรักในงานที่ทำอยู่ทุกวัน หลายคนไม่เคยหยุดถามตัวเองว่าเหตุใดจึงทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ และชอบงานที่กำลังทำหรือเปล่า จึงควรหาคำตอบให้ตัวเองและเลือกทำงานที่ตนชอบและถนัด หากยังไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ ก็ควรมองหาข้อดีของงานที่ทำให้เรามีความสุข

* กินดีมีประโยชน์ - ในยามที่เครียด ร่างกายจะใช้สารอาหารสำคัญๆ บางอย่างหมดไปอย่างรวดเร็ว ควรจัดอาหารเรียกพลังงานในมื้ออาหารประจำเช่น ข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง เผือก มันเทศ เพราะมีวิตามินบีชนิดต่างๆ ที่ช่วยบำรุงระบบประสาท และจัดเป็นอาหารจำพวกแป้งไม่ขัดขาวที่ให้พลังงาน ช่วยให้ใจสงบ

* เลี่ยงมลพิษในเมือง - ควรอยู่ในอาคารให้มากที่สุดที่จะมากได้ในช่วงที่มีหมอกควันสูงสุดคือช่วงประมาณ 14.00 นาฬิกา หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายภายนอกอาคาร บริเวณใกล้ถนน หากหลีกเลี่ยงควันพิษได้ยาก การกินอาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอี จะช่วยป้องกันได้บ้าง

ที่มา: เลดี้ทิป